iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ
มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา

CT51 การออกแบบเครือข่ายของระบบโลจิสติกส์ สำหรับการบริหารการปฏิบัติงานระดับโลก (ตอนที่ 1)

ลิขสิทธิ์ สำนักโลจิสติกส์

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่

ดร.นันทิ สุทธิการนฤนัย 

บทคัดย่อ : บทความนี้จะอธิบายถึงคุณลักษณะของระบบเครือข่ายโลจิสติกส์แบบต่าง ๆ ที่เป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาออกแบบเครือข่ายของระบบโลจิสติกส์ สำหรับการบริหารการปฏิบัติงานระดับโลก ส่วนเนื้อหาอีกสองส่วนที่สำคัญคือ กลยุทธ์และข้อดี/ข้อเสียของการย้ายสถานที่อำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น โรงงาน คลังสินค้า ฯลฯ ไปยังต่างประเทศ และการรับมือกับความไม่แน่นอนในสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศ หากจำเป็นต้องมีการย้ายการปฏิบัติการต่างๆ ไปยังประเทศอื่นนั้น จะได้กล่าวถึงต่อไปในตอนที่ 2

ประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์เป็นส่วนสำคัญของการวางแผนกลยุทธ์ในการเพิ่มขีดความสามารถในกระบวนการผลิตและการตลาด สำหรับองค์กรต่าง ๆ ที่ขยายการดำเนินงานขึ้นเป็นองค์กรระดับโลก จะพบว่าการวางแผนการระบบโลจิสติกส์และปัจจัยต่าง ๆ ที่ช่วยในการตัดสินใจจะซับซ้อนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม มีคำถาม 3 คำถาม ที่ทุกหน่วยงานที่ต้องการขยายการปฏิบัติการขึ้นสู่ระดับโลกต้องสามารถตอบคำถามให้ได้ คือ

  1. ควรจะออกแบบหรือสร้างลักษณะเครือข่ายระบบโลจิสติกส์อย่างไรสำหรับการปฏิบัติงานหรือดำเนินงานในระบบโลก
  2. ควรจะเลือกและจัดวางสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานระดับโลกอย่างไร ตามกลไกตลาด ตามประเภทของสินค้า หรือตามประเภทของกระบวนการ
  3. ควรจะใช้สิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้างสำหรับการขยายขีดความสามารถในการดำเนินงานที่ขยายขึ้นสู่ระดับโลก และสำหรับรับมือการเกิดขึ้นของผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ

บทความนี้จะนำเสนอแนวคิดที่จะสามารถช่วยตอบคำถามข้อแรกข้างต้นได้ นั้นคือ คุณลักษณะของระบบเครือข่ายโลจิสติกส์แบบต่าง ๆ ทั้งแบบ Modularization และแบบ Postponement และศึกษาลึกลงไปถึงการจัดแบ่งกลุ่มโครงสร้างของเครือข่ายโลจิสติกส์ที่แตกต่างกันออกไป 4 รูปแบบ ได้แก่ rigid, postponed, modularized, และ flexible

ส่วนในตอนที่ 2 ที่จะได้นำเสนอต่อไปในอนาคตนั้น จะนำเสนอแนวคิดที่จะช่วยในการตอบคำถามข้อ 2 นั่นคือ แนวคิดเรื่องกลยุทธ์ การวางแผน และข้อดี/ข้อเสียของการย้ายสถานที่อำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น โรงงาน คลังสินค้า ฯลฯ ไปยังต่างประเทศ และส่วนสุดท้ายที่จะช่วยตอบคำถามข้อที่ 3 นั้น จะเกี่ยวข้องกับแนวคิดในการรับมือกับความไม่แน่นอนในสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศ หากจำเป็นต้องมีการย้ายการปฏิบัติการต่างๆ ไปยังประเทศอื่น 

โครงสร้างและคุณลักษณะของระบบเครือข่ายโลจิสติกส์ระดับโลก

สืบเนื่องจากการขยายตัวของธุรกิจในปัจจุบัน ที่มุ่งเน้นความสามารถในการแข่งขันได้ในระดับสากลหรือระดับโลก ซึ่งการขยายกระบวนการดำเนินธุรกิจไปสู่ระดับโลกนั้น บริษัทต่างต้องเผชิญกับสิ่งท้าทายต่าง ๆ มากมาย จึงจำเป็นต้องปรับตัวและพยายามเสาะหาเทคนิคต่าง ๆ ที่สามารถจัดการกับโซ่อุปทานและเครือข่ายโลจิสติกส์ของตนเองให้ดีที่สุด ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทหรือองค์กรเหล่านั้นจำเป็นต้องเริ่มจากการปรับปรุงหรือพัฒนาเครือข่ายโลจิสติกส์ของตนให้เสียก่อน

แนวคิดเรื่อง Modularization และ Postponement เป็นแนวคิดที่เป็นตัวกำหนดโครงสร้างของโซ่อุปทานและเครือข่ายของโลจิสติกส์ ซึ่งทั้งสองแนวคิดนั้นมุ่งเน้นหลักการด้านการกำหนดขอบเขตและขนาดที่ประหยัด โดย Modularization เป็นแนวคิดของการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ขึ้นมาจากการส่วนประกอบมาตรฐานด้วยวิธีการประกอบที่แตกต่างไปจากเดิม แต่ Postponement เป็นแนวคิดในการออกแบบกระบวนการโดยการเพิ่มกระบวนการที่จะสามารถเพิ่มคุณค่าให้แก่สินค้า ณ ปลายสุดของกระบวนการผลิต เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด ดังนั้น หลักการของ Postponement จะตรงกับแนวคิดของ customization มากที่สุด

จากกรอบแนวคิดที่ได้กล่าวมาข้างต้น พบว่าระดับของการปฏิบัติตามแนวคิดของ Modularization จะเชื่อมโยงกับปฏิบัติการโลจิสติกส์ขาเข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุ่งเน้นในเรื่องของการจัดจ้างผลิตวัตถุดิบหรือส่วนประกอบของการผลิต ถ้าในระบบเครือข่ายใด ๆ มีการจัดจ้างผลิตวัตถุดิบหรือส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์น้อย จะถือว่ามีการจัดการแบบแนวดิ่งที่มีข้อจำกัดด้านคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์หรือข้อจำกัดของอุตสาหกรรม แต่หากมีการจัดจ้างผลิตวัตถุดิบหรือส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์มากจะถือว่ามีการจัดการโซ่อุปทานแบบกระจาย (decentralized supply chain)

ในขณะที่แนวคิดของ Postponement นั้นจะเชื่อมโยงกับปฏิบัติการโลจิสติกส์ขาออก ที่คำนึงถึงการเคลื่อนย้ายสินค้าจากแหล่งผลิตไปยังลูกค้า หากโซ่อุปทานใดหรือแหล่งผลิตใดที่สามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด หรือมีลักษณะการผลิตแบบผลิตตามคำสั่งผลิต (make to order) จะถือว่ามีระดับของการปฏิบัติการแบบ postponement สูง แต่หากแหล่งผลิตใดมีลักษณะการผลิตเป็นแบบผลิตเพื่อการจัดเก็บ (make to stock) จะถือว่ามีระดับของการปฏิบัติการแบบ postponement ต่ำ

เมื่อศึกษาลึกลงไปถึงรายละเอียดของการจัดโครงสร้างของเครือข่ายโลจิสติกส์จะพบว่ากรอบแนวคิดเรื่องโครงสร้างของโซ่อุปทานและเครือข่ายของโลจิสติกส์ จะสามารถแบ่งได้อย่างละเอียดเป็น 4 แบบ คือ แบบ rigid แบบ modularized แบบ postponed และแบบ flexible ซึ่งลักษณะของโครงสร้างแต่ละแบบนั้น แสดงรายละเอียดไว้ในตารางที่ 1

ตารางที่ 1 ลักษณะเฉพาะของโครงสร้างของโซ่อุปทานหรือเครือข่ายโลจิสติกส์ประเภทต่าง ๆ

ประเภทของโครงข่าย

คุณสมบัติ

Rigid

·       เป็นโครงสร้างแบบแนวดิ่งโดยสมบูรณ์

·       ไม่ทราบปริมาณและความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า

·       เน้นการผลิตในปริมาณการผลิตที่ประหยัด (Economies of Scale)

·       มีปริมาณสินค้าคงคลังสูง

Flexible

·       มีการ outsource subcontractor เพื่อผลิตวัตถุดิบหรือส่วนประกอบป้อนสู่กระบวนการผลิตเป็นจำนวนมาก

·       คำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า

·       จะทำการผลิตเมื่อได้รับคำสั่งผลิตเท่านั้น

·       ไม่มีการเก็บสินค้าคงคลังโดยเฉพาะสินค้าสำเร็จรูป จะเน้นการเก็บวัตถุดิบคงคลังในขนาดการเก็บที่ประหยัดที่สุด

Modularized

·       มีการ outsource subcontractor เพื่อผลิตวัตถุดิบหรือส่วนประกอบป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นจำนวนมาก

·       ทำการผลิตสินค้า โดยไม่ทราบปริมาณและความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า

·       มีการเก็บสินค้าสำเร็จรูปไว้ในคลังสินค้า เพื่อรอการขายให้แก่ลูกค้า

Postponed

·       มีชิ้นส่วนเพื่อการผลิตเป็นจำนวนมาก แต่ไม่เน้นการ outsource subcontractor เพื่อช่วยผลิตชิ้นส่วนประกอบต่าง ๆ

·       เน้นการผลิตตามคำสั่งผลิตของลูกค้าเท่านั้น

หากจะอธิบายโครงสร้างของเครือข่ายโลจิสติกส์ทั้ง 4 แบบข้างต้นให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ให้พิจารณารูปที่ 1 ซึ่งแสดงถึงรูปแบบของโซ่อุปทานที่ประกอบด้วย 3 ส่วนด้วยกัน คือ ฝ่ายผลิต (Making: M) ฝ่ายประกอบ (Assembly: A) และฝ่ายบรรจุ (Packing: P) ในขณะที่ตารางที่ 2 แสดงถึงตัวอย่างของบริษัทต่าง ๆ ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันแต่มีโครงสร้างของเครือข่ายโลจิสติกส์ที่แตกต่างกัน เช่น กลุ่มของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ (Chrysler, Rolls Royce, General Motors) กลุ่มของผู้ผลิตอาหารฟาสต์ฟูด (Burger King, McDonalds) และกลุ่มของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ (Dell Computers, IBM, Compaq) เป็นต้น

รูปที่ 1 โครงสร้างของเครือข่ายโลจิสติกส์ 

ตารางที่ 2 ตัวอย่างของบริษัทต่าง ๆ ที่มีโครงสร้างของเครือข่ายโลจิสติกส์ที่แตกต่างกัน

Inbound Outsourcing

Low

High

Outbound Postponement

High

Postponed

Texas Instrument

Retail Painted Stores

Gas Stations

Rolls Royce

Flexible

Dell Computers

Beneton

Mail Order Firms

Burger King

Low

Rigid

Compaq

Apparel Industry

Adidas

General Motors

Modularized

IBM

NIKE

McDonald’s

Chrysler


เมื่อได้รับคำถามว่าแล้วโครงสร้างของเครือข่ายระบบโลจิสติกส์แบบใดดีที่สุดนั้น คำตอบคือ ไม่มีโครงสร้างใดที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับทุกองค์กร แต่ขึ้นอยู่กับการบริหารงานและ trade off ระหว่างบริการกับต้นทุน (service vs. cost) ตัวอย่างเช่น บริษัท Kamaz ผู้ผลิตรถบรรทุกรายใหญ่ ผลิตส่วนประกอบหรือชิ้นส่วนสำหรับประกอบเป็นตัวรถบรรทุกเองเกือบทั้งหมด เช่นเดียวกับบริษัท GM ที่ 70% ของส่วนประกอบทั้งหมดถูกผลิตขึ้นเองภายในองค์กรในขณะที่บริษัท BMW นั้น 80% ของวัตถุดิบหรือส่วนประกอบต่าง ๆ สำหรับประกอบนั้นสั่งซื้อมาจากผู้ผลิตส่วนประกอบรายอื่น เหมือนกับบริษัท Chrysler ก็นำเข้าส่วนประกอบมากถึง 70% จาก subcontractor หรือ suppliers

สำหรับกลุ่มของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์นั้น พบว่า บริษัท Dell Computer และ IBM ต่างเป็นบริษัทที่ให้บริษัทอื่น ๆ เช่น SCI Systems, Solectron และ Jabil Circuit ผลิตส่วนประกอบให้ แต่ Dell จะทำการผลิตให้แก่ลูกค้าก็ต่อเมื่อได้รับคำสั่งผลิตของลูกค้าเท่านั้น ในขณะที่ IBM จะทำการผลิตคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปตามลักษณะที่ IBM คาดว่าลูกค้าจะต้องการและรอให้ลูกค้ามาทำการซื้อ ดังนั้น Dell Computer มีโครงสร้างของเครือข่ายโลจิสติกส์แบบ Flexible แต่ IBM มีโครงสร้างของเครือข่ายโลจิสติกส์แบบ Modularized ในขณะที่บริษัท Compaq จะเน้นการผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ด้วยตนเอง และจะทำการประกอบหรือผลิตคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปตามลักษณะที่ IBM คาดว่าลูกค้าจะต้องการและรอให้ลูกค้ามาทำการซื้อ ดังนั้น Compaq มีโครงสร้างของเครือข่ายโลจิสติกส์แบบ rigid อย่างชัดเจน

McDonald’s และ Burger King นั้น เป็นอีกตัวอย่างที่ชัดเจนของการวางเครือข่ายของระบบโลจิสติกส์ที่แตกต่างกัน ทั้งคู่นั้นนำเข้าวัตถุดิบเพื่อการผลิตอาหารในลักษณะเดียวกัน คือสั่งจาก supplier หลายราย แต่ McDonald’s นั้นผลิตผลิตภัณฑ์ตามนโยบาย Make to Stock และรอให้ลูกค้ามาซื้อไปบริโภค แต่ในขณะที่ Burger King นั้น มีสโลแกนว่า Make It Your Way คือรอให้ลูกค้าทำการสั่งซื้อก่อนจึงจะทำการปรุงอาหารให้ได้คุณลักษณะตามที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด ดังนั้น McDonald’s จึงมีโครงสร้างของระบบเครือข่ายโลจิสติกส์แบบ Modularized และ Burger King มีโครงสร้างแบบ Flexible

ถึงแม้ในเบื้องต้นจะได้กล่าวไว้ว่า ไม่มีโครงสร้างแบบใดที่ดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตามตัวอย่างหรือกรณีศึกษาของบริษัท Compaq และ General Motors ที่มีโครงสร้างเครือข่ายระบบโลจิสติกส์แบบ rigid และประสบความล้มเหลวในการดำเนินธุรกิจทั้งสองบริษัทนั้น ทำให้สามารถสรุปได้ว่าโครงสร้างของเครือข่ายระบบโลจิสติกส์แบบ rigid นั้นไม่เหมาะสมสำหรับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ในปัจจุบันแนวคิดหรือกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจแบบ vertical integration (rigid) ได้พยายามปรับเปลี่ยนไปเป็น Vertical Corporation แล้ว

Reference:

Dornier, P., Ernst, R., Fender, M., and Kouvelis, P. (1998). Global Operations and Logistics: Text and Cases, John Wiley & Sons, Inc., USA.

--------------------------------

สนใจบทความฉบับสมบูรณ์เพิ่มเติม ดาวน์โหลดที่เอกสารแนบด้านล่าง

สนใจบทความอื่นในชุดนี้คลิกดูได้ตามหัวข้อด้านล่าง

CT51 เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2551

เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ปี 2551” จึงเป็นการนำบทความดังกล่าวที่น่าสนใจจำนวน 80 บทความ นำมาจัดทำเป็นรูปเล่มเพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สะดวกสำหรับผู้สนใจในการศึกษากรณีศึกษาความรู้ด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิผล

 --------------------------------

ที่มา

เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2551

โดย สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward