1992 พื้นที่ทัศนียภาพและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอู่หลิงหยวน (Wulingyuan Scenic and Historic Interest Area))
google map
กลุ่มอาคารโบราณในเทือกเขาอู่ตัง: มรดกโลกแห่งปรัชญาเต๋าและศิลปะสถาปัตยกรรมจีนอันยิ่งใหญ่
กลุ่มอาคารโบราณในเทือกเขาอู่ตัง (Ancient Building Complex in the Wudang Mountains) ตั้งอยู่ในเมืองสือเยี่ยน (Shiyan City) มณฑลหูเป่ย์ (Hubei Province) สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางสำคัญของลัทธิเต๋า (Taoism) และเป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของศิลปะและสถาปัตยกรรมจีนโบราณ สถานที่แห่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความเชื่อ ศาสนา และศิลปวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ด้วยการผสมผสานภูมิทัศน์ธรรมชาติอันงดงามเข้ากับสิ่งก่อสร้างที่สะท้อนถึงปัญญาและเทคโนโลยีทางสถาปัตยกรรมอันล้ำเลิศ ซึ่งมีอายุย้อนไปได้ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 7 (พุทธศตวรรษที่ 12) และได้รับการพัฒนาอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงราชวงศ์หมิง (Ming Dynasty) ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 14-17 (พุทธศตวรรษที่ 19-22) ปัจจุบันยังคงมีอาคารโบราณเหลือรอดอยู่ 53 แห่ง และแหล่งสถาปัตยกรรม 9 แห่ง ซึ่งรวมถึงวิหารทอง (Golden Shrine) และศาลเจ้าสำริดโบราณ (Ancient Bronze Shrine) ที่เป็นหลักฐานสำคัญของความรุ่งเรืองในอดีต
คุณค่าโดดเด่นเป็นสากล (Outstanding Universal Value)
กลุ่มอาคารโบราณในเทือกเขาอู่ตังได้รับการยอมรับในคุณค่าโดดเด่นเป็นสากล (Outstanding Universal Value - OUV) ภายใต้เกณฑ์การคัดเลือกของยูเนสโก 3 ข้อ ได้แก่:
-
เกณฑ์ (i): อาคารต่างๆ เป็นตัวแทนของมาตรฐานสูงสุดในศิลปะและสถาปัตยกรรมจีนตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งพันปี สะท้อนให้เห็นถึงความประณีตในการออกแบบ การก่อสร้าง และการผสานรวมเข้ากับธรรมชาติได้อย่างลงตัว
-
เกณฑ์ (ii): อาคารที่เทือกเขาอู่ตังมีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาศิลปะและสถาปัตยกรรมทั้งทางศาสนาและสาธารณะในประเทศจีน โดยเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจให้กับงานสถาปัตยกรรมอื่นๆ
-
เกณฑ์ (vi): กลุ่มอาคารแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของลัทธิเต๋า ซึ่งเป็นศาสนาหลักของตะวันออกที่มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อความเชื่อและปรัชญาในภูมิภาค เป็นสถานที่แสวงบุญและปฏิบัติธรรมที่ยังคงความสำคัญมาจนถึงปัจจุบัน
ผู้เชี่ยวชาญจากสหประชาชาติ (UN) นามว่า Khosla เคยยกย่องเทือกเขาอู่ตังว่าเป็น "สถานที่ที่สวยงามที่สุดในโลก เพราะได้รวมเอาภูมิปัญญาโบราณ อาคารประวัติศาสตร์ และทิวทัศน์ธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน"
บริบททางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม (Historical and Architectural Context)
เทือกเขาอู่ตังเป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับกิจกรรมทางศาสนาเต๋ามาตั้งแต่ยุคฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง (Spring and Autumn Period) ซึ่งตรงกับช่วง 770 ปีก่อนคริสตกาล - 476 ปีก่อนคริสตกาล (ประมาณ 2323 - 2199 ปีก่อนพุทธศักราช) การก่อสร้างอาคารโบราณเริ่มขึ้นอย่างจริงจังในสมัยราชวงศ์ถังตอนต้น (Tang Dynasty) ระหว่างปี ค.ศ. 618-907 (พ.ศ. 1161-1450) โดยมีการสร้างหอห้ามังกร (Five Dragon Hall) ระหว่างปี ค.ศ. 627-649 (พ.ศ. 1170-1192) ตามพระราชโองการของจักรพรรดิถังไท่จง (Emperor Taizong)
ลัทธิเต๋าเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคนี้ และกลุ่มอาคารได้รับพระราชูปถัมภ์อย่างสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยราชวงศ์หมิง (Ming Dynasty) ระหว่างปี ค.ศ. 1368-1644 (พ.ศ. 1911-2187) จักรพรรดิหมิงจูตี้ (Emperor Zhu Di) ทรงริเริ่มการขยายอาคารครั้งใหญ่กินเวลากว่า 12 ปี ซึ่งส่งผลให้เกิดกลุ่มอาคารขนาดใหญ่และงดงาม การก่อสร้างครั้งใหญ่นี้มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงระบอบจักรวรรดิกับลัทธิเต๋า ทำให้เทือกเขาอู่ตังกลายเป็นวัดหลวงและเป็นศูนย์กลางพิธีกรรมเต๋าที่ใหญ่ที่สุดทั่วประเทศจีน
โครงสร้างที่ยังคงหลงเหลืออยู่เป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมและศิลปะในสมัยราชวงศ์หยวน (Yuan Dynasty) ราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty) โดยส่วนใหญ่สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 14-16 (พุทธศตวรรษที่ 19-21) กลุ่มอาคารนี้เป็นการผสมผสานการวางแผน การออกแบบ และสถาปัตยกรรมที่ชาญฉลาดเข้ากับภูมิทัศน์ภูเขาอันงดงามของยอดเขา หุบเขา และร่องน้ำอย่างกลมกลืน
ในสมัยราชวงศ์หมิง กลุ่มอาคารนี้ประกอบด้วยพระราชวัง 9 แห่ง อาราม 9 แห่ง สำนักชี 36 แห่ง และวัด 72 แห่ง ซึ่งสะท้อนถึงการสนับสนุนลัทธิเต๋าของจักรพรรดิ ปัจจุบันมีอาคารโบราณเหลืออยู่ 53 แห่ง และแหล่งสถาปัตยกรรม 9 แห่ง อาคารเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงศิลปะและเทคโนโลยีทางสถาปัตยกรรมที่ยอดเยี่ยม และเป็นตัวแทนของศิลปะและสถาปัตยกรรมจีนในระดับสูงสุดตลอดระยะเวลากว่า 1,000 ปี
จุดเด่นสำคัญ (Key Highlights)
-
วิหารทอง (The Golden Shrine / Golden Palace): ตั้งอยู่บนยอดเขาเทียนจู้ (Sky Pillar Peak) ซึ่งเป็นยอดเขาสูงที่สุดที่ระดับความสูง 1,612 เมตร วิหารนี้สร้างจากสำริด เลียนแบบการก่อสร้างด้วยไม้ ชิ้นส่วนต่างๆ ถูกประกอบขึ้นที่ปักกิ่งและขนส่งมายังเทือกเขาเพื่อประกอบขึ้น ณ ที่ตั้งปัจจุบัน ซึ่งแสดงถึงความสำเร็จสูงสุดของเทคนิคการหล่อและการปิดทองในยุคนั้น ภายในประดิษฐานรูปปั้นของจักรพรรดิจิ่วเทียนจินเฟิง (Emperor Zhenwu) หรือเทพเจ้าเต๋าเจินหวู่
-
พระราชวังเมฆสีม่วงอันยิ่งใหญ่ (Grand Purple Cloud Palace / Zixiao Gong): ถือเป็นอาคารเต๋าที่งดงามที่สุดและได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดบนเทือกเขาอู่ตัง เดิมสร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 12 (พุทธศตวรรษที่ 17) และได้รับการสร้างใหม่ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 (พุทธศตวรรษที่ 20) โดดเด่นด้วยกระเบื้องเคลือบสีฟ้าและงานแกะสลักที่ประณีต
-
พระราชวังหนานหยา (Nanyan Palace / South Cliff Palace): สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หยวนและสร้างใหม่ในสมัยราชวงศ์หมิง เป็นโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมแห่งชาติและเป็นพระราชวังเต๋าที่มีชื่อเสียง
-
พระราชวังอวี้เจิน (Yuzhen Palace): โครงสร้างสำคัญอีกแห่งที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง แม้ว่าส่วนหนึ่งซึ่งมีอายุ 600 ปีถูกทำลายด้วยเหตุไฟไหม้ในปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546)
-
อาคารสำคัญอื่นๆ ได้แก่ พระราชวังแห่งความสามัคคี (Palace of Harmony), วัดบรรพบุรุษห้ามังกร (Five Dragon Ancestral Temple), ประตูเสวียนเยว่ (Xuanyue Gate) รวมถึงอาราม สำนักชี วัด และวัดหน้าผาอีกมากมาย
กลุ่มอาคารโบราณในเทือกเขาอู่ตัง เป็นแหล่งมรดกโลกที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของลัทธิเต๋าและอัจฉริยภาพทางสถาปัตยกรรมของจีน การผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์และสิ่งก่อสร้างที่ประณีตงดงามทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นมากกว่าศูนย์กลางทางศาสนา แต่ยังเป็นอนุสรณ์สถานทางศิลปะ ประวัติศาสตร์ และปรัชญา ที่ยังคงเป็นแรงบันดาลใจและเป็นพยานถึงวัฒนธรรมอันลึกซึ้งของอารยธรรมจีน การอนุรักษ์และการศึกษาแหล่งมรดกแห่งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการธำรงไว้ซึ่งคุณค่าโดดเด่นเป็นสากลสำหรับมวลมนุษยชาติต่อไป
-------------------------
ที่มา
- https://whc.unesco.org/en/list
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
-------------------------
------------------------
.
