iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ

2014 เส้นทางสายไหม เครือข่ายเส้นทางฉางอาน-เทียนชาน (Silk Roads: the Routes Network of Chang'an-Tianshan Corridor)

  

 

แผนที่ เครือข่ายเส้นทางฉางอาน-เทียนชาน

เส้นทางสายไหมเครือข่ายเส้นทาง Chang'an-Tianshan Corridor มรดกโลกแห่งธรรมชาติและวัฒนธรรมของ ประเทศจีน ข้ามทวีป

"เส้นทางสายไหม: เครือข่ายเส้นทางฉางอาน-เทียนชาน" (Silk Roads: the Routes Network of Chang'an-Tianshan Corridor) เป็นแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) ที่ได้รับการยอมรับในฐานะเส้นทางประวัติศาสตร์อันสำคัญยิ่ง เส้นทางมรดกนี้ทอดยาวประมาณ 5,000 กิโลเมตร เชื่อมโยงนครหลวงของจีน ได้แก่ ฉางอาน (Chang'an หรือปัจจุบันคือ ซีอาน – Xi'an) และลั่วหยาง (Luoyang) เข้ากับภูมิภาคเชติซู (Zhetysu) ในเอเชียกลาง ครอบคลุมพื้นที่ในประเทศจีน คาซัคสถาน และคีร์กีซสถาน

เครือข่ายเส้นทางนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) ในระหว่างการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 38 ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ โดยเป็นการเสนอชื่อร่วมจากสามประเทศได้แก่ จีน คาซัคสถาน และคีร์กีซสถาน ซึ่งประกอบด้วยแหล่งมรดก 33 แห่งย่อย (component sites) แหล่งเหล่านี้ประกอบด้วยเมืองหลวง โบราณสถานพระราชวัง เมืองค้าขาย ถ้ำวัดพุทธศาสนา เส้นทางโบราณ ที่ทำการไปรษณีย์ ช่องเขา หอประภาคาร ส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองจีน ป้อมปราการ สุสาน และอาคารทางศาสนา โดยแบ่งเป็น 22 แห่งในประเทศจีน, 8 แห่งในประเทศคาซัคสถาน และ 3 แห่งในประเทศคีร์กีซสถาน

เครือข่ายเส้นทางนี้เริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 3 ก่อนพุทธกาล) ถึงศตวรรษที่ 1 คริสต์ศักราช (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 6) และรุ่งเรืองอย่างมากระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 6 ถึง 14 (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 11 ถึง 19) ก่อนที่จะยังคงเป็นเส้นทางการค้าสำคัญต่อเนื่องจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 16 (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 21)

คุณค่าโดดเด่นสากล (Outstanding Universal Value)

"เส้นทางสายไหม: เครือข่ายเส้นทางฉางอาน-เทียนชาน" มีคุณค่าโดดเด่นสากลตามเกณฑ์ของยูเนสโก 4 ประการ ดังนี้:

  • (ii) การแลกเปลี่ยนคุณค่าของมนุษย์ (Interchange of Human Values): เส้นทางนี้แสดงให้เห็นถึงปฏิสัมพันธ์อันกว้างขวางระหว่างภูมิภาคทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างอารยธรรมเร่ร่อนในทุ่งหญ้า กับอารยธรรมการเกษตร/โอเอซิส/ปศุสัตว์ที่ตั้งถิ่นฐาน ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาอย่างลึกซึ้งในด้านสถาปัตยกรรม การวางผังเมือง ศาสนา วัฒนธรรมเมือง และการค้า

  • (iii) การเป็นประจักษ์พยานอันเป็นเอกลักษณ์แก่ประเพณีวัฒนธรรม (Exceptional Testimony to Cultural Traditions): เส้นทางสายไหมนี้เป็นประจักษ์พยานอันเป็นเอกลักษณ์ของประเพณีการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม รวมถึงการพัฒนาทางสังคมทั่วทวีปยูเรเซีย ตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 3 ก่อนพุทธกาล) จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 16 (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 21)

  • (v) ตัวอย่างอันโดดเด่นของการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม (Outstanding Example of Human Interaction with the Environment): เส้นทางนี้แสดงให้เห็นถึงการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมผ่านการตั้งถิ่นฐานแบบดั้งเดิมและการใช้ที่ดินที่ถูกกำหนดโดยความจำเป็นของการค้า

  • (vi) ความเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์และบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ (Direct Association with Pivotal Historical Events and Figures): แหล่งมรดกนี้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์และบุคคลสำคัญ เช่น การสำรวจของ จางเชียน (Zhang Qian) ในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 3 ก่อนพุทธกาล) ซึ่งวางรากฐานสำหรับการแลกเปลี่ยนทางการทูตและการค้ากับเอเชียกลาง รวมถึงการเผยแผ่ศาสนาและปรัชญาที่สำคัญในวงกว้าง

บริบททางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม (Historical and Architectural Context)

ประวัติศาสตร์: "เส้นทางสายไหม: เครือข่ายเส้นทางฉางอาน-เทียนชาน" ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างแรกสุดและกว้างขวางที่สุดของเครือข่ายเส้นทางบกที่เชื่อมโยงอารยธรรมตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน การก่อตั้งของเส้นทางนี้เริ่มขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 3 ก่อนพุทธกาล) ถึงศตวรรษที่ 1 คริสต์ศักราช (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 6) โดยมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อฉางอานและลั่วหยาง ซึ่งเป็นเมืองหลวงหลักของจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่นและราชวงศ์ถัง เข้ากับภูมิภาคเชติซูในเอเชียกลาง ตลอดระยะเวลากว่า 1,800 ปี เส้นทางนี้ได้อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนที่ลึกซึ้งทั้งในด้านการค้า ความเชื่อทางศาสนา ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ นวัตกรรมทางเทคโนโลยี การปฏิบัติทางวัฒนธรรม และศิลปะ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาอารยธรรมอันยิ่งใหญ่หลายแห่ง

ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ระบุว่า การเดินทางสำรวจของนักสำรวจชาวจีนนามว่า จางเชียน (Zhang Qian) ในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 3 ก่อนพุทธกาล) ได้วางรากฐานสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ทางการทูตและการค้ากับเอเชียกลาง เส้นทางนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการเผยแผ่ศาสนาพุทธจากอินเดียผ่านเอเชียกลางมายังจีน เช่นเดียวกับการแลกเปลี่ยนสินค้าหลากหลายชนิด อาทิ ผ้าไหม เครื่องเทศ เซรามิก และโลหะมีค่า ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการบันทึกไว้ ไม่ใช่ตำนาน

สถาปัตยกรรม: แหล่งมรดกย่อย 33 แห่งตลอดแนว "เครือข่ายเส้นทางฉางอาน-เทียนชาน" แสดงให้เห็นถึงมรดกทางสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย สะท้อนบทบาทหลายมิติของเส้นทางนี้ อาทิ:

  • เมืองหลวงและหมู่พระราชวัง: ตัวอย่างเช่น พระราชวังเว่ยหยาง (Weiyang Palace) และพระราชวังต้าหมิง (Daming Palace) ในซีอาน และซากเมืองลั่วหยาง (Luoyang City ruins) ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออกถึงราชวงศ์เว่ยเหนือ

  • ชุมชนการค้า: หลักฐานของกิจกรรมเชิงพาณิชย์ที่คึกคักตามเส้นทาง

  • ถ้ำวัดพุทธศาสนา: เช่น ถ้ำม่อเกา (Mogao Caves) (ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกอยู่แล้วตั้งแต่ ค.ศ. 1987 หรือ พ.ศ. 2530) ถ้ำหลงเหมิน (Longmen Grottoes) (ขึ้นทะเบียน ค.ศ. 2000 หรือ พ.ศ. 2543) และถ้ำไม้จีซาน (Maijishan Grottoes) ซึ่งเป็นพยานถึงการเผยแผ่ศาสนาพุทธ

  • เส้นทางโบราณ ที่ทำการไปรษณีย์ และช่องเขา: รวมถึงช่องเขาหานกู่ (Hangu Pass) และส่วนของถนนโบราณ ซึ่งมีความสำคัญต่อการเดินทางและการสื่อสาร

  • หอประภาคารและป้อมปราการ: รวมถึงบางส่วนของกำแพงเมืองจีนที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันเส้นทางการค้า

  • สุสานและอาคารทางศาสนา: เน้นย้ำถึงความสำคัญทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของเส้นทาง ตัวอย่างที่โดดเด่นในประเทศคาซัคสถานได้แก่ แหล่ง Aktobe Stepninskoe, Akyrtas, Karamergen, Kayalyk, Kostobe, Kulan, Ornek และ Talgar ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยซากของชุมชนโบราณและสุสานขนาดใหญ่ ส่วนในประเทศคีร์กีซสถานมีสามแหล่ง ได้แก่ ชุมชนโบราณ Suyab (Ak-Beshim), Balasagun (Burana) ซึ่งมีหอบูรานา (Burana Tower) ที่ทำหน้าที่เป็นมินาเร็ตและประภาคารภายในประเทศ และ Nevaket (Krasnaya Rechka) ซึ่งเป็นแหล่งที่ใหญ่ที่สุดในคีร์กีซสถาน แสดงให้เห็นถึงซากปรักหักพังและโบราณวัตถุจากอารยธรรม ราชวงศ์ ชนเผ่า และความเชื่อที่หลากหลาย

จุดเด่นสำคัญ (Key Highlights)

เครือข่ายเส้นทางสายไหมนี้เป็นตัวแทนของหนึ่งในเครือข่ายเส้นทางบกที่เก่าแก่และกว้างขวางที่สุด ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมโยงอารยธรรมตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน เป็นแหล่งมรดกแบบต่อเนื่อง (serial property) ที่มีขนาดประมาณ 5,000 กิโลเมตร ประกอบด้วยแหล่งมรดกย่อย 33 แห่ง กระจายอยู่ในสามประเทศ ได้แก่ จีน (22 แห่ง), คาซัคสถาน (8 แห่ง) และคีร์กีซสถาน (3 แห่ง) แหล่งเหล่านี้ร่วมกันแสดงให้เห็นถึงบทบาทของเครือข่ายในการอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้ามทวีปมานานกว่า 1,800 ปี

จุดเด่นสำคัญและเข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้เยี่ยมชม ได้แก่ แหล่งมรดกในเมืองซีอาน (Xi'an) และลั่วหยาง (Luoyang) ในประเทศจีน ซึ่งมักมีการพัฒนาเพื่อการท่องเที่ยวที่ดีกว่า และหอบูรานา (Burana Tower) ในประเทศคีร์กีซสถาน ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมโดดเด่นที่เหลืออยู่จากเมืองบาลาซากุน (Balasagun) ในยุคกลาง

แนวทางสำหรับผู้เยี่ยมชมและข้อบังคับ (Visitor Guide and Regulations)

สำหรับ "เส้นทางสายไหม: เครือข่ายเส้นทางฉางอาน-เทียนชาน" ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกแบบต่อเนื่องและข้ามชาติ ไม่มีข้อบังคับสำหรับผู้เยี่ยมชมที่รวมศูนย์เป็นหนึ่งเดียว เนื่องจากประกอบด้วยแหล่งย่อยจำนวนมากที่บริหารจัดการโดยหน่วยงานของแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลสำหรับแหล่งย่อยบางแห่ง เช่น หอบูรานา (Burana Tower) ในคีร์กีซสถาน ซึ่งมีค่าเข้าชมเล็กน้อย

มีการพยายามใช้แนวปฏิบัติที่ยั่งยืนสำหรับการท่องเที่ยวและการอนุรักษ์แหล่งมรดก รวมถึงการศึกษาขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว (carrying capacity studies) เพื่อจัดการจำนวนผู้เยี่ยมชมอย่างเหมาะสม ผู้เยี่ยมชมได้รับการสนับสนุนให้สำรวจแหล่งย่อยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ เช่น ซีอานและลั่วหยาง ซึ่งมักจะมีการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวมากกว่า สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับค่าเข้าชม เวลาทำการ หรือบริการนำเที่ยวสำหรับแหล่งย่อยแต่ละแห่ง ผู้เยี่ยมชมควรติดต่อสอบถามจากหน่วยงานท้องถิ่นหรือผู้บริหารจัดการของแหล่งนั้นๆ โดยตรง

"เส้นทางสายไหม: เครือข่ายเส้นทางฉางอาน-เทียนชาน" เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความอุตสาหะของมนุษย์ในการเชื่อมโยงโลก และเป็นสัญลักษณ์ของการหลอมรวมอารยธรรมที่ก่อให้เกิดการพัฒนาอันยิ่งใหญ่ตลอดประวัติศาสตร์ เส้นทางนี้ไม่เพียงเป็นเส้นทางการค้า แต่ยังเป็นช่องทางของการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ศาสนา และองค์ความรู้ ที่หล่อหลอมภูมิรัฐศาสตร์และสังคมของยูเรเซียมานานหลายศตวรรย์ การขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโกยืนยันถึงคุณค่าสากลที่โดดเด่นของเครือข่ายนี้ ในฐานะมรดกอันล้ำค่าที่สะท้อนถึงบทเรียนแห่งการเชื่อมโยงและเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างผู้คนและวัฒนธรรมต่าง ๆ ทั่วโลก

 

 

เส้นทางสายไหม ในอดีตของจีน

เส้นทางสายไหมใหม่ที่จีนพยายามฟื้นฟู

.

------------------------

 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward