วัดกวนหลิน" (Guanlin Temple) ศาลเจ้ากวนอู ลั่วหยาง เหอหนาน
แผนที่ https://maps.app.goo.gl/D28SpTU9WZLhzNA9A
วัดกวนหลิน (Guanlin Temple) ศาลเจ้ากวนอู แห่งลั่วหยาง ตำนานขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ สู่เทพเจ้าแห่งศรัทธาเหนือกาลเวลา
การเดินทางสู่ใจกลางมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน คือการก้าวเข้าสู่ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์และเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ของวีรบุรุษผู้เป็นอมตะ "กวนอู" หรือที่ชาวโลกยกย่องให้เป็น "เทพเจ้าแห่งสงคราม" และ "เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์" ณ เมืองลั่วหยางอันเก่าแก่ ที่นี่เป็นที่ตั้งของศาลเจ้ากวนอูอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม "วัดกวนหลิน" (Guanlin Temple) สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงเป็นพยานถึงยุคสมัยอันเกรียงไกรของสามก๊กเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนนับพันปี ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายของอารยธรรมจีนโบราณ แรงศรัทธาอันแรงกล้า และความสงบนิ่งที่แฝงไปด้วยพลังแห่งวีรชน
เมื่อย่างเท้าเข้าสู่วัดกวนหลิน ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือความโอ่อ่า สง่างาม และความลึกลับของสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางหมู่ต้นไซปรัสเขียวขจี อากาศที่นี่อบอวลไปด้วยเรื่องราวของความกล้าหาญ ความจงรักภักดี และปัญญาอันเฉียบแหลมของกวนอู ผู้ที่ได้รับการยกย่องข้ามศาสนาและวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นขงจื๊อ พุทธ หรือเต๋า ทุกก้าวเดินภายในวัดแห่งนี้คือการเดินทางย้อนเวลาสู่ยุคที่ม้าศึกควบทะยาน ดาบและทวนกระทบกันกึกก้อง และจิตวิญญาณของยอดขุนพลยังคงสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้
วัดกวนหลินไม่ใช่เพียงแค่โบราณสถาน แต่เป็นผืนผ้าใบขนาดใหญ่ที่บอกเล่ามหากาพย์ชีวิตของกวนอู ผ่านสถาปัตยกรรมอันวิจิตร ศิลาจารึกนับพัน และรูปปั้นที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ความมหัศจรรย์ของการได้มาเยือนสถานที่ที่ศีรษะของวีรบุรุษในตำนานถูกฝังไว้อย่างสมเกียรติ เป็นประสบการณ์ที่กระตุ้นจินตนาการและปลุกเร้าความรู้สึกเคารพศรัทธาในจิตใจ ผู้มาเยือนจะได้ตื่นตาตื่นใจกับระเบียงสิงโตหินแกะสลักนับร้อยตัว ที่แต่ละตัวมีสีหน้าและท่าทางที่แตกต่างกัน ราวกับกำลังเฝ้าระวังและปกปักษ์รักษาวัดแห่งนี้จากภยันตราย
การสำรวจศาลเจ้าแห่งนี้คือการผจญภัยทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง คุณจะได้พบกับวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานรูปปั้นกวนอูอันยิ่งใหญ่ ง้าวมังกรเขียวในตำนานที่จัดแสดงอย่างน่าเกรงขาม และภาพวาดที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของเขา ทุกองค์ประกอบภายในวัดล้วนสะท้อนถึงความเคารพและความศรัทธาอันไม่มีที่สิ้นสุดที่ชาวจีนมีต่อยอดขุนพลผู้นี้ การได้เดินลอดใต้ร่มเงาของต้นไซปรัสโบราณที่แผ่กิ่งก้านสาขา ราวกับกำลังเดินอยู่ในป่าแห่งตำนานที่โอบล้อมดวงวิญญาณของกวนอูไว้ เป็นความรู้สึกที่หาได้ยากและเปี่ยมด้วยมนต์ขลัง
วัดกวนหลินจึงเป็นมากกว่าแหล่งท่องเที่ยว แต่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เชื้อเชิญให้เราได้มาสัมผัสเรื่องราวแห่งความจงรักภักดี ความกล้าหาญ และคุณธรรมอันสูงส่ง การได้มาเยือนที่นี่คือการได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ยังคงมีชีวิต และได้รับแรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณอันเป็นอมตะของกวนอู ผู้ซึ่งยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเข้มแข็งและคุณงามความดีที่ไม่เคยเลือนหายไปจากใจของผู้คน
ที่ตั้งและภูมิศาสตร์
วัดกวนหลินตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองลั่วหยางประมาณ 7-8 กิโลเมตร ในเมืองกวนหลิน เขตหลัวหลง มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน เมืองลั่วหยางเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่แม่น้ำหลัวและแม่น้ำหวงมาบรรจบกันทางตะวันตกของมณฑลเหอหนาน ภูมิประเทศโดยรอบเป็นที่ราบลุ่มและเนินเขาเตี้ยๆ ที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้เป็นแหล่งอารยธรรมที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยโบราณ
สภาพภูมิอากาศของเมืองลั่วหยางโดยทั่วไปแล้วเป็นแบบภาคพื้นทวีปกึ่งแห้งแล้ง โดยมีสี่ฤดูที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ในฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ระหว่าง 10-20 องศาเซลเซียส อากาศเย็นสบายและมีดอกไม้งดงาม ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 25-30 องศาเซลเซียส บางวันอาจสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส และมีฝนตกชุก ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) เป็นช่วงที่อากาศดีที่สุด อุณหภูมิเฉลี่ย 15-25 องศาเซลเซียส ท้องฟ้าโปร่งใส และใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม ส่วนฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) อุณหภูมิจะลดลงอย่างมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0-5 องศาเซลเซียส และอาจมีหิมะตกในบางครั้ง ทำให้ทิวทัศน์ของวัดกวนหลินปกคลุมไปด้วยความขาวบริสุทธิ์
ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ของวัดกวนหลินนั้นยาวนานและเต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าทึ่ง ย้อนกลับไปในราวปี ค.ศ. 220 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แผ่นดินจีนกำลังระอุด้วยไฟสงครามในยุคสามก๊ก โจโฉ ผู้ปกครองอาณาจักรเว่ย ได้แสดงความเคารพอย่างสูงต่อกวนอู ขุนพลผู้โด่งดังแห่งอาณาจักรสู่ ที่ถูกปลงพระชนม์โดยอาณาจักรอู๋ ศีรษะของกวนอูถูกส่งมายังโจโฉ ด้วยความเลื่อมใสในคุณธรรมและความสามารถของกวนอู โจโฉจึงจัดการฝังศีรษะของกวนอูอย่างสมเกียรติในระดับราชวงศ์ ทางตอนใต้ของลั่วหยาง และได้สร้างวัดขึ้นเพื่อบูชาดวงวิญญาณอันกล้าหาญของเขา พร้อมกับร่างที่แกะสลักจากไม้หอมเพื่อประกอบพิธีศพอย่างสมบูรณ์แบบ
อาคารต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในวัดกวนหลินในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นใหม่หรือได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยราชวงศ์หมิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี ค.ศ. 1596 ซึ่งอยู่ในรัชสมัยของจักรพรรดิหว่านลี่ หลังจากนั้น วัดแห่งนี้ก็ได้รับการขยายและต่อเติมให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกในสมัยราชวงศ์ชิง จักรพรรดิในราชวงศ์ต่อๆ มาต่างให้ความเคารพกวนอูอย่างมาก และได้ยกย่องเชิดชูท่านในฐานะ "เทพเจ้าแห่งสงคราม" (武聖) ในปี ค.ศ. 1605 ในสมัยราชวงศ์หมิง การยกย่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงสถานะอันสูงส่งของกวนอูในวัฒนธรรมจีน ชื่อของวัด "กวนหลิน" (Guan's Forest) เองก็มีที่มาจากการออกแบบเริ่มแรกที่ต้องการให้วัดแห่งนี้ถูกโอบล้อมไปด้วยป่าไม้ บ่งบอกถึงความสงบและศักดิ์สิทธิ์ของการเป็นสถานที่พำนักของยอดขุนพลผู้เป็นตำนาน
ตำนานและความสำคัญ
ศาลเจ้ากวนอู หรือวัดกวนหลิน ไม่ได้เป็นเพียงโบราณสถาน แต่เป็นผืนดินอันศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยตำนานและความสำคัญทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง ที่นี่คือสถานที่ฝังศีรษะของกวนอู วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคสามก๊ก ตำนานเล่าขานว่าหลังจากที่กวนอูถูกปลงพระชนม์โดยทัพของซุนกวนแห่งง่อก๊ก ศีรษะของท่านได้ถูกส่งไปยังโจโฉแห่งวุยก๊ก ซึ่งโจโฉผู้ที่เคยชื่นชมและให้เกียรติกวนอูมาโดยตลอด ได้จัดการฝังศีรษะของกวนอูอย่างสมเกียรติเทียบเท่ากษัตริย์ พร้อมสร้างร่างจำลองจากไม้หอม และนี่คือจุดเริ่มต้นของวัดกวนหลิน สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณและความเคารพศรัทธาที่ชาวจีนมีต่อยอดขุนพลผู้นี้
กวนอูได้รับการยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์สุจริต ความเที่ยงธรรม ความเมตตา ความกล้าหาญ และความหาญกล้า คุณลักษณะเหล่านี้ทำให้ท่านเป็นบุคคลเพียงผู้เดียวที่ได้รับการเคารพนับถือจากทั้งสามศาสนาหลักของจีน ได้แก่ ขงจื๊อ พุทธ และเต๋า ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และอิทธิพลของท่านอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ท่านยังได้รับการบูชาในฐานะเทพเจ้าแห่งสงคราม ผู้พิทักษ์ และผู้อุปถัมภ์วรรณกรรม ไม่เพียงเท่านั้น บางคนยังถือว่าท่านเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเทพเจ้าแห่งชัยชนะอีกด้วย ทำให้ศาลเจ้ากวนอูแห่งนี้กลายเป็นสถานที่สำคัญที่ผู้คนทุกชนชั้นและทุกความเชื่อต่างมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดกวนหลินยังเป็นต้นกำเนิดของมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ระดับชาติของจีน นั่นคือ "ความเชื่อและประเพณีของกวนอู" ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของคติความเชื่อและวิถีชีวิตของชาวจีน ภาพเหมือนของกวนอูยังถูกนำไปใช้เป็นเทพเจ้าประตูในวัดจีนและวัดเต๋า เพื่อปัดเป่าวิญญาณชั่วร้ายและนำมาซึ่งความสงบสุข ความสำคัญทางสถาปัตยกรรมของวัดก็โดดเด่นไม่แพ้กัน อาคารต่างๆ ภายในวัดส่วนใหญ่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงและขยายต่อเติมในราชวงศ์ชิง สะท้อนถึงรูปแบบสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่งดงามและประณีต ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ล้วนเสริมสร้างให้วัดกวนหลินเป็นสถานที่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างหาที่เปรียบมิได้ และเป็นเจ้าภาพจัดพิธีแสวงบุญนานาชาติประจำปี ดึงดูดผู้ศรัทธาจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยือนอย่างต่อเนื่อง
จุดที่น่าสนใจ
สุสานกวนจง (Guan Zhong - The Tomb)
เมื่อเดินลึกเข้ามาภายในวัดกวนหลิน สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาและจิตใจของผู้มาเยือนคือ สุสานกวนจง ซึ่งเป็นเนินดินขนาดใหญ่ที่เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ฝังศีรษะของกวนอู ยอดขุนพลผู้เป็นที่เคารพ เนินสุสานแห่งนี้มีความสูงตระหง่านถึง 17 เมตร และครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางถึง 2,600 ตารางเมตร การได้ยืนอยู่เบื้องหน้าสุสานแห่งนี้ ทำให้รู้สึกราวกับได้สัมผัสกับพลังงานและเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของผู้ที่เคยมีชีวิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ บรรยากาศรอบๆ สุสานมีความสงบและศักดิ์สิทธิ์อย่างหาที่สุดมิได้ ต้นไม้ใหญ่ที่โอบล้อมรอบให้ร่มเงา ทำให้บริเวณนี้เป็นเสมือนป่าศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องดวงวิญญาณของผู้กล้า
สุสานกวนจงเป็นสัญลักษณ์ของการให้เกียรติสูงสุดที่โจโฉมีต่อกวนอู แม้ว่าทั้งสองจะอยู่กันคนละฝ่ายในศึกสามก๊ก แต่คุณธรรมและความซื่อสัตย์ของกวนอูก็เป็นที่ประจักษ์แก่โจโฉ การได้ฝังศีรษะของกวนอูอย่างสมเกียรติในลั่วหยางจึงเป็นการแสดงออกถึงความเคารพอย่างแท้จริงของผู้ปกครองสูงสุดในยุคนั้น การมาเยือนสุสานแห่งนี้จึงไม่เพียงแค่เป็นการรำลึกถึงวีรบุรุษเท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าแห่งความจงรักภักดีและเกียรติยศที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมจีน ผู้คนมักจะมาหยุดยืน ณ ที่แห่งนี้ เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีและอธิษฐานขอพรจากเทพเจ้ากวนอู
วิหารหลัก (Main Hall)
วิหารหลักของวัดกวนหลินตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม เป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณและสถาปัตยกรรมของวัดแห่งนี้ วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1596 ในสมัยราชวงศ์หมิง และมีความสูงถึง 26 เมตร โดดเด่นด้วยหลังคากระเบื้องสีเหลืองทองและผนังสีแดงสดใส ภายในวิหารประดิษฐานรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ของกวนอูในท่าทางอันน่าเกรงขาม โดยมีกวนเป๋งบุตรบุญธรรม และโจฉองทหารคนสนิทขนาบข้างอย่างซื่อสัตย์ รูปปั้นของกวนอูที่นี่มีความงดงามและเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ราวกับว่าท่านกำลังมีชีวิตและเฝ้าระวังภัยอยู่เสมอ รายละเอียดบนเครื่องแต่งกายและใบหน้าแสดงถึงความประณีตในการแกะสลักอย่างแท้จริง
นอกจากรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์แล้ว ภายในวิหารยังมีการจัดแสดงแบบจำลองง้าวมังกรเขียวในตำนานของกวนอู ซึ่งเป็นอาวุธคู่กายที่เล่าขานกันว่ามีน้ำหนักมหาศาล และเป็นที่มาของความสามารถในการรบอันเหนือชั้นของท่าน การได้เห็นแบบจำลองนี้ทำให้ผู้มาเยือนจินตนาการถึงภาพของกวนอูในสมรภูมิรบอันดุเดือด วิหารหลักแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราว อุดมคติ และจิตวิญญาณของกวนอูไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นจุดที่ผู้ศรัทธามาสักการะและขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล ความสำเร็จ และการปกป้องคุ้มครองจากเทพเจ้าแห่งสงคราม
ประตูหลัก (Main Gate)
ประตูหลักของวัดกวนหลินเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางเข้าสู่โลกแห่งตำนานของกวนอู ประตูนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1791 ในสมัยราชวงศ์ชิง มีความโอ่อ่าสง่างามและเต็มไปด้วยความหมายเชิงสัญลักษณ์ ประตูไม้สีแดงเข้มประดับด้วยหมุดทองคำ 81 ชิ้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในวัฒนธรรมจีน เพราะเป็นสัญลักษณ์ของตำแหน่งสูงสุดและเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ในสังคมศักดินาในอดีต การออกแบบประตูนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงสถานะอันสูงส่งของกวนอูที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพเจ้า
เมื่อก้าวผ่านประตูหลักแห่งนี้ ผู้มาเยือนจะรู้สึกราวกับกำลังก้าวข้ามผ่านกาลเวลาเข้าสู่ดินแดนแห่งความศักดิ์สิทธิ์และเรื่องราวอันเป็นตำนาน การแกะสลักและลวดลายบนประตูแสดงถึงฝีมือช่างชั้นครูในยุคนั้น แต่ละหมุดทองคำที่เรียงรายอยู่บนประตูยังคงเปล่งประกาย สะท้อนถึงความรุ่งโรจน์และความสำคัญของวัดแห่งนี้ในอดีต ประตูหลักจึงไม่ใช่แค่ทางเข้าธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ เกียรติยศ และการต้อนรับผู้มาเยือนเข้าสู่สถานที่อันเป็นที่เคารพสักการะของยอดขุนพลผู้เป็นอมตะ
ระเบียงสิงโตหิน (Stone Lion Corridor/Walkway)
จากประตูหลักสู่ลานวัด ระเบียงสิงโตหินหรือทางเดินที่เรียงรายไปด้วยรูปปั้นสิงโตหินแกะสลักจำนวนมากนี้ เป็นอีกหนึ่งจุดที่สร้างความประทับใจและความอัศจรรย์ใจแก่ผู้มาเยือน ระเบียงแห่งนี้ทอดยาวเชื่อมไปยังวิหารหลัก โดยมีสิงโตหินแกะสลักมากกว่า 104 ตัว วางเรียงรายอยู่สองข้างทาง สิงโตแต่ละตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า ท่าทาง หรือแม้กระทั่งลูกสิงโตตัวน้อยที่ซุกซนอยู่ใต้เท้า ทำให้ระเบียงแห่งนี้มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยเรื่องราว
การได้เดินสำรวจระเบียงสิงโตหินแกะสลักนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ สิงโตบางตัวดูดุดัน น่าเกรงขาม บางตัวดูอ่อนโยนและขี้เล่น แต่ทุกตัวล้วนแสดงออกถึงฝีมือการแกะสลักที่ประณีตและละเอียดอ่อนของช่างศิลป์โบราณ ราวกับว่าสิงโตเหล่านี้มีชีวิตและกำลังเฝ้าระวังปกป้องสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ระเบียงสิงโตหินจึงไม่ใช่แค่ทางเดิน แต่เป็นผลงานศิลปะชิ้นเอกที่สะท้อนถึงความเชื่อ วัฒนธรรม และความศรัทธาที่ชาวจีนมีต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทพเจ้าผู้พิทักษ์
ต้นไซปรัสโบราณ
ภายในวัดกวนหลินได้รับการตกแต่งด้วยภูมิทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม โดยมีต้นไซปรัสโบราณขนาดใหญ่จำนวนมากที่แผ่กิ่งก้านสาขาอย่างร่มรื่น สร้างบรรยากาศอันสงบและศักดิ์สิทธิ์ให้กับวัด ต้นไม้เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์ที่มีชื่อเสียงที่เรียกว่า "ต้นไซปรัสเขียวแห่งกวนหลิน" ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีถึงความเขียวชอุ่มและความร่มรื่นที่มอบให้แก่ผู้มาเยือน อายุของต้นไม้เหล่านี้มีนับร้อยปี บางต้นอาจมีอายุเป็นพันปี ยืนหยัดเป็นพยานแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานของวัด
การได้เดินเล่นใต้ร่มเงาของต้นไซปรัสโบราณเหล่านี้ ให้ความรู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในป่าศักดิ์สิทธิ์แห่งตำนาน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของต้นไม้และความสงบเงียบที่ปกคลุมอยู่ ช่วยให้จิตใจผ่อนคลายและสัมผัสได้ถึงพลังงานบริสุทธิ์ของธรรมชาติ ต้นไซปรัสเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นองค์ประกอบทางธรรมชาติที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความยืนยง ความแข็งแกร่ง และความสง่างาม ที่สอดคล้องกับคุณลักษณะของกวนอู ผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นยอดขุนพลผู้ไม่เคยเกรงกลัวต่อสิ่งใด
วิหารที่สอง (วิหารเทพเจ้าแห่งโชคลาภ)
นอกจากวิหารหลักแล้ว วัดกวนหลินยังมีวิหารที่สอง ซึ่งอุทิศแด่กวนอูในฐานะ "เทพเจ้าแห่งโชคลาภ" (財神) วิหารแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของการบูชากวนอูในวัฒนธรรมจีน ไม่เพียงแต่ในฐานะเทพเจ้าแห่งสงครามและความจงรักภักดีเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ประทานพรด้านความมั่งคั่งและโชคลาภอีกด้วย ภายในวิหารประดิษฐานรูปปั้นกวนอูอันสง่างามเช่นเคย โดยมีกวนเป๋งบุตรบุญธรรมยืนถือตราประทับอันศักดิ์สิทธิ์ และโจฉองทหารคนสนิทยืนถือง้าวคู่กายอยู่เคียงข้าง
วิหารเทพเจ้าแห่งโชคลาภแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พ่อค้า นักธุรกิจ และผู้คนที่ต้องการความเจริญรุ่งเรืองทางการเงิน มักจะมาสักการะและอธิษฐานขอพรจากกวนอู การได้มาเยือนวิหารนี้จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อที่ว่าคุณธรรม ความซื่อสัตย์ และความกล้าหาญของกวนอูนั้น สามารถนำมาซึ่งความสำเร็จและความร่ำรวยได้เช่นกัน บรรยากาศภายในวิหารเต็มไปด้วยความหวังและความศรัทธา ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกถึงพลังแห่งความเป็นสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรืองที่รออยู่เบื้องหน้า
วิหารชุนชิว (Spring and Autumn Hall)
วิหารชุนชิวเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยความลึกซึ้งทางวัฒนธรรม ภายในวิหารแห่งนี้มีรูปปั้นกวนอูในอิริยาบถที่แตกต่างจากวิหารอื่นๆ ท่านั่งอ่านตำรา "ชุนชิว" (Spring and Autumn Annals) ภายใต้แสงเทียน สื่อถึงปัญญาและความรักในการศึกษาของยอดขุนพลผู้นี้ แม้กวนอูจะเป็นนักรบผู้เกรียงไกร แต่ท่านก็ไม่เคยละทิ้งการแสวงหาความรู้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ชาวจีนยกย่องเป็นอย่างสูง
นอกจากรูปปั้นแล้ว ภายในวิหารชุนชิวยังมีภาพวาดฝาผนังและจิตรกรรมที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของกวนอู ตั้งแต่การผูกสาบานในสวนท้อ การร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเล่าปี่และเตียวหุย การปกป้องพี่สะใภ้ การบุกเดี่ยวฝ่าห้าด่านหกแม่ทัพ และวีรกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ภาพวาดเหล่านี้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างประณีตและมีชีวิตชีวา ทำให้ผู้มาเยือนได้ดื่มด่ำกับเรื่องราวและตำนานของกวนอูได้อย่างเต็มที่ วิหารแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ที่ผู้มาเยือนจะได้เรียนรู้และเข้าใจในคุณธรรม ปัญญา และความจงรักภักดีของกวนอูมากยิ่งขึ้น
หอศิลป์ (Art Gallery)
ภายในวัดกวนหลินยังมีหอศิลป์ที่รวบรวมโบราณวัตถุและงานศิลปะอันล้ำค่าไว้มากมาย หอศิลป์แห่งนี้จัดแสดงแผ่นศิลาจารึกโบราณ อัฐิ และจารึกหินเกือบ 2,000 ชิ้น ซึ่งล้วนเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และศิลปะที่สำคัญที่บอกเล่าเรื่องราวของกวนอูและวัดแห่งนี้ ศิลาจารึกหลายชิ้นมีอายุย้อนไปหลายศตวรรษ แสดงถึงวิวัฒนาการของอักษรจีนและฝีมือการแกะสลักของช่างในแต่ละยุคสมัย
การได้เดินชมหอศิลป์แห่งนี้ทำให้รู้สึกราวกับกำลังสำรวจขุมสมบัติทางประวัติศาสตร์ แต่ละชิ้นงานล้วนมีความหมายและคุณค่าทางศิลปะอย่างยิ่งใหญ่ แผ่นศิลาจารึกบางชิ้นบันทึกบทกวี คำสรรเสริญ หรือเรื่องราวสำคัญเกี่ยวกับกวนอูและวัดกวนหลิน ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลอันล้ำค่าสำหรับนักประวัติศาสตร์และผู้ที่สนใจวัฒนธรรมจีน หอศิลป์แห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งจุดที่ผู้มาเยือนไม่ควรพลาด เพื่อดื่มด่ำกับความงามของศิลปะและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านโบราณวัตถุที่จัดแสดง
ศิลาจารึกและแผ่นจารึกของราชวงศ์
ทั่วทั้งบริเวณวัดกวนหลิน ผู้มาเยือนจะพบกับศิลาจารึกและแผ่นจารึกที่สลักไว้ด้วยพระราชดำรัสหรือบทกวีจากจักรพรรดิผู้ทรงอำนาจแห่งราชวงศ์ต่างๆ เช่น จักรพรรดิเฉียนหลง (Qianlong Emperor) และพระนางซูสีไทเฮา (Empress Dowager Cixi) จารึกเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความสำคัญและสถานะอันสูงส่งของกวนอูในฐานะเทพเจ้าที่ได้รับการเคารพจากราชสำนักจีนมาอย่างยาวนาน
แต่ละจารึกถูกสลักอย่างวิจิตรบรรจงบนแผ่นหินขนาดใหญ่ บ่งบอกถึงความเอาใจใส่และเกียรติยศที่มอบให้แก่กวนอู ข้อความที่สลักบนจารึกเหล่านี้มักจะเป็นการสรรเสริญคุณงามความดี ความกล้าหาญ และความจงรักภักดีของท่าน การได้อ่านและสัมผัสกับจารึกเหล่านี้ทำให้รู้สึกราวกับกำลังเชื่อมโยงกับอดีตอันยิ่งใหญ่ของราชวงศ์จีน และเข้าใจถึงรากฐานทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งของศรัทธาที่มีต่อเทพเจ้ากวนอู จารึกเหล่านี้จึงไม่ใช่เพียงแค่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ แต่เป็นมรดกอันล้ำค่าที่เล่าขานถึงความยิ่งใหญ่ของกวนอูข้ามกาลเวลา
ต้นไซปรัสมังกรและฟีนิกซ์ (Dragon & Phoenix Cypress Trees)
ในบรรดาต้นไซปรัสโบราณที่ประดับประดาวัดกวนหลิน มีต้นไซปรัสสองต้นที่โดดเด่นเป็นพิเศษและได้รับการขนานนามว่า "ต้นไซปรัสมังกรและฟีนิกซ์" ต้นไม้ทั้งสองนี้มีรูปร่างลักษณะที่บิดเกลียวและแผ่กิ่งก้านสาขาคล้ายกับมังกรและฟีนิกซ์ในตำนาน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังมงคล โชคลาภ และความเป็นอมตะในวัฒนธรรมจีนโบราณ การได้เห็นต้นไม้เหล่านี้ยืนตระหง่านอยู่คู่กัน ทำให้รู้สึกถึงพลังงานอันศักดิ์สิทธิ์และความสมดุลแห่งหยินหยาง
ตำนานเล่าว่าต้นไม้นี้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและจิตวิญญาณอันสูงส่งของกวนอู ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมังกรแห่งนักรบ และพระชายาของท่านที่เปรียบเสมือนฟีนิกซ์ที่สง่างาม ต้นไซปรัสมังกรและฟีนิกซ์จึงเป็นจุดที่ผู้คนนิยมมาอธิษฐานขอพรให้ชีวิตมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง มีโชคลาภ และมีความสุขสมบูรณ์ การได้มาเยี่ยมชมต้นไม้คู่นี้จึงไม่เพียงแต่ได้ชื่นชมความงามตามธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังได้สัมผัสถึงความเชื่อและตำนานอันศักดิ์สิทธิ์ที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของชาวจีน
การเดินทางสู่ศาลเจ้ากวนอู หรือวัดกวนหลิน ในเมืองลั่วหยาง เหอหนาน คือการผจญภัยอันล้ำค่าที่พาเราย้อนเวลากลับไปสู่ยุคสมัยแห่งตำนานและวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่โบราณสถาน แต่เป็นผืนผ้าใบที่แต่งแต้มด้วยเรื่องราวของความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ และคุณธรรมอันสูงส่งของกวนอู ผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพเจ้าแห่งสงครามและเทพเจ้าแห่งความจงรักภักดี ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับความอัศจรรย์ของสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่ตระหง่านงาม ต้นไซปรัสที่ยืนต้นอย่างสงบ และระเบียงสิงโตหินแกะสลักที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา
ทุกย่างก้าวภายในวัดกวนหลิน คือ การเดินทางที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและความเคารพศรัทธา เราได้เรียนรู้ถึงความลึกซึ้งของวัฒนธรรมจีนที่ผสานความเชื่อจากทั้งสามศาสนาหลักเข้าไว้ด้วยกันในบุคคลเพียงคนเดียว ประสบการณ์ที่ได้เห็นสถานที่ฝังศีรษะของยอดขุนพลในตำนาน ได้เดินชมวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ และได้ชื่นชมศิลปะอันวิจิตรบรรจง ล้วนเป็นสิ่งที่ประทับใจมิรู้ลืม วัดกวนหลินจึงเป็นบทสรุปของการเดินทางที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ ความตื่นตาตื่นใจ และความชื่นชมในมรดกทางวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ของจีน ที่ยังคงเปล่งประกายและส่งต่อจิตวิญญาณแห่งวีรชนสู่คนรุ่นหลังอย่างไม่เสื่อมคลาย
.
-------------------------
ที่มา
-
รวบรวมข้อมูลและรูป
-------------------------
ดูเพิ่มเติมในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้ที่
รวมเรื่องราวการท่องเที่ยว iok2u
-----------------------
ชมอัลปั้มภาพเพิ่มเติมที่

.
.
xxx
yyy
---------------------
