iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ

แหล่งมรดกโลก เอเชียตะวันออก จีน 1987 กำแพงเมืองจีน (The Great Wall)

 

 

แผนที่ https://maps.app.goo.gl/f6zPHHVXmVBxiapH9

กำแพงเมืองจีน (The Great Wall): มรดกโลกแห่งความยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ประเทศจีน มหัศจรรย์แห่งกำแพงการศึกษาเชิงลึกกำแพงเมืองจีน มรดกโลกแห่งอารยธรรมมนุษย์

กำแพงเมืองจีน (The Great Wall) เป็นหนึ่งในโครงการป้องกันทางทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) ในปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) กำแพงอันยาวเหยียดนี้ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล (ประมาณ 825 ปี ก่อนพุทธศักราช) จนถึงศตวรรษที่ 17 คริสตกาล (ประมาณ 2143 ปี หลังพุทธศักราช) โดยจักรวรรดิจีนที่สืบทอดกันมาตามแนวชายแดนทางเหนือของประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์หลักในการป้องกันการรุกรานจากภายนอกและการธำรงรักษาวัฒนธรรมจีนอันเป็นเอกลักษณ์

โครงสร้างป้องกันขนาดมหึมานี้มีความยาวรวมมากกว่า 20,000 กิโลเมตร โดยบางแหล่งระบุความยาวที่แม่นยำถึง 21,196.18 กิโลเมตร กำแพงเมืองจีนมีจุดเริ่มต้นจาก Shanhaiguan (ซานไห่กวน) ในมณฑล Hebei (เหอเป่ย) ทางทิศตะวันออก และทอดตัวยาวไปจนถึง Jiayuguan (เจียยูกวน) ในมณฑล Gansu (กานซู) ทางทิศตะวันตก บ้างก็กล่าวว่าทอดยาวจาก Liaodong (เหลียวตง) ทางตะวันออกไปจนถึง Lop Lake (ทะเลสาบลอป) ทางตะวันตก ซึ่งโดยประมาณแล้วเป็นการแบ่งเขตขอบของทุ่งหญ้ามองโกเลีย โครงสร้างหลักประกอบด้วยกำแพง ทางม้า ช่องสอดแนม (watch towers) และที่พักพิง รวมถึงป้อมปราการและด่านตรวจการณ์ตามแนวตลอดความยาว การก่อสร้างใช้วัสดุหลากหลาย เช่น ดิน ไม้ อิฐ และหิน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเทคนิคทางวิศวกรรมที่ล้ำหน้าซึ่งปรับให้เข้ากับลักษณะทางธรรมชาติของภูมิประเทศ

คุณค่าสากลอันโดดเด่น (Outstanding Universal Value)

กำแพงเมืองจีนได้รับการยอมรับในฐานะแหล่งมรดกโลกด้วยคุณค่าสากลอันโดดเด่น (Outstanding Universal Value - OUV) ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความอัจฉริยะของมนุษย์และความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมอย่างไม่มีที่ติ ตามเกณฑ์ขององค์การยูเนสโก กำแพงเมืองจีนสะท้อนคุณค่าดังนี้:

  • เกณฑ์ (i): ผลงานชิ้นเอกที่แสดงถึงอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ของมนุษย์ (Masterpiece of Human Creative Genius) การก่อสร้างกำแพงเมืองจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยราชวงศ์หมิง (Ming Dynasty) ถือเป็นผลงานชิ้นเอกอันยอดเยี่ยม ด้วยลักษณะที่ทะเยอทะยานและสมบูรณ์แบบในการก่อสร้าง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถทางวิศวกรรมและการวางแผนของมนุษย์ในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

  • เกณฑ์ (ii): มีความสำคัญยิ่งในการแลกเปลี่ยนคุณค่าของมนุษย์ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง (Important Interchange of Human Values) กำแพงนี้สะท้อนให้เห็นถึงการปะทะและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างอารยธรรมเกษตรกรรมและอารยธรรมเร่ร่อนในจีนโบราณ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้รูปแบบการก่อสร้างและการจัดระเบียบพื้นที่ตามแบบจีนในงานป้องกันประเทศ

  • เกณฑ์ (iii): เป็นหลักฐานที่โดดเด่นหรือเป็นเอกลักษณ์ของประเพณีวัฒนธรรม (Unique or Exceptional Testimony to a Cultural Tradition) กำแพงเมืองจีนเป็นหลักฐานทางกายภาพที่สำคัญของการคิดเชิงกลยุทธ์ทางการเมืองที่ยาวไกล และพลังอำนาจทางทหารและการป้องกันประเทศอันยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิในยุคจีนโบราณ

  • เกณฑ์ (iv): เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรม (Outstanding Example of an Architectural Ensemble) ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่มีความซับซ้อนและมีวิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์นี้เป็นตัวอย่างที่หาใดเทียบได้ของสถาปัตยกรรมทางการทหารที่ทำหน้าที่เชิงกลยุทธ์เดียวมาเป็นเวลากว่าสองพันปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในเทคนิคการป้องกันและการปรับตัวให้เข้ากับภูมิทัศน์ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป

  • เกณฑ์ (vi): มีความเกี่ยวข้องโดยตรงหรือจับต้องได้กับเหตุการณ์หรือประเพณีที่ยังคงมีชีวิต (Directly or Tangibly Associated with Events or Living Traditions) กำแพงเมืองจีนมีความสำคัญเชิงสัญลักษณ์ที่หาใดเปรียบมิได้ในประวัติศาสตร์จีน เป็นตัวแทนของการป้องกันการรุกรานและการธำรงรักษาวัฒนธรรมจีน การก่อสร้างซึ่งเกี่ยวข้องกับความทุกข์ทรมานอันมหาศาล ยังเป็นธีมที่ปรากฏซ้ำแล้วซ้ำเล่าในวรรณคดีจีน

บริบททางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม (Historical and Architectural Context) 

บริบททางประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ของกำแพงเมืองจีนทอดยาวกว่าสองพันปี โดยมีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล (ประมาณ 825 ปี ก่อนพุทธศักราช) จนถึงศตวรรษที่ 17 คริสตกาล (ประมาณ 2143 ปี หลังพุทธศักราช)

  • ป้อมปราการยุคแรก (ศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล - ราชวงศ์ฉิน): กำแพงที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล (ประมาณ 1125 ปี ก่อนพุทธศักราช) สร้างโดยรัฐต่างๆ ในช่วงยุคชุนชิว (Spring and Autumn period) และยุคจ้านกั๋ว (Warring States period) เพื่อการป้องกันตนเอง กำแพงเริ่มแรกเหล่านี้มักสร้างจากดินอัดและกรวดระหว่างโครงไม้

  • ราชวงศ์ฉิน (ประมาณ 220 ปีก่อนคริสตกาล หรือประมาณ 324 ปี ก่อนพุทธศักราช): ภายใต้การปกครองของฉินสื่อหวงตี้ (Qin Shi Huang) ได้มีการเชื่อมต่อส่วนต่างๆ ของป้อมปราการยุคแรกเข้าด้วยกันเพื่อสร้างระบบป้องกันที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อต่อต้านการรุกรานจากทางเหนือ ซึ่งถือเป็นการสร้าง "กำแพงเมืองจีน" ที่แท้จริงครั้งแรก

  • ราชวงศ์ที่สืบทอดกันมา: ราชวงศ์ต่อมา เช่น ราชวงศ์ฮั่น (Han), ราชวงศ์ฉีเหนือ (Northern Qi) และโดยเฉพาะอย่างยิ่งราชวงศ์หมิง (Ming) ได้ทำการสร้างใหม่ เสริมกำลัง และขยายระบบกำแพง ราชวงศ์ฮั่นได้ขยายป้อมปราการไปทางตะวันตกไกลที่สุด

  • ราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368–1644 หรือ พ.ศ. 1911–2187): ส่วนที่กว้างขวางและได้รับการอนุรักษ์ไว้ดีที่สุดที่เห็นได้ในปัจจุบันส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นในช่วงราชวงศ์หมิง ซึ่งกลายเป็นโครงสร้างทางทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความพยายามของราชวงศ์หมิงเป็นโครงการสร้างใหม่ที่เป็นระบบ โดยใช้วัสดุที่แข็งแรงกว่าและการออกแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น

วัตถุประสงค์หลักของกำแพงเมืองจีนคือการป้องกันทางทหารจากการรุกรานของกลุ่มเร่ร่อนจากทุ่งหญ้ายูเรเซีย เช่น ชนเผ่าซงหนู (Xiongnu) และมองโกล นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นปราการทางจิตวิทยา เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นปึกแผ่นของชาติ และช่วยปกป้องเส้นทางการค้าที่สำคัญ เช่น เส้นทางสายไหม (Silk Road)

บริบททางสถาปัตยกรรม รูปแบบสถาปัตยกรรม โครงสร้าง และวัสดุของกำแพงเมืองจีนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตามสภาพภูมิศาสตร์ สภาพท้องถิ่น และเทคโนโลยีที่มีอยู่ในแต่ละช่วงเวลา

  • วัสดุ: กำแพงยุคแรกเริ่มส่วนใหญ่ใช้ดินอัด (rammed earth) และหินแห้ง (dry stone) ในพื้นที่ราบและแห้งแล้ง ดินที่บดอัดแน่นมักเป็นที่นิยม บางครั้งผสมกับทรายและต้นกก ในบริเวณที่เป็นภูเขา มีการใช้หินท้องถิ่นที่อุดมสมบูรณ์ โดยตัดเป็นบล็อกสี่เหลี่ยมสำหรับฐานรากและประตูทางเข้า ส่วนราชวงศ์หมิงมีการใช้อิฐเผาจากเตาเผาอย่างแพร่หลาย ซึ่งมักเชื่อมด้วยปูนที่ทำจากปูนขาวและข้าวเหนียว ซึ่งให้ความแข็งแรงและทนทานที่มากขึ้น

  • โครงสร้าง: โครงสร้างหลักของกำแพงประกอบด้วยกำแพง ทางม้า ช่องสอดแนม (watchtowers) และที่พักพิง นอกจากนี้ยังรวมถึงป้อมปราการ ด่าน และหอคอยสัญญาณ (beacon towers) ตลอดแนว

    • กำแพง: มีความสูงตั้งแต่ 6 ถึง 9 เมตร และกว้าง 6.5 เมตร ที่ฐานและเรียวขึ้นที่ด้านบน บางส่วนใช้ประโยชน์จากสิ่งกีดขวางทางธรรมชาติ เช่น หน้าผาหรือเขื่อนกั้นแม่น้ำ

    • ช่องสอดแนม (Watchtowers): ถูกจัดวางอย่างมีกลยุทธ์ทุกๆ สองสามร้อยเมตร ทำหน้าที่เป็นจุดลาดตระเวน ตำแหน่งป้องกัน และที่พักสำหรับทหาร

    • หอคอยสัญญาณ (Beacon Towers): ใช้สำหรับการสื่อสาร โดยใช้สัญญาณไฟและควันเพื่อส่งข้อความอย่างรวดเร็วข้ามระยะทางอันกว้างใหญ่

    • ด่าน (Passes): ประตูทางเข้าที่ได้รับการเสริมกำลังอย่างหนัก สร้างขึ้นที่เส้นทางการค้าที่สำคัญ มักมีทางลาดสำหรับม้าและทหาร

จุดเด่นที่สำคัญ (Key Highlights)

กำแพงเมืองจีนเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จอันน่าทึ่งของมนุษย์ที่สร้างขึ้นตลอดระยะเวลานับพันปี จุดเด่นสำคัญประกอบด้วย:

  • ความยิ่งใหญ่และช่วงเวลาการก่อสร้าง: ด้วยความยาวกว่า 20,000 กิโลเมตร และการก่อสร้างต่อเนื่องยาวนานกว่าสองพันปี ทำให้เป็นหนึ่งในโครงการก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดและทะเยอทะยานที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ

  • วิศวกรรมที่ปรับตัวตามธรรมชาติ: เทคนิคการก่อสร้างที่หลากหลายและการใช้วัสดุที่ปรับให้เข้ากับสภาพภูมิประเทศและสภาพท้องถิ่นที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ดินอัดไปจนถึงอิฐและปูนข้าวเหนียว สะท้อนถึงความฉลาดทางวิศวกรรมของชาวจีนโบราณ

  • สัญลักษณ์ของการป้องกันและวัฒนธรรม: กำแพงนี้ไม่เพียงแต่เป็นป้อมปราการทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์อันทรงพลังของการปกป้องจีนจากการรุกรานจากภายนอกและการธำรงรักษาวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์

  • จุดเชื่อมต่ออารยธรรม: แสดงถึงการปะทะและการแลกเปลี่ยนระหว่างอารยธรรมเกษตรกรรมและอารยธรรมเร่ร่อน ซึ่งมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อการพัฒนาของสังคมจีน

  • องค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย: ประกอบด้วยกำแพง, ช่องสอดแนม, หอคอยสัญญาณ, ป้อมปราการ และด่านต่างๆ ซึ่งทั้งหมดถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ทางทหารโดยเฉพาะ และแสดงถึงความก้าวหน้าในเทคนิคการป้องกัน

 

ในปัจจุบัน กำแพงเมืองจีน กลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของประเทศจีนและของโลก นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเยี่ยมชมเพื่อสัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของกำแพงที่สร้างขึ้นมาด้วยความพยายามของมนุษย์ในอดีต บริเวณที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุด ได้แก่

1. ด่านปาต้าหลิง (Badaling Section) เป็นส่วนของกำแพงเมืองจีนที่ได้รับการบูรณะและอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุด ห่างจากกรุงปักกิ่งประมาณ 70 กิโลเมตร ด่านปาต้าหลิงเป็นจุดที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยวเนื่องจากสามารถเดินทางไปได้สะดวก และมีบริการรถกระเช้าขึ้นไปยังยอดกำแพง

2. ด่านมู่เถียนยวี่ (Mutianyu Section) ด่านนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปักกิ่ง และเป็นอีกหนึ่งจุดยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามของภูเขาที่ล้อมรอบกำแพง นักท่องเที่ยวสามารถเดินสำรวจแนวกำแพงที่ยังคงสภาพดั้งเดิมได้ และมีบริการกระเช้าไฟฟ้าและเลื่อนสไลด์ให้เลือกใช้งานสำหรับการเดินทางขึ้น-ลง

3. ด่านซือหม่าไถ (Simatai Section) ด่านซือหม่าไถเป็นอีกหนึ่งส่วนของกำแพงเมืองจีนที่ยังคงรักษาลักษณะดั้งเดิมไว้มากที่สุด โครงสร้างส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการบูรณะ ทำให้มีความท้าทายสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัยและการปีนป่าย ช่วงกำแพงนี้ยังคงความเป็นธรรมชาติและเงียบสงบกว่าส่วนอื่นๆ

4. ด่านจิ้นซานหลิ่ง (Jinshanling Section) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกำแพงเมืองจีนแบบดั้งเดิมและหลีกหนีความพลุกพล่าน ด่านจิ้นซานหลิ่งเป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากมีส่วนของกำแพงที่ยังไม่ได้บูรณะมากนักและยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติ

มรดกแห่งอารยธรรม กำแพงเมืองจีน ไม่ได้เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ของการป้องกันข้าศึก แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงความพยายามของอาณาจักรจีนในการสร้างและปกป้องดินแดนของตน กำแพงเมืองจีนสะท้อนให้เห็นถึงการรวมกันของภูมิปัญญาทางวิศวกรรมและการทหาร ซึ่งเป็นผลจากการทำงานร่วมกันของคนจำนวนมากหลายชั่วอายุคน ความยาวและความยิ่งใหญ่ของกำแพงทำให้ผู้มาเยือนตระหนักถึงพลังของมนุษย์ในการสร้างสรรค์และป้องกันบ้านเมืองของตนเอง**การอนุรักษ์และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน**แม้กำแพงเมืองจีนจะยิ่งใหญ่และคงทน แต่มันก็เผชิญกับความเสี่ยงจากการเสื่อมสภาพตามธรรมชาติและผลกระทบจากการท่องเที่ยว รัฐบาลจีนได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่ออนุรักษ์ส่วนที่สำคัญของกำแพง และในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในบางพื้นที่ การจัดการพื้นที่ให้เป็นระเบียบ และการบูรณะกำแพงในส่วนที่ชำรุดเสียหาย

กำแพงเมืองจีน ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความมั่นคง ความกล้าหาญ และความพยายามของอารยธรรมจีนในอดีต การได้เยี่ยมชมกำแพงเมืองจีนเป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีนอย่างลึกซึ้ง

กำแพงเมืองจีน เป็นมากกว่าสิ่งก่อสร้างทางกายภาพ แต่เป็นอนุสรณ์สถานทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่น ความสามารถทางวิศวกรรม และจิตวิญญาณ์ของชาติจีนตลอดช่วงเวลาอันยาวนาน ในฐานะแหล่งมรดกโลก กำแพงแห่งนี้ยืนหยัดเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงปัญญาของมนุษย์ในการสร้างสรรค์ระบบป้องกันที่ยิ่งใหญ่ ควบคู่ไปกับการเป็นพยานถึงการปะทะและการแลกเปลี่ยนทางอารยธรรม การเยี่ยมชมกำแพงเมืองจีนจึงไม่เพียงแต่เป็นการสัมผัสกับสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นการเข้าใจถึงเรื่องราวอันลึกซึ้งของการป้องกัน การธำรงรักษาวัฒนธรรม และมรดกอันเป็นอมตะที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน

.

------------------------

แหล่งมรดกโลก เอเชียตะวันออก จีน (China)

--------------------------------------

 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward