แหล่งมรดกโลก เอเชียตะวันออก จีน 1987 กำแพงเมืองจีน (The Great Wall)
กำแพงเมืองจีน (The Great Wall): มรดกโลกแห่งความยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ประเทศจีน
แผนที่ https://maps.app.goo.gl/f6zPHHVXmVBxiapH9
กำแพงเมืองจีน (The Great Wall of China) เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี ค.ศ. 1987 โครงสร้างที่ยาวและยิ่งใหญ่แห่งนี้ทอดตัวผ่านภูมิประเทศหลากหลาย ตั้งแต่ภูเขาสูง ทุ่งหญ้า ไปจนถึงทะเลทราย ครอบคลุมพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศจีน กำแพงเมืองจีนไม่ได้เป็นเพียงสิ่งก่อสร้างที่ใช้ป้องกันการรุกรานของข้าศึกในอดีต แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งของอารยธรรมจีนที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
คุณค่าอันโดดเด่นที่เป็นสากล
กำแพงเมืองจีน ถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาลจนถึงศตวรรษที่ 17 บนชายแดนทางเหนือของประเทศในฐานะโครงการป้องกันทางทหารที่ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิจีนที่สืบต่อกันมา โดยมีความยาวรวมมากกว่า 20,000 กิโลเมตร กำแพงเมืองจีนเริ่มต้นที่ทางทิศตะวันออกที่เมืองซานไห่กวนในมณฑลเหอเป่ยและสิ้นสุดที่เมืองเจียหยูกวนในมณฑลกานซู่ทางทิศตะวันตก กำแพงเมืองจีนมีโครงสร้างหลักประกอบด้วยกำแพง ทางเดินม้า หอสังเกตการณ์ และที่พักพิงบนกำแพง รวมถึงป้อมปราการและทางผ่านตลอดแนวกำแพง
กำแพงเมืองจีนสะท้อนถึงการปะทะและการแลกเปลี่ยนระหว่างอารยธรรมเกษตรกรรมและอารยธรรมเร่ร่อนในจีนโบราณ กำแพงเมืองจีนเป็นหลักฐานทางกายภาพที่สำคัญของการคิดเชิงกลยุทธ์ทางการเมืองที่มองการณ์ไกลและกองกำลังทหารและการป้องกันประเทศที่แข็งแกร่งของจักรวรรดิกลางในจีนโบราณ และเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมทางทหาร เทคโนโลยี และศิลปะอันยอดเยี่ยมของจีนโบราณ กำแพงเมืองจีนเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติที่มีความสำคัญอย่างไม่มีใครเทียบได้ในการรักษาความปลอดภัยของประเทศและประชาชน
เกณฑ์ (i): กำแพงเมืองจีน เป็นผลงานชิ้นเอกอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่เพราะความทะเยอทะยานของภารกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสมบูรณ์แบบของการก่อสร้างด้วย กำแพงนี้เป็นผลงานชิ้นเดียวที่สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์บนโลกใบนี้ที่สามารถมองเห็นได้จากดวงจันทร์ กำแพงนี้ถือเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานเข้ากับภูมิทัศน์ในขอบเขตกว้างใหญ่ของทวีป
เกณฑ์ (ii): ในช่วงยุคชุนชิว ชาวจีนได้นำแบบจำลองการก่อสร้างและการจัดการพื้นที่มาใช้ในการสร้างแนวป้องกันตามแนวชายแดนทางตอนเหนือ การแพร่กระจายของลัทธิจีนถูกเน้นย้ำด้วยการโยกย้ายประชากรที่จำเป็นเนื่องจากกำแพงเมืองจีน
เกณฑ์ (iii): กำแพงเมืองจีน เป็นหลักฐานที่โดดเด่นของอารยธรรมจีนโบราณ ซึ่งแสดงให้เห็นได้จากส่วนป้อมปราการที่อัดแน่นด้วยดินซึ่งมีอายุย้อนไปถึงสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้ในมณฑลกานซู่ รวมถึงงานก่ออิฐอันน่าชื่นชมและได้รับการยกย่องจากทั่วโลกในสมัยราชวงศ์หมิง
เกณฑ์ (iv): ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่มีความซับซ้อนและมีลักษณะร่วมสมัยนี้เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มสถาปัตยกรรมทางการทหารที่ทำหน้าที่เชิงยุทธศาสตร์เพียงอย่างเดียวเป็นเวลา 2,000 ปี แต่ประวัติการก่อสร้างแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในเทคนิคการป้องกันประเทศและการปรับตัวให้เข้ากับบริบททางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป
เกณฑ์ (vi): กำแพงเมืองจีน มีความสำคัญเชิงสัญลักษณ์อย่างหาที่เปรียบมิได้ในประวัติศาสตร์จีน จุดประสงค์ของกำแพงคือปกป้องจีนจากการรุกรานจากภายนอก แต่ยังรวมถึงอนุรักษ์วัฒนธรรมจากขนบธรรมเนียมของชาวป่าเถื่อนต่างชาติด้วย เนื่องจากการก่อสร้างกำแพงเมืองจีนนั้นสื่อถึงความทุกข์ยาก กำแพงเมืองจีนจึงเป็นหนึ่งในเอกสารอ้างอิงที่สำคัญในวรรณกรรมจีน โดยพบในงานต่างๆ เช่น "บทกวีของทหาร" ของเชินหลิน (ราว ค.ศ. 200) หรือบทกวีของทูฟู (ค.ศ. 712-770) และนวนิยายยอดนิยมในยุคราชวงศ์หมิง
กำแพงเมืองจีน หรือที่ชาวจีนเรียกว่า กำแพงยาวหมื่นลี้ เป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก ทอดตัวยาวกว่า 21,000 กิโลเมตร ผ่านภูมิประเทศที่หลากหลายตั้งแต่ ทะเลทราย ทุ่งหญ้า ภูเขา จนถึงชายฝั่งทะเล กำแพงเมืองจีนเริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางตอนเหนือ และเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความแข็งแกร่งของจีน ด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมอันโดดเด่น กำแพงเมืองจีนจึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2530
ประวัติศาสตร์ของกำแพงเมืองจีน
กำแพงเมืองจีนเริ่มก่อสร้างในสมัยราชวงศ์โจว (Zhou Dynasty) ประมาณ 770–476 ปีก่อนคริสตกาล แต่โครงสร้างที่เราเห็นในปัจจุบันส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นในช่วงราชวงศ์หมิง (Ming Dynasty) ระหว่างปี ค.ศ. 1368 ถึง 1644 ซึ่งเป็นช่วงที่จีนต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากชนเผ่าเร่ร่อนจากทางเหนือ โดยเฉพาะพวกมองโกลกำแพงเมืองจีนสร้างขึ้นด้วยวัสดุหลายประเภทขึ้นอยู่กับภูมิประเทศและทรัพยากรที่มีในแต่ละพื้นที่ เช่น หิน อิฐ ดิน และไม้ บางส่วนของกำแพงสร้างขึ้นจากอิฐและหินที่ถูกเรียงเป็นชั้นอย่างละเอียด เพื่อให้แข็งแรงและทนทานต่อสภาพอากาศและแรงกดดันทางทหาร**โครงสร้างและการออกแบบ**กำแพงเมืองจีนมีความยาวประมาณ 21,196 กิโลเมตร จากตะวันออกของจีนที่ทะเลเหลือง จนถึงทะเลทรายโกบีทางทิศตะวันตก โครงสร้างกำแพงสูงประมาณ 6-7 เมตร และกว้างประมาณ 4-5 เมตร ในบางส่วนกำแพงถูกออกแบบให้มีหอสังเกตการณ์และป้อมปราการที่ใช้ในการตรวจสอบและส่งสัญญาณไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว ป้อมปราการเหล่านี้ยังทำหน้าที่เป็นฐานทัพเล็กๆ ที่สามารถเก็บอาวุธและใช้เป็นที่พักของทหารได้ในยามศึกสงครามนอกจากกำแพงหลักแล้ว ยังมีทางเดินลาดยาวตลอดแนวกำแพงซึ่งช่วยให้ทหารเดินทางไปยังจุดต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว การออกแบบนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ทหารสามารถตอบโต้การรุกรานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยให้การติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยทหารเป็นไปอย่างราบรื่น**บทบาททางการท่องเที่ยวในปัจจุบัน
ในปัจจุบัน กำแพงเมืองจีน กลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของประเทศจีนและของโลก นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเยี่ยมชมเพื่อสัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของกำแพงที่สร้างขึ้นมาด้วยความพยายามของมนุษย์ในอดีต บริเวณที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุด ได้แก่
1. ด่านปาต้าหลิง (Badaling Section) เป็นส่วนของกำแพงเมืองจีนที่ได้รับการบูรณะและอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุด ห่างจากกรุงปักกิ่งประมาณ 70 กิโลเมตร ด่านปาต้าหลิงเป็นจุดที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยวเนื่องจากสามารถเดินทางไปได้สะดวก และมีบริการรถกระเช้าขึ้นไปยังยอดกำแพง
2. ด่านมู่เถียนยวี่ (Mutianyu Section) ด่านนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปักกิ่ง และเป็นอีกหนึ่งจุดยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามของภูเขาที่ล้อมรอบกำแพง นักท่องเที่ยวสามารถเดินสำรวจแนวกำแพงที่ยังคงสภาพดั้งเดิมได้ และมีบริการกระเช้าไฟฟ้าและเลื่อนสไลด์ให้เลือกใช้งานสำหรับการเดินทางขึ้น-ลง
3. ด่านซือหม่าไถ (Simatai Section) ด่านซือหม่าไถเป็นอีกหนึ่งส่วนของกำแพงเมืองจีนที่ยังคงรักษาลักษณะดั้งเดิมไว้มากที่สุด โครงสร้างส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการบูรณะ ทำให้มีความท้าทายสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัยและการปีนป่าย ช่วงกำแพงนี้ยังคงความเป็นธรรมชาติและเงียบสงบกว่าส่วนอื่นๆ
4. ด่านจิ้นซานหลิ่ง (Jinshanling Section) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกำแพงเมืองจีนแบบดั้งเดิมและหลีกหนีความพลุกพล่าน ด่านจิ้นซานหลิ่งเป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากมีส่วนของกำแพงที่ยังไม่ได้บูรณะมากนักและยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติ
มรดกแห่งอารยธรรม กำแพงเมืองจีนไม่ได้เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ของการป้องกันข้าศึก แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงความพยายามของอาณาจักรจีนในการสร้างและปกป้องดินแดนของตน กำแพงเมืองจีนสะท้อนให้เห็นถึงการรวมกันของภูมิปัญญาทางวิศวกรรมและการทหาร ซึ่งเป็นผลจากการทำงานร่วมกันของคนจำนวนมากหลายชั่วอายุคน ความยาวและความยิ่งใหญ่ของกำแพงทำให้ผู้มาเยือนตระหนักถึงพลังของมนุษย์ในการสร้างสรรค์และป้องกันบ้านเมืองของตนเอง**การอนุรักษ์และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน**แม้กำแพงเมืองจีนจะยิ่งใหญ่และคงทน แต่มันก็เผชิญกับความเสี่ยงจากการเสื่อมสภาพตามธรรมชาติและผลกระทบจากการท่องเที่ยว รัฐบาลจีนได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่ออนุรักษ์ส่วนที่สำคัญของกำแพง และในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในบางพื้นที่ การจัดการพื้นที่ให้เป็นระเบียบ และการบูรณะกำแพงในส่วนที่ชำรุดเสียหาย
กำแพงเมืองจีน ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความมั่นคง ความกล้าหาญ และความพยายามของอารยธรรมจีนในอดีต การได้เยี่ยมชมกำแพงเมืองจีนเป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีนอย่างลึกซึ้ง
.
--------------------------------------------------------------------
ที่มา
ข้อมูลและรูปภาพ
- https://iok2u.com/world-heritage
-----------------------------------------
รวมข้อมูลแหล่งมรดกโลก (World Heritage Site)
-----------------------------------------