เที่ยวจีน 5 ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ (The Five Great Mountains of China)

"5 ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์" (The Five Great Mountains of China) มรดกแห่งสวรรค์และปฐพี สู่การผจญภัยอันน่าอัศจรรย์

ผืนแผ่นดินจีนอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้นซ่อนเร้นความมหัศจรรย์และเรื่องราวอันศักดิ์สิทธิ์มานับพันปี ท่ามกลางภูมิประเทศอันหลากหลาย มีขุนเขายิ่งใหญ่ห้าแห่งที่ยืนตระหง่านเป็นเสมือนเสาหลักของวัฒนธรรมและจิตวิญญาณจีน นั่นคือ "5 ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์" (The Five Great Mountains of China) การเดินทางสู่ยอดเขาเหล่านี้ไม่ใช่เพียงการพิชิตความสูง แต่เป็นการเดินทางย้อนรอยประวัติศาสตร์อันยาวนาน การสัมผัสกับพลังแห่งธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ และการเข้าถึงแก่นแท้ของปรัชญาอันลึกซึ้งที่หล่อหลอมอารยธรรมจีนมานานนับพันปีขุนเขาทั้งห้าแห่งนี้มิได้เป็นเพียงภูเขาธรรมดา แต่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่จักรพรรดิจีนหลายพระองค์ทรงเดินทางมาเพื่อประกอบพิธีกรรมบูชาฟ้าดิน แสวงหาความสงบทางจิตวิญญาณ และขอพรให้บ้านเมืองสงบสุข มนต์ขลังของแต่ละยอดเขาเชื่อมโยงกับทิศทั้งห้า สะท้อนถึงความสมดุลและความกลมกลืนในจักรวาลตามความเชื่อโบราณ การได้มาเยือนขุนเขาเหล่านี้จึงเปรียบเสมือนการได้สัมผัสกับลมหายใจแห่งสรวงสวรรค์ที่ยังคงพัดผ่านเข้ามาในโลกมนุษย์ ความลึกลับและเรื่องราวที่ถูกเล่าขานสืบต่อกันมา ทำให้การผจญภัยในขุนเขาเหล่านี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความประทับใจไม่รู้ลืมจากทิศตะวันออกที่แสงอาทิตย์แรกแย้มสาดส่อง นำมาซึ่งการเริ่มต้นใหม่ ไปจนถึงทิศตะวันตกที่เต็มไปด้วยโตรกผาอันน่าท้าทาย และขุนเขาแห่งศูนย์กลางที่เป็นต้นกำเนิดของปรัชญาอันยิ่งใหญ่ ขุนเขาทั้งห้าแห่งนี้ต่างมีเอกลักษณ์และความสำคัญเฉพาะตัวที่รอคอยการค้นพบ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเดินป่าอันคดเคี้ยวสู่ยอดเขาที่ปกคลุมด้วยทะเลเมฆ วัดโบราณที่สถิตอยู่บนหน้าผา หรือศิลาจารึกที่บันทึกบทกวีและคำสอนอันล้ำค่า การเดินทางแต่ละก้าวบนขุนเขาเหล่านี้คือการสำรวจจิตใจไปพร้อมกับการสำรวจโลกภายนอกในฐานะนักเดินทางผู้แสวงหาความจริงและความงดงาม ข้าพเจ้าขอเชิญชวนท่านมาสัมผัสประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์นี้ร่วมกัน เพื่อเปิดเผยความลับและรับแรงบันดาลใจจากขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าของจีน ที่จะตรึงตราในความทรงจำไปชั่วนิรันดร์ นี่คือการเดินทางที่จะทำให้หัวใจของท่านพองโตไปด้วยความเคารพในธรรมชาติ ความชื่นชมในมรดกทางวัฒนธรรม และความรู้สึกอันยิ่งใหญ่ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวอันศักดิ์สิทธิ์นี้

ภูเขาไท่ (Mount Tai - ไท่ซาน)

ภูเขาไท่ตั้งอยู่ใน มณฑลซานตง ประเทศจีน ทางตอนเหนือของเมืองไท่อาน ภูเขาแห่งนี้เป็นที่รู้จักในฐานะภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งทิศตะวันออก มีพื้นที่ฐานประมาณ 426 ตารางกิโลเมตร ตั้งตระหง่านขึ้นมาจากที่ราบอันกว้างใหญ่ของมณฑลซานตงอย่างกระทันหัน ด้วยกลุ่มยอดเขาหินแกรนิต หุบเขาลึก ป่าไม้อันเขียวชอุ่ม และน้ำพุธรรมชาติที่ไหลริน ภูเขาไท่เป็นภูเขาบล็อกหินที่เอียงตัว สูงกว่าทางใต้มากกว่าทางเหนือทางธรณีวิทยา ภูเขาไท่ประกอบด้วยหินดินดานผลึกยุคโบราณ หินแกรนิต และหินปูนโบราณบางส่วน ถือเป็นตัวอย่างที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของระบบหินแปรยุคแพลีโอโซอิกในภาคตะวันออกของจีน ซึ่งเรียกว่า Taishan Complex หินเหล่านี้ก่อตัวขึ้นในยุคอาร์เคียนเมื่อประมาณ 1,700-2,000 ล้านปีก่อน การยกตัวของภูมิภาคเริ่มขึ้นในยุคพรีแคมเบรียน และโครงสร้างปัจจุบันของภูเขาไท่ก่อตัวขึ้นในช่วงกลางยุคซีโนโซอิกเมื่อประมาณ 30 ล้านปีก่อน ยอดเขาที่สูงที่สุดคือ ยอดเขาเจดีย์ฮ่องเต้ (Jade Emperor Peak หรือ Yuhuang Ding) ซึ่งมีความสูง 1,545 เมตร (บางแหล่งข้อมูลระบุ 1,532.7 เมตร) เหนือระดับน้ำทะเล และมีความแตกต่างของระดับความสูงจากเมืองไท่อานที่เชิงเขาประมาณ 1,392-1,395 เมตร ภูเขาแห่งนี้ยังอยู่ในเขตป่าผลัดใบแบบตะวันออก โดยมีพืชพรรณปกคลุมประมาณ 80% ประกอบด้วยพืชพรรณเกือบ 1,000 ชนิด

- ภูเขาหัวซาน (Mount Hua) 

ภูเขาหัวซาน ตั้งอยู่ใน Weinan มณฑลส่านซี ประเทศจีน ห่างจากเมืองซีอานไปทางตะวันออกประมาณ 120 กิโลเมตร เป็นที่รู้จักกันในนาม "ภูเขาแห่งทิศตะวันตก" ในบรรดาขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าของจีน ภูเขาหัวซานเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาฉินหลิง (Qinling) ซึ่งแบ่งมณฑลส่านซีออกเป็นเหนือและใต้ และแบ่งภาคเหนือและภาคใต้ของจีนโดยปริยายแตกต่างจากภูเขาอื่นๆ ในจีนที่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยหินปูน ภูเขาหัวซานเป็นภูเขาหินแกรนิตขนาดใหญ่ ก่อตัวขึ้นเมื่อกว่า 100 ล้านปีก่อนในยุคครีเทเชียส ซึ่งทำให้เกิดหน้าผาที่สูงชันและภูมิประเทศที่ขรุขระ ภูเขาแห่งนี้ทอดตัวยาวประมาณ 15 กิโลเมตรจากตะวันออกไปตะวันตก และ 10 กิโลเมตรจากใต้ไปเหนือ มีห้ายอดหลัก ได้แก่ ยอดเขาตะวันออก ยอดเขาตะวันตก ยอดเขาใต้ ยอดเขาเหนือ และยอดเขากลาง โดยยอดเขาที่สูงที่สุดคือยอดเขาใต้ ซึ่งมีความสูง 2,154.9 เมตร ภูเขาหัวซานมีเส้นทางที่แคบและอันตราย เช่น ทางเดินไม้กระดานริมหน้าผา (Cliffside Plank Path) บนยอดเขาใต้ ภูมิอากาศในภูมิภาคนี้เป็นแบบทวีปชื้น โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีประมาณ 6.5 องศาเซลเซียส และปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปี 776.1 มิลลิเมตร โดยเดือนกรกฎาคมมักจะเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดและฝนตกชุกที่สุด ส่วนเดือนมกราคมจะเป็นเดือนที่หนาวที่สุด

ภูเขาเหิงซานเหนือ (Northern Mount Heng - เหิงซานเหนือ)

ภูเขาเหิงซานเหนือ ตั้งอยู่ในมณฑลชานซี ทางตอนกลางค่อนไปทางเหนือของจีน ในเขตปกครองหุนหยวน ห่างจากเมืองต้าถงประมาณ 62 กิโลเมตร ได้รับการยอมรับในฐานะ "ภูเขาแห่งทิศเหนือ" ในบรรดาขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าของจีนในทางภูมิศาสตร์ ภูเขาเหิงซานเหนือมีความสูง 2,017 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล โดยมียอดเขาเทียนเฟิง (Tianfeng Peak) เป็นจุดสูงสุด เทือกเขาแห่งนี้ทอดตัวจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ภูมิทัศน์ของภูเขาเหิงซานโดดเด่นด้วยทิวทัศน์อันงดงามของต้นสนเขียวขจี ต้นไซปรัส พืชพรรณแปลกตา รวมถึงวัดและพระราชวังโบราณ ทางลาดชันทางทิศเหนือมักปกคลุมด้วยป่าสน ส่วนทางลาดชันทางทิศใต้เป็นที่ตั้งของวัดและอารามต่างๆ ภูมิภาคนี้มีภูมิอากาศแบบกึ่งแห้งแล้งกึ่งทวีป มีสี่ฤดูที่ชัดเจนและอุณหภูมิกลางวันกลางคืนที่แตกต่างกันอย่างมาก อุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 6.1 องศาเซลเซียส

ภูเขาเหิงซานใต้ (Southern Mount Heng - เหิงซานใต้)

ภูเขาเหิงซานใต้ ตั้งอยู่ในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน ในเขตเมืองเหิงหยาง เทือกเขาแห่งนี้ทอดยาวประมาณ 150 กิโลเมตรจากเหิงหยางไปยังฉางชา มีพื้นที่รวม 640 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยยอดเขา 72 ยอด โดยมียอดเขาจูหรง (Zhurong Peak) เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ด้วยความสูง 1,300.2 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ยอดเขาสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ยอดเขาหุยหยาน (Huiyan Peak) ทางตอนใต้สุด และภูเขาเย่วลู่ (Yuelu Mountain) ทางตอนเหนือสุดภูเขาเหิงซานมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นด้วยพืชพรรณอันอุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปี เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยเมื่อเทียบกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ในจีน มีพืชพรรณมากกว่า 1,200 ชนิด ป่าไม้ดึกดำบรรพ์ 9 แห่ง และต้นไม้หายากกว่า 150 ชนิด พืชพรรณแสดงเขตความสูง โดยมีดินสีแดงป่าดิบชื้นกว้างใบกึ่งร้อนชื้นอยู่ต่ำกว่า 800 เมตร และป่าแคระ พุ่มไม้ และดินสีเหลืองน้ำตาลทุ่งหญ้าอยู่สูงกว่า 800 เมตร อัตราการปกคลุมของป่าอยู่ที่ประมาณ 67% นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบและแม่น้ำ 26 แห่งทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออก และตะวันออกเฉียงใต้ของภูเขาเหิงซาน ซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำเซียงเจียง ภูเขาแห่งนี้ได้รับการรับรองเป็นพื้นที่ทิวทัศน์แห่งชาติในปี 1982 และเป็นเขตสงวนธรรมชาติแห่งชาติในปี 2007

ภูเขาซงซาน (Mount Song - ซงซาน)

ภูเขาซงซานเป็นเทือกเขาอันกว้างใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ริมฝั่งใต้ของแม่น้ำเหลือง โดยตั้งอยู่ระหว่างเมืองลั่วหยางและเจิ้งโจว ได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดเขาที่อยู่ตรงกลางในบรรดาขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าของจีน และมีความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อย่างยิ่งในทางภูมิศาสตร์ ภูเขาซงซานทอดตัวยาวประมาณ 100-104 กิโลเมตรจากตะวันออกไปตะวันตก และกว้างประมาณ 60 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 450 ตารางกิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาฉินหลิงที่ใหญ่กว่า ระบบภูเขาประกอบด้วยสันเขาหลักสองแห่ง: ภูเขาไท่สือ (Taishi Mountain) ทางทิศตะวันออก และภูเขาเส้าสือ (Shaoshi Mountain) ทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินอันเลื่องชื่อ ภูเขาแห่งนี้มี 72 ยอดเขา โดยมีจำนวนเท่ากันในแต่ละสันเขา จุดที่สูงที่สุดในภูเขาซงซานคือ ยอดเขาเหลียนเทียนเฟิง (Lian Tian Feng) ซึ่งสูง 1,512 เมตร และมียอดเด่น 1,221 เมตร ยอดเขาจุนจี (Junji Peak) บนภูเขาไท่สือก็เป็นอีกยอดเขาที่โดดเด่น โดยมีความสูงประมาณ 1,492 เมตร ประวัติทางธรณีวิทยาของภูเขาซงซานมีความเก่าแก่เป็นพิเศษ ก่อตัวขึ้นจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกครั้งใหญ่สามครั้งตลอดระยะเวลาหลายพันล้านปี ได้แก่ Songyang (2.5 พันล้านปีก่อน), Zhongyue (1.85 พันล้านปีก่อน) และ Shaolin (570 ล้านปีก่อน) ทำให้ Songshan Geopark เป็นแหล่งศึกษาธรณีวิทยาที่สำคัญ โดยมักถูกเรียกว่า "สารานุกรมแห่งธรณีวิทยา"การเดินทางผ่าน "5 ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ของจีน" เป็นประสบการณ์ที่เหนือกว่าการท่องเที่ยวทั่วไป เป็นการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ที่ได้นำพาเราไปสู่จุดสูงสุดแห่งจิตวิญญาณและประวัติศาสตร์ของอารยธรรมจีน จากภูเขาไท่แห่งรุ่งอรุณที่ศักดิ์สิทธิ์ สู่ภูเขาหัวซานอันน่าทึ่งด้วยเส้นทางสุดหฤโหด ภูเขาเหิงซานเหนือพร้อมวัดแขวนอันมหัศจรรย์ ภูเขาเหิงซานใต้แห่งอายุยืนที่อบอวลด้วยศรัทธา และภูเขาซงซานศูนย์รวมแห่งปรัชญาและศิลปะการต่อสู้ แต่ละก้าวที่เราเดินบนขุนเขาเหล่านี้ ได้ปลุกเร้าความรู้สึกอัศจรรย์ใจ ความเคารพต่อธรรมชาติ และความชื่นชมในมรดกทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้งเราได้เห็นทิวทัศน์อันตระการตาจากยอดเขาที่เสียดฟ้า สัมผัสถึงลมหายใจแห่งอดีตที่พัดผ่านวัดวาอารามโบราณ และดื่มด่ำกับเรื่องราวปรัมปราที่ถูกเล่าขานมานับพันปี ขุนเขาเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงก้อนหินและป่าไม้ แต่เป็นเสมือนหัวใจที่เต้นระรัวของจีน เป็นพยานแห่งการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย และเป็นสัญลักษณ์แห่งความพากเพียรของมนุษย์ที่พยายามเชื่อมโยงกับสวรรค์ การผจญภัยครั้งนี้ได้มอบทั้งความท้าทายทางกายและแรงบันดาลใจทางจิตวิญญาณ ทำให้เราตระหนักถึงความงดงามอันเป็นนิรันดร์ของโลกใบนี้ และความล้ำค่าของมรดกที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ไว้ขอให้การเดินทางสู่ 5 ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ของจีนนี้ เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกท่านได้ค้นพบการผจญภัยในแบบของตนเอง และเปิดใจรับความมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในทุกมุมโลก ด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยความกระหายในการเรียนรู้และความชื่นชมในความงาม ขอให้ท่านจงออกเดินทางเพื่อสัมผัสกับเรื่องราวอันยิ่งใหญ่เหล่านี้ด้วยตัวของท่านเอง เพราะบางครั้ง การปีนป่ายไปสู่จุดสูงสุด ก็คือการค้นพบความลึกซึ้งที่สุดในตัวเรานั่นเอง.