UGG Thailand 2018 อุทยานธรณีโลก สตูล (Satun UNESCO Global Geopark)

ตำแหน่ง Google Maps: https://maps.app.goo.gl/qveeQwifhmiMr4f76
อุทยานธรณีโลกสตูล (Satun UNESCO Global Geopark) ดินแดนแห่งซากดึกดำบรรพ์ยุคพาลีโอโซอิกและการอนุรักษ์ธรรมชาติระดับโลก
อุทยานธรณีสตูล (Satun UNESCO Global Geopark) ตั้งอยู่ในจังหวัดสตูล ทางตอนใต้ของประเทศไทย ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานธรณีโลกแห่งแรกของประเทศไทยจากองค์การยูเนสโก (UNESCO Global Geopark) ในปี พ.ศ. 2561 นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำคัญทางธรณีวิทยา ระบบนิเวศ และมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของพื้นที่แห่งนี้ การเข้าถึงสถานะอุทยานธรณีโลกไม่เพียงแต่เป็นการยกย่องคุณค่าทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริม "ธรณีท่องเที่ยว" (Geo-tourism) ที่ผนวกความรู้ทางธรณีวิทยาเข้ากับประสบการณ์การเดินทางอันน่าประทับใจ รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ด้าน "การอนุรักษ์ธรณี" (Geoconservation) และการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์โลก (Earth Science Education) ให้แก่สาธารณชน
พื้นที่อุทยานธรณีสตูล ครอบคลุมสี่อำเภอ ได้แก่ อำเภอทุ่งหว้า อำเภอละงู อำเภอมะนัง และบางส่วนของอำเภอเมืองสตูล คิดเป็นพื้นที่กว่า 2,597 ตารางกิโลเมตร ซึ่งรวมถึงอุทยานแห่งชาติสองแห่งและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหนึ่งแห่ง ที่นี่เป็นที่รู้จักกันในนาม "ดินแดนแห่งซากดึกดำบรรพ์ยุคพาลีโอโซอิก" (Land of Palaeozoic fossils) ด้วยการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ที่อุดมสมบูรณ์และหลากหลายที่สุดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ช่วยไขปริศนาวิวัฒนาการทางธรณีวิทยาของโลก ซากดึกดำบรรพ์เหล่านี้ไม่เพียงดึงดูดนักวิชาการจากทั่วโลก แต่ยังเชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจร่วมเดินทางสำรวจอดีตกาลของโลกผ่านหลักฐานที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ก่อให้เกิดการเรียนรู้และเข้าใจถึงคุณค่าของทรัพยากรธรณี เพื่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนต่อไป
ภูมิศาสตร์และธรณีวิทยา (Geographical & Geological Context)
อุทยานธรณีสตูลโดดเด่นด้วยภูมิประเทศที่หลากหลายและสวยงาม บริเวณด้านตะวันออกและตอนเหนือเป็นเทือกเขาและเชิงเขา ในขณะที่พื้นที่ส่วนที่ติดกับทะเลอันดามันประกอบด้วยชายหาดและหมู่เกาะชายฝั่งอันงดงาม ระดับความสูงของพื้นที่สามารถขึ้นไปได้ถึง 732 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยระหว่าง 23°C ถึง 34°C
ธรณีวิทยาและการกำเนิด (Geology and Formation Process)
ธรณีวิทยาของอุทยานธรณีสตูลมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการศึกษาประวัติศาสตร์โลก พื้นที่นี้ประกอบด้วยหินตะกอน (Sedimentary rocks) อายุยุคพาลีโอโซอิก (Palaeozoic Era) ซึ่งมีอายุเก่าแก่ถึงประมาณ 541 ถึง 252 ล้านปีที่แล้ว การค้นพบซากดึกดำบรรพ์จำนวนมากในชั้นหินเหล่านี้ ทำให้สตูลได้รับการขนานนามว่าเป็น "ดินแดนแห่งซากดึกดำบรรพ์ยุคพาลีโอโซอิก"
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ที่บ่งชี้ถึงชีวิตในทะเลโบราณ ได้แก่ ไทรโลไบต์ (Trilobites), แบรคิโอพอด (Brachiopods), สโตรมาโตไลต์ (Stromatolites), โคโนดอนต์ (Conodonts), แกรปโทไลต์ (Graptolites), เทนทาคูไลต์ (Tentaculites) และนอติลอยด์ (Nautiloids) ซากดึกดำบรรพ์ไทรโลไบต์ยุคแคมเบรียน (Cambrian trilobite fossils) ที่พบบนเกาะตะรุเตา (Tarutao Island) ถือเป็นซากที่เก่าแก่ที่สุดในคาบสมุทรมลายู-ไทย (Thai-Malay Peninsula) นอกจากนี้ การพบชั้นเถ้าภูเขาไฟ (Volcanic ash layers) ในบริเวณเดียวกัน ยังช่วยให้นักธรณีวิทยาสามารถหาอายุสัมบูรณ์ (Absolute dating) ของชั้นชีวภาพไทรโลไบต์ยุคแคมเบรียนตอนปลาย (Late Cambrian trilobite biostratigraphy) ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น การค้นพบครั้งสำคัญนี้ยังรวมถึงไทรโลไบต์สกุลใหม่หนึ่งสกุล (One new genus) และห้าชนิดใหม่ (Five new species) ในยุคแคมเบรียน รวมถึงสโตรมาโตไลต์สีแดง (Red stromatolites) ที่น่าสนใจอีกด้วย
ข้อมูลทางธรณีวิทยาเหล่านี้เป็นหลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีวิวัฒนาการของโลกเก่า (Old-World Realm) ซึ่งเชื่อว่า "ฉาน-ไทย เทอร์เรน" (Shan-Thai Terranes) ที่ประกอบเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคใต้ประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่กอนด์วานา (Gondwana) ในอดีต และได้เคลื่อนที่แยกตัวออกมา การศึกษาธรณีวิทยาในอุทยานธรณีสตูลจึงเป็นการเดินทางย้อนเวลาเพื่อทำความเข้าใจกระบวนการก่อกำเนิดและเปลี่ยนแปลงของโลกในระดับมหาภาค
แหล่งธรณีวิทยาที่สำคัญ (Key Geosites)
อุทยานธรณีสตูลมีแหล่งธรณีวิทยาที่สำคัญ (Geosites) หลายแห่งที่แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางธรณีวิทยาและระบบนิเวศ โดยคัดเลือก 3 แห่งที่โดดเด่นดังนี้:
1. เกาะตะรุเตา (Tarutao Island)
เกาะตะรุเตาเป็นแหล่งธรณีวิทยาที่มีชื่อเสียงในด้านการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ไทรโลไบต์ยุคแคมเบรียน (Cambrian trilobite fossils) ซึ่งเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุดในคาบสมุทรมลายู-ไทย (Thai-Malay Peninsula) ซากไทรโลไบต์เป็นสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลังที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน การพบซากเหล่านี้ช่วยบ่งชี้สภาพแวดล้อมทางทะเลโบราณ และกระบวนการสะสมของตะกอน (Sedimentation) ที่นำไปสู่การก่อตัวของหินตะกอน (Sedimentary rocks) ที่เราเห็นในปัจจุบัน นอกจากนี้ การมีอยู่ของชั้นเถ้าภูเขาไฟ (Volcanic ash layers) ใกล้เคียงกับชั้นซากดึกดำบรรพ์ ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการหาอายุที่แน่นอนของเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาในยุคแคมเบรียนตอนปลาย (Late Cambrian) การเยี่ยมชมเกาะตะรุเตาจึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เรียนรู้เรื่องราวของสิ่งมีชีวิตโบราณและการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก (Earth's crust)
2. ปราสาทหินปันยอด (Prasat Hin Panyod)
ปราสาทหินปันยอดเป็นแหล่งธรณีวิทยาที่มีทิวทัศน์ "หินปูนยอดแหลม" (Pinnacle karst landscape) อันตระการตา ซึ่งเกิดจากการกัดกร่อนของน้ำฝนและน้ำใต้ดินต่อหินปูน (Limestone) มาเป็นระยะเวลานานหลายล้านปี ทำให้เกิดรูปร่างแปลกตาคล้ายปราสาทธรรมชาติกลางทะเล จุดเด่นของที่นี่คือถ้ำทะเล (Sea cave) และลากูนลับ (Hidden lagoon) ที่ซ่อนอยู่ภายใน ซึ่งสามารถเข้าถึงได้โดยการพายเรือคายัคเท่านั้น ถ้ำทะเลเกิดจากการกัดเซาะของคลื่นทะเลและน้ำกร่อย (Brackish water) ที่ผสมผสานกับการละลายของหินปูน ส่วนลากูนลับนั้นเป็นแอ่งน้ำที่ถูกโอบล้อมด้วยหน้าผาหินปูนสูงชัน เผยให้เห็นถึงกระบวนการ "ธรณีสัณฐาน" (Geomorphological processes) อันซับซ้อนที่สร้างสรรค์ความงดงามทางธรรมชาติ การสำรวจปราสาทหินปันยอดจึงเป็นการผจญภัยที่เผยให้เห็นถึงพลวัตของธรรมชาติอย่างแท้จริง
3. ถ้ำภูผาเพชร (Phu Pha Phet Cave)
ถ้ำภูผาเพชรเป็นหนึ่งในถ้ำที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดในประเทศไทย โดดเด่นด้วยห้องโถงกว้างใหญ่และ "หินงอกหินย้อย" (Stalactites and stalagmites) ที่ก่อตัวขึ้นอย่างวิจิตรบรรจง หินงอกหินย้อยเหล่านี้เป็นผลมาจากการตกผลึกของแร่แคลไซต์ (Calcite mineral) จากน้ำที่หยดลงมาอย่างช้าๆ ภายในถ้ำ ซึ่งใช้เวลาหลายแสนถึงหลายล้านปีในการสะสมตัวจนเกิดเป็นรูปทรงต่างๆ ถ้ำภูผาเพชรตั้งอยู่ในเทือกเขาหินปูน (Limestone mountain range) ซึ่งบ่งชี้ถึงประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยาของการยกตัวของเปลือกโลก (Tectonic uplift) และการกัดกร่อนจากน้ำบาดาล (Groundwater erosion) ที่ก่อให้เกิดระบบถ้ำอันกว้างใหญ่ไพศาล การเดินสำรวจถ้ำแห่งนี้ไม่เพียงให้ความเพลิดเพลิน แต่ยังเป็นบทเรียนมีชีวิตเกี่ยวกับ "ธรณีวิทยาน้ำใต้ดิน" (Hydrogeology) และการก่อตัวของภูมิประเทศแบบคาสต์ (Karst topography)
4. แหล่งซากดึกดำบรรพ์เขาหน้อย (Khao Noi rock succession)
แหล่งซากดึกดำบรรพ์เขาหน้อยมีความสำคัญในฐานะหนึ่งในพื้นที่ที่มีการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ. 2551 (FOSSIL PROTECTION ACT B.E. 2551) ซึ่งเน้นย้ำถึงคุณค่าทางวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์ธรรมชาติของแหล่งนี้ ที่นี่เป็นแหล่งที่ยังคงพบการเรียงลำดับชั้นหิน (Rock succession) ที่ชัดเจนพร้อมกับซากดึกดำบรรพ์ยุคพาลีโอโซอิก (Palaeozoic fossils) ที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งซากของสัตว์ทะเลโบราณ การศึกษาชั้นหินและซากดึกดำบรรพ์ ณ ที่แห่งนี้ช่วยให้นักวิชาการสามารถสร้างแบบจำลองสภาพแวดล้อมทางธรณีวิทยาในอดีต และทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของชีวมณฑล (Biosphere) ผ่านกาลเวลา แหล่งเขาหน้อยจึงเป็นห้องปฏิบัติการธรรมชาติ (Natural laboratory) ที่สำคัญสำหรับการวิจัยและเป็นจุดเรียนรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์มรดกธรณีวิทยา (Geoheritage conservation)
ความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม (Biodiversity & Culture)
อุทยานธรณีสตูลไม่ได้มีเพียงความมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) และมรดกทางวัฒนธรรม (Cultural heritage) ที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง หิน ดิน น้ำ ป่า และมนุษย์ (Rock-Soil-Water-Forest-Human Relationship)
-
หินและดิน (Rock and Soil): โครงสร้างทางธรณีวิทยาของหินปูนและหินตะกอนยุคพาลีโอโซอิกได้สร้างฐานของระบบนิเวศ ดินที่เกิดจากการผุพังของหินเหล่านี้เป็นแหล่งแร่ธาตุสำคัญที่หล่อเลี้ยงพืชพรรณ ทำให้เกิดป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลากหลายชนิด
-
น้ำและป่า (Water and Forest): การก่อตัวของภูมิประเทศแบบคาสต์ (Karst topography) ทำให้เกิดระบบถ้ำที่ซับซ้อนและแหล่งน้ำใต้ดิน (Underground water sources) ที่เป็นต้นกำเนิดของน้ำตกและลำธาร น้ำเหล่านี้ไหลผ่านป่าดิบชื้น (Tropical rainforest) หล่อเลี้ยงพืชพรรณหายากและเป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับทั้งสัตว์ป่าและชุมชนมนุษย์
-
มนุษย์ (Human): ผู้คนในอุทยานธรณีสตูลประมาณ 113,110 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทย มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและศาสนา ทั้งพุทธ มุสลิม คริสต์ และกลุ่มชาติพันธุ์พื้นเมือง เช่น มานิ (Maniq หรือ Semung) และชาวเลอูรักลาโว้ย (Urak Lawoi) ซึ่งอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข วิถีชีวิตของชุมชนผูกพันกับการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน อาชีพหลักคือเกษตรกรรม ประมง การท่องเที่ยว และธุรกิจขนาดเล็กในท้องถิ่น ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติถือเป็นส่วนสำคัญของมรดกวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การเรียนรู้และอนุรักษ์
ความสัมพันธ์อันซับซ้อนนี้เน้นย้ำว่าการอนุรักษ์ธรณีวิทยาเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์ระบบนิเวศทั้งหมด และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรณีไม่เพียงแต่สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ แต่ยังช่วยปลูกฝังความเข้าใจและความเคารพในคุณค่าของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันมาอย่างยาวนาน
แนวทางการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยว (Traveler Guidelines)
การเดินทางสู่อุทยานธรณีสตูลเป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นและสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อให้การเดินทางของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและยั่งยืน ควรปฏิบัติตามแนวทางดังนี้:
การเตรียมตัว (Preparation)
-
ศึกษาข้อมูล: ศึกษาข้อมูลแหล่งธรณีวิทยาและวัฒนธรรมที่คุณสนใจล่วงหน้า เพื่อให้เข้าใจถึงความสำคัญทางธรณีวิทยาและประวัติศาสตร์ของพื้นที่แต่ละแห่ง
-
การแต่งกาย: สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เหมาะสมกับการเดินป่า สำรวจถ้ำ หรือกิจกรรมทางน้ำ รวมถึงรองเท้าที่สวมสบายและปลอดภัย
-
อุปกรณ์จำเป็น: เตรียมหมวก ครีมกันแดด ยากันแมลง น้ำดื่มให้เพียงพอ และยาประจำตัวหากมี หากมีกิจกรรมผจญภัย เช่น พายเรือคายัค ควรเตรียมอุปกรณ์กันน้ำสำหรับสิ่งของมีค่า
-
คำนึงถึงสภาพอากาศ: สตูลมีสภาพอากาศแบบร้อนชื้น ควรตรวจสอบพยากรณ์อากาศก่อนเดินทาง โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน (พฤษภาคม-ตุลาคม) ที่อาจมีฝนตกหนัก
ธรณีจริยธรรม (Geo-Ethics)
"ธรณีจริยธรรม" คือหลักปฏิบัติที่นักท่องเที่ยวควรยึดถือเพื่อรักษาคุณค่าของอุทยานธรณีโลกไว้ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน:
-
ไม่ทิ้งร่องรอย: นำขยะกลับออกมาทุกครั้ง ไม่ทิ้งสิ่งแปลกปลอมไว้ในธรรมชาติ เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมให้บริสุทธิ์
-
ไม่ทำลายทรัพยากรธรณี: ไม่เก็บตัวอย่างหิน ดิน แร่ หรือซากดึกดำบรรพ์ออกจากพื้นที่ รวมถึงไม่ขีดเขียน ทำลาย หรือเคลื่อนย้ายวัตถุธรณีวิทยาใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากสิ่งเหล่านี้เป็นมรดกของโลกและเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ การกระทำดังกล่าวอาจผิดกฎหมายคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ. 2551 (FOSSIL PROTECTION ACT B.E. 2551)
-
เคารพธรรมชาติและวัฒนธรรม: เดินทางในเส้นทางที่กำหนด ปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุทยาน ไม่รบกวนสัตว์ป่าและระบบนิเวศ และแสดงความเคารพต่อประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่น
-
ส่งเสริมการศึกษาและการอนุรักษ์: ใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องราวของโลก และเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนกิจกรรมการอนุรักษ์และการศึกษาด้านธรณีวิทยาของอุทยาน
การปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้ไม่เพียงช่วยปกป้องความมหัศจรรย์ของอุทยานธรณีสตูล แต่ยังส่งเสริมให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างประโยชน์ร่วมกันระหว่างธรรมชาติ ชุมชน และผู้มาเยือน
อุทยานธรณีสตูล เป็นมากกว่าแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ แต่เป็นห้องสมุดประวัติศาสตร์โลกอันยิ่งใหญ่ที่เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวการกำเนิดและวิวัฒนาการของโลกผ่านหลักฐานทางธรณีวิทยาและซากดึกดำบรรพ์อันล้ำค่า การได้รับการประกาศเป็นอุทยานธรณีโลกจากยูเนสโกในปี พ.ศ. 2561 เป็นการตอกย้ำถึงคุณค่าและความสำคัญของพื้นที่แห่งนี้ในระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นซากดึกดำบรรพ์ไทรโลไบต์ยุคแคมเบรียนที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาค ภูมิประเทศแบบคาสต์ที่งดงาม หรือความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน
การส่งเสริมธรณีท่องเที่ยวในอุทยานธรณีสตูลจึงไม่ใช่เพียงแค่การนำเสนอความสวยงามของธรรมชาติ แต่ยังเป็นการขับเคลื่อนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์โลกและการปลูกฝังจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ธรณี ให้คนรุ่นหลังได้เห็นคุณค่าและร่วมกันปกป้องมรดกทางธรณีวิทยาอันประเมินค่ามิได้นี้ไว้ ด้วยการดำเนินงานภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการที่เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นและหน่วยงานภาครัฐ อุทยานธรณีสตูลจึงมุ่งมั่นที่จะเป็นต้นแบบของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่ธรณีวิทยา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนและเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติและโลกของเรา
เอกสารอ้างอิง (References)
-
ResearchGate - Geotourism Potential and Management Guidelines of Satun UNESCO Global Geopark
-
Oh Happy Bear - Satun UNESCO Global Geopark: Thailand's First UNESCO Global Geopark
.
วิดีโอแนะนำอุทยานธรณีสตูล ที่มา https://www.geopark-thailand.org
ที่มา
- https://www.geopark-thailand.org
-------------------------
-------------------------




