แหล่งมรดกโลก เอเชียตะวันออก จีน 1984 พระราชวังหลวงของราชวงศ์หมิงและชิงในปักกิ่งและเสิ่นหยาง
พระราชวังหลวงแห่งราชวงศ์หมิงและชิงในปักกิ่งและเสิ่นหยาง มรดกโลกสะท้อนอำนาจแห่งจักรพรรดิ ประเทศจีน
พระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง แผนที่ https://maps.app.goo.gl/ujNFi3tryyPeperC8
พระราชวังหลวงในเสิ่นหยาง แผนที่ https://maps.app.goo.gl/fWA3htLU8cVPHeyH7
พระราชวังหลวงแห่งราชวงศ์หมิงและชิงในปักกิ่งและเสิ่นหยาง คือ มรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ประกอบด้วยพระราชวังหลวง 2 แห่ง อันเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจของจักรพรรดิในสองราชวงศ์สำคัญของจีน ได้แก่ พระราชวังต้องห้าม ในกรุงปักกิ่ง และ พระราชวังมุกเด็น ในเมืองเสิ่นหยาง ทั้งสองแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2530 และ 2547 ตามลำดับ
คุณค่าอันโดดเด่น
พระราชวังหลวงของราชวงศ์หมิงและชิงในปักกิ่งและเสิ่นหยาง เป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงและชิงตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ถึง 20 เป็นศูนย์กลางอำนาจของรัฐในยุคศักดินาตอนปลายของจีน พระราชวังหลวงของราชวงศ์หมิงและชิงในปักกิ่งซึ่งรู้จักกันในชื่อพระราชวังต้องห้ามสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1406 ถึง 1420 โดยจักรพรรดิราชวงศ์หมิงจูตี้ และเป็นที่ประทับของจักรพรรดิราชวงศ์หมิง 14 พระองค์และจักรพรรดิราชวงศ์ชิง 10 พระองค์ตลอดระยะเวลา 505 ปีต่อมา พระราชวังหลวงแห่งราชวงศ์ชิงในเมืองเสิ่นหยางสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1625 ถึง 1637 โดยนูร์กาชีสำหรับบรรพบุรุษชาวนูร์เจิ้น/แมนจูแห่งราชวงศ์ชิง ซึ่งสถาปนากรุงปักกิ่งในปี ค.ศ. 1644 พระราชวังแห่งนี้รู้จักกันในชื่อพระราชวังโฮ่วจินหรือพระราชวังเซิงหลิน และใช้เป็นเมืองหลวงรองและที่ประทับชั่วคราวของราชวงศ์จนถึงปี ค.ศ. 1911 พระราชวังหลวงแห่งปักกิ่งและเสิ่นหยางได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1987 และ 2004 ตามลำดับ
พระราชวังต้องห้ามซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงปักกิ่ง ถือเป็นต้นแบบในการพัฒนาพระราชวังโบราณของจีน โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการพัฒนาทางสังคมของจีนในยุคปลายราชวงศ์ โดยเฉพาะวัฒนธรรมพิธีกรรมและราชสำนัก การจัดวางและการจัดวางพื้นที่สืบทอดและรวมเอาลักษณะเฉพาะแบบดั้งเดิมของการวางผังเมืองและการสร้างพระราชวังในจีนโบราณไว้ด้วยกัน โดยมีแกนกลาง การออกแบบและการจัดวางที่สมมาตรของลานด้านนอกที่ด้านหน้าและลานด้านในที่ด้านหลัง และการรวมลานภูมิทัศน์เพิ่มเติมที่ได้รับมาจากการจัดวางผังเมืองแบบเมืองหยวน ในฐานะตัวอย่างของลำดับชั้นสถาปัตยกรรมโบราณ เทคนิคการก่อสร้าง และศิลปะสถาปัตยกรรม พระราชวังต้องห้ามมีอิทธิพลต่ออาคารราชการของราชวงศ์ชิงในเวลาต่อมาเป็นเวลากว่า 300 ปี อาคารทางศาสนา โดยเฉพาะห้องสงฆ์ของราชวงศ์ภายในพระราชวัง ซึ่งดูดซับคุณลักษณะของวัฒนธรรมชาติพันธุ์ต่างๆ มากมาย เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการผสมผสานและการแลกเปลี่ยนในสถาปัตยกรรมระหว่างชาวแมนจู ฮั่น มองโกเลีย และทิเบตตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมา ในขณะเดียวกัน ของสะสมราชวงศ์อันล้ำค่าจำนวนมากกว่าล้านชิ้น บทความที่ราชวงศ์ใช้ และวัสดุเก็บถาวรจำนวนมากเกี่ยวกับเทคนิควิศวกรรมโบราณ รวมถึงบันทึกลายลักษณ์อักษร ภาพวาด และแบบจำลอง ล้วนเป็นหลักฐานของวัฒนธรรมราชสำนัก กฎหมายและระเบียบข้อบังคับของราชวงศ์หมิงและชิง
พระราชวังหลวงแห่งราชวงศ์ชิงในเมืองเสิ่นหยาง ยังคงรักษาลักษณะเฉพาะของบ้านเรือนดั้งเดิมของชาวแมนจูไว้ได้ และยังผสมผสานศิลปะสถาปัตยกรรมของวัฒนธรรมชาติพันธุ์ฮั่น แมนจู และมองโกลไว้ด้วย อาคารต่างๆ ถูกจัดวางตามระบบ “ธงแปดผืน” ซึ่งเป็นระบบการจัดองค์กรทางสังคมที่โดดเด่นในสังคมแมนจู ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในบรรดาอาคารในพระราชวังทั้งหมด ภายในพระราชวังชิงหนิง สถานที่บูชายัญสำหรับจักรพรรดิเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงประเพณีของลัทธิมนตร์ที่ชาวแมนจูปฏิบัติกันมาหลายร้อยปี
เกณฑ์ (i):พระราชวังหลวงถือเป็นผลงานชิ้นเอกในการพัฒนาสถาปัตยกรรมพระราชวังหลวงในประเทศจีน
เกณฑ์ (ii):สถาปัตยกรรมของกลุ่มอาคารพระราชวังหลวง โดยเฉพาะในเมืองเสิ่นหยาง แสดงให้เห็นถึงการแลกเปลี่ยนอิทธิพลที่สำคัญของสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมและสถาปัตยกรรมพระราชวังจีน โดยเฉพาะในศตวรรษที่ 17 และ 18
เกณฑ์ (iii):พระราชวังหลวงเป็นหลักฐานที่โดดเด่นของอารยธรรมจีนในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง โดยเป็นแหล่งอนุรักษ์ภูมิทัศน์ สถาปัตยกรรม เครื่องเรือน และงานศิลปะอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่โดดเด่นของประเพณีที่ยังมีชีวิตอยู่และธรรมเนียมของลัทธิมนตร์ไสยศาสตร์ที่ชาวแมนจูปฏิบัติกันมาเป็นเวลาหลายศตวรรษอีกด้วย
เกณฑ์ (iv):พระราชวังหลวงเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจีน พระราชวังเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของสถาบันจักรพรรดิตั้งแต่ราชวงศ์ชิงจนถึงราชวงศ์หมิงและหยวนก่อนหน้านั้น ตลอดจนประเพณีของชาวแมนจู และยังเป็นหลักฐานเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสถาปัตยกรรมประเภทนี้ในศตวรรษที่ 17 และ 18 อีกด้วย
พระราชวังหลวงของราชวงศ์หมิงและชิง (Imperial Palaces of the Ming and Qing Dynasties) ซึ่งตั้งอยู่ทั้งในกรุงปักกิ่งและเมืองเสิ่นหยาง ประเทศจีน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1987 สำหรับพระราชวังต้องห้ามในปักกิ่ง และในปี 2004 ได้ขยายพื้นที่ครอบคลุมไปถึงพระราชวังมุกเดน (Mukden Palace) หรือพระราชวังเสิ่นหยาง ทำให้สถานที่ทั้งสองนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยิ่ง
ทั้งสองพระราชวังเป็นตัวแทนของศิลปะสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ของราชวงศ์หมิงและชิง และเป็นศูนย์กลางของการปกครองประเทศจีนในช่วงสองราชวงศ์นี้ พระราชวังหลวงจึงไม่เพียงแต่มีความสำคัญในฐานะที่อยู่อาศัยของจักรพรรดิเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางทางการเมือง วัฒนธรรม และพิธีกรรมที่ทรงอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์จีนเป็นอย่างมาก
1. พระราชวังต้องห้าม (The Forbidden City) ในกรุงปักกิ่ง
พระราชวังต้องห้าม หรือกู้กง (Gugong) ตั้งอยู่ใจกลางกรุงปักกิ่ง และถือเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ก่อสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง ระหว่างปี ค.ศ. 1406–1420 สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง (พ.ศ. 1948) เป็นศูนย์กลางอำนาจของจักรพรรดิ 24 พระองค์ สถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณอันยิ่งใหญ่ ประกอบด้วยอาคาร 980 หลังสถาปัตยกรรมของพระราชวังแสดงถึงความงดงามและความสมดุลของศิลปะจีนแบบดั้งเดิม ตัวอาคารสร้างจากไม้ทั้งหมดและมุงด้วยหลังคากระเบื้องเคลือบสีเหลือง ซึ่งเป็นสีที่ใช้เฉพาะกับจักรพรรดิพระราชวังต้องห้ามมีพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 720,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยห้องต่างๆ มากกว่า 9,000 ห้อง แบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่
พระราชฐานชั้นนอก (Outer Court): ใช้เป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีการสำคัญทางราชการ และเป็นศูนย์กลางในการติดต่อระหว่างจักรพรรดิกับขุนนาง
พระราชฐานชั้นใน (Inner Court): เป็นที่อยู่อาศัยของจักรพรรดิและครอบครัว รวมทั้งข้าราชสำนักที่ทำงานใกล้ชิด
สถานที่สำคัญภายในพระราชวังต้องห้าม ได้แก่
หอไท่เหอ (Hall of Supreme Harmony): ห้องบัลลังก์หลักที่ใช้สำหรับประกอบพิธีสำคัญต่าง ๆ เช่น พิธีราชาภิเษก
หอเป่าเหอ (Hall of Preserving Harmony): ใช้สำหรับงานราชการที่สำคัญและพิธีต่าง ๆ
พระตำหนักเฉียนชิง (Palace of Heavenly Purity): เป็นห้องที่จักรพรรดิใช้ประทับส่วนพระองค์
พระราชวังต้องห้าม เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ซึ่งเต็มไปด้วยศิลปะ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมที่งดงาม ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องมาเยี่ยมชม
2. พระราชวังมุกเด็น (Mukden Palace) เมืองเสิ่นหยาง
พระราชวังเสิ่นหยางตั้งอยู่ในเมืองเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง พระราชวังนี้ก่อสร้างขึ้นในปี 1625 โดยจักรพรรดิหนูเอ่อร์ฮาชื่อ (Nurhaci) ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ชิง เมื่อราชวงศ์ชิงย้ายเมืองหลวงไปยังปักกิ่ง พระราชวังเสิ่นหยางก็ยังคงมีความสำคัญในฐานะพระราชวังรอง พระราชวังแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานศิลปะแบบแมนจู ฮั่น มองโกล และทิเบต ซึ่งแสดงถึงการเชื่อมโยงของวัฒนธรรมในช่วงเริ่มต้นของราชวงศ์ชิงพระราชวังเสิ่นหยางประกอบด้วยอาคารมากกว่า 300 หลัง กระจายอยู่ในพื้นที่ประมาณ 60,000 ตารางเมตร โดยมีสถาปัตยกรรมที่แตกต่างจากพระราชวังต้องห้ามในปักกิ่ง ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมของราชวงศ์ชิง สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดินู่เอ๋อร์ฮาชื่อแห่งราชวงศ์ชิง (พ.ศ. 2168) เป็นที่ประทับของจักรพรรดิราชวงศ์ชิง 3 พระองค์ ก่อนย้ายเมืองหลวงไปปักกิ่ง สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างจีน มองโกเลีย และแมนจู จุดเด่น เช่น ท้องพระโรง ตำหนักต้าเจิ้งเตี้ยน ตำหนักฉงเจิ้งเตี้ยน สถานที่สำคัญภายในพระราชวังเสิ่นหยาง ได้แก่
ห้องบัลลังก์ใหญ่ (Grand Hall): สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางราชการ
หอฮั่นอู่เก๋อ (Phoenix Tower): หอคอยที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์
พระตำหนักเสี้ยวหนิงกง (Palace of Eternal Peace): สถานที่ที่จักรพรรดิหนูเอ่อร์ฮาชื่อใช้ประทับ
ความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
ทั้งพระราชวังต้องห้ามในปักกิ่งและพระราชวังเสิ่นหยาง มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง เพราะเป็นศูนย์กลางการปกครองของราชวงศ์หมิงและชิง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จีนมีความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการเมือง สถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบของพระราชวังทั้งสองแสดงถึงความสามารถทางวิศวกรรมและศิลปะของชาวจีนในยุคนั้น นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ของจักรพรรดิ ขุนนาง และชีวิตในราชสำนัก
การอนุรักษ์และการท่องเที่ยว
พระราชวังหลวงทั้งสองแห่งได้รับการอนุรักษ์อย่างดีเยี่ยม โดยรัฐบาลจีนให้ความสำคัญในการดูแลรักษาเพื่อให้พระราชวังยังคงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมสามารถสัมผัสกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีนผ่านการชมสถาปัตยกรรมและศิลปะภายในพระราชวัง รวมถึงการเดินชมพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาเอกสารโบราณ ศิลปวัตถุ และสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์หมิงและชิงพระราชวังหลวงของราชวงศ์หมิงและชิงทั้งในปักกิ่งและเสิ่นหยาง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญอย่างยิ่ง ความงดงามของสถาปัตยกรรมที่มีความละเอียดอ่อนและเต็มไปด้วยความหมายเชิงสัญลักษณ์ ทำให้พระราชวังทั้งสองเป็นมรดกที่ยิ่งใหญ่ของโลกและของจีน การเยี่ยมชมพระราชวังหลวงเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นการเรียนรู้และสัมผัสกับความยิ่งใหญ่และวิถีชีวิตในราชสำนักจีนเหตุผลที่ได้รั
การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของสถาปัตยกรรมและการวางผังเมืองแบบจีนโบราณ สะท้อนถึงพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรมของจีนในช่วง 5 ศตวรรษ เป็นศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองและวัฒนธรรมของจีนในอดีต
การเยี่ยมชมพระราชวังหลวงแห่งราชวงศ์หมิงและชิง เปรียบเสมือนการย้อนเวลาสู่อดีตอันรุ่งเรืองของจีน สัมผัสวิถีชีวิตของจักรพรรดิ และชื่นชมสถาปัตยกรรมอันงดงาม
.
--------------------------------------------------------------------
ที่มา
ข้อมูลและรูปภาพ
- https://iok2u.com/world-heritage
-----------------------------------------
รวมข้อมูลแหล่งมรดกโลก (World Heritage Site)
-----------------------------------------