iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ
มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป

CT51 การช่วยเหลือทางมนุษยธรรมโดยใช้การจัดการโซ่อุปทานที่รวดเร็ว

ลิขสิทธิ์ สำนักโลจิสติกส์

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สถาพร อมรสวัสดิ์วัฒนา

บทนำ

ภัยพิบัติทางธรรมชาติก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประเทศผู้ประสบภัยเป็นอย่างมาก เช่น ประเทศพม่าประสบภัยจากพายุนาร์กีส หรือเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมืองเฉินตูประเทศจีนเป็นต้น ผู้ประสบภัยบางท่านไร้ที่อยู่อาศัย ขาดแคลนสิ่งของ เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ อาหาร น้ำดื่ม เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค นอกจากนี้ผู้ประสบภัยยังมีสภาพจิตใจที่อ่อนแอ ย่ำแย่อีกด้วย การให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้กับผู้ประสบภัยเหล่านี้ที่ทันท่วงทีจะส่งผลต่อความอยู่รอด และสามารถมีชีวิตต่อไปได้ การจัดการโซ่อุปทานของการให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรคจะต้องมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามโซ่อุปทานลักษณะนี้มีความแตกต่างจากโซ่อุปทานของทางองค์กรธุรกิจโดยทั่วไปมาก เนื่องจากจะเกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราว และสถานที่แตกต่างกันออกไป

คำสำคัญ การจัดการโซ่อุปทานที่รวดเร็ว, การให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม, ภัยพิบัติทางธรรมชาติ, ผู้ประสบภัย, การจัดการโลจิสติกส์

โซ่อุปทานของการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม

การช่วยเหลือทางมนุษยธรรม (Humanitarian aid) ส่วนใหญ่จะกระทำโดยฝ่ายการเมือง และทหารของทั้งประเทศผู้บริจาคและรับบริจาค ซึ่งอุตสาหกรรมของการบริจาค (Donor industry) นี้ส่วนใหญ่จะขาดแผนการประสานงานที่ดี กลุ่มเอ็นจีโอ (Non-governmental organizations: NGOs) หลายฝ่ายจะออกแข่งขันกันรับบริจาค และเน้นการช่วยเหลือแบบฉุกเฉินมากกว่าความช่วยเหลือในระยะยาว ซึ่งทำให้การใช้เงินอุดหนุนกระจายออกไป และไม่เกิดผลเป็นรูปธรรม

โซ่อุปทานของการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมมีรูปแบบที่หลากหลาย อย่างไรก็ตามโซ่อุปทานของการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมโดยทั่วไปสามารถแสดงได้ตามแผนภาพที่ 1

ที่มา: งานวิจัยเรื่อง “Humanitarian aid: an agile supply chain?” โดย Richard Oloruntoba และ Richard Gray ในวารสาร Supply Chain Management: An International Journal ฉบับที่ ฉบับที่ 11 เล่มที่ 2 ปี 2549 หน้า 115-120

แผนภาพที่ 1 โซ่อุปทานของการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม

โซ่อุปทานในแผนภาพที่ 1 แสดงให้เห็นถึงการให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศหลายขั้นตอนผ่านองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ รวมถึงกลุ่มเอ็นจีโอ ซึ่งโซ่อุปทานของการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมจะไม่มีเสถียรภาพซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการจัดการโซ่อุปทานขององค์กรธุรกิจทั่วไป ในบางครั้งโซ่อุปทานอาจล้มเหลวที่ผู้รับปลายทาง (Receiving end) ที่ยากแก่การส่งมอบหรือการส่งมอบไปไม่ถึงผู้รับที่แท้จริง หรือล้มเหลวจากผู้ให้ต้นทางที่มีประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

การช่วยเหลือทางมนุษยธรรมมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นโซ่อุปทานที่รวดเร็ว

แนวคิดของความรวดเร็ว (Agility) ใช้กับมากในกระบวนการผลิต แต่อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้สามารถนำมาใช้กับการบริหารโซ่อุปทานได้ ความรวดเร็วจะหมายถึงความสามารถในการตอบสนองต่อสภาวะแวดล้อมที่คงที่และที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตอบสนองความต้องการของลูกค้าภายใต้สภาวะที่ไม่อยู่นิ่ง

การตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้ามีปัญหาอย่างมากเมื่อนำมาใช้ในโซ่อุปทานของการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เนื่องจากกลุ่มของลูกค้าต้องพึงพอใจในโซ่อุปทานของการช่วยเหลือซึ่งเป็นผลมาจากผู้ให้บริจาค ดังนั้นความรวดเร็วในเชิงของโซ่อุปทานของการให้ความช่วยเหลือต้องคำนึงถึงความไม่แน่นอนของการให้เงินบริจาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งมูลนิธิทางการกุศลส่วนใหญ่ต้องระดมเงินทุนจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้นเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

รัฐบาลที่ให้ความช่วยเหลือมักจะกำหนดวัตถุประสงค์ของเงินบริจาคให้ดำเนินการเฉพาะกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำให้องค์กรที่ให้ความช่วยเหลือจะมุงเน้นไปที่การกระจายความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาทุกข์ในระยะสั้นมากกว่าการที่จะไปลงทุนพัฒนากระบวนการโลจิสติกส์เพื่อให้ความช่วยเหลือในระยะยาว 

โซ่อุปทานของการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ มักจะมีความไม่แน่นอนสูง โกลาหล และต้องการความยืดหยุ่นอย่างยิ่ง โซ่อุปทานของความช่วยเหลือที่รวดเร็วสามารถแสดงได้ดังแผนภาพที่ 2   

จุดที่มีการตัดความสัมพันธ์ (Decoupling point) เป็นจุดที่สินค้าในโซ่อุปทานหยุดที่จะเป็นสินค้าที่มาจากการพยากรณ์ แต่จะกลายเป็นสินค้าที่มาจากความต้องการของลูกค้า ซึ่งหมายความว่า สำหรับกลยุทธ์ด้านสินค้าคงคลังให้เก็บสินค้าในรูปแบบทั่วไปไว้ให้มากที่สุดในปลายน้ำของโซ่อุปทาน (Principle of postponement)   และสำหรับข้อมูลทางด้านความต้องการของสินค้าควรจะนำมาไว้ในช่วงต้นน้ำให้มากที่สุด ตำแหน่งที่เหมาะสมของจุดที่มีการตัดสัมพันธ์สำหรับการไหลของสินค้าและข้อมูลสามารถสร้างโซ่อุปทานแบบผสม (Hybrid supply chain) ที่ผสมผสานระหว่างประสิทธิภาพและความคล่องตัวของโซ่อุปทานต้นน้ำและความรวดเร็วของโซ่อุปทานปลายน้ำ

ที่มา: งานวิจัยเรื่อง “Humanitarian aid: an agile supply chain?” โดย Richard Oloruntoba และ Richard Gray ในวารสาร Supply Chain Management: An International Journal ฉบับที่ ฉบับที่ 11 เล่มที่ 2 ปี 2549 หน้า 115-120

แผนภาพที่ 2 โซ่อุปทานของความช่วยเหลือที่รวดเร็ว

ดังนั้นโซ่อุปทานของการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในประเทศที่กำลังพัฒนาต้องมีความคล่องตัวสำหรับกิจกรรมต้นน้ำ เช่น การวิเคราะห์ความต้องการ การสนับสนุนทางการเงินที่เพียงพอ บุคลากร ทักษะ  การจัดหา  การวางแผนการขนส่ง เป็นต้น อย่างไรก็ตามกิจกรรมด้านต้นน้ำจะถูกวัดที่ความรวดเร็วในการเข้าไปให้ความช่วยเหลือของประเทศผู้บริจาค และขึ้นกับจำนวนปัจจัยที่มอบให้มากกว่าที่จะไปให้ความช่วยเหลือในการฟื้นฟูพื้นที่ในระยะยาวซึ่งมีผลกระทบด้านสื่อมวลชนน้อยกว่า

ความไร้ประสิทธิภาพขององค์กรให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศในการเตรียมสิ่งของบริจาคเป็นจุดวิกฤติสำหรับผู้ได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นการเตรียมสิ่งของบริจาคหรือทรัพยากรที่สามารถจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าไว้ใกล้กับสถานที่ที่มีโอกาสเกิดภัยพิบัติได้ ในรูปแบบของการวางแผนล่วงหน้าซึ่งเกิดขึ้นทั้งทางการทหารและด้านโลจิสติกส์

แนวความคิดของ  postponement นั้นจะใช้เพื่อที่จะลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นโดยทำการเลื่อนการจัดหาสินค้าจนกว่าจะทราบคำสั่งซื้อที่ชัดเจน สินค้าบริจาคจะถูกเก็บไว้ในรูปแบบทั่วไปก่อนที่จะกระจายไปสู่ผู้ได้รับความเดือดร้อนที่แท้จริง ส่งผลให้เกิดความแม่นยำและความน่าเชื่อถือของความต้องการที่แท้จริงของผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน สินค้าคงคลังรูปทั่วไปจะต้องเปลี่ยนเป็นรูปแบบตามความต้องการเฉพาะของผู้ได้รับความเดือดร้อนจริงอย่างรวดเร็ว  โดยที่การเลือกสถานที่ตั้งในการให้ความช่วยเหลือจะมาจากข้อมูลโดยบุคลากรในท้องถิ่น ตัวอย่างของข้อมูลนี้ได้แก่ การเข้าถึงพื้นที่ประสบภัย สภาพอากาศ ภูมิประเทศ และเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่มีอยู่

โซ่อุปทานของการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมพร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานทางด้านข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและกลไกในการเข้าถึงความจำเป็นของผู้ประสบภัย จะสามารถเพิ่มความรวดเร็วของโซ่อุปทานได้โดยสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของผู้ได้รับความเดือดร้อนอย่างทันทีทันใด ทำให้โซ่อุปทานมีลักษณะอ้างอิงจากข้อมูลจริงมากกว่าจะให้ประเทศผู้บริจาคเป็นผู้กำหนดเพียงอย่างเดียว 

ที่มา:

  1. งานวิจัยเรื่อง “Humanitarian aid: an agile supply chain?” โดย Richard Oloruntoba และ Richard Gray ในวารสาร Supply Chain Management: An International Journal ฉบับที่ ฉบับที่ 11 เล่มที่ 2 ปี 2549 หน้า 115-120. 

 --------------------------------

สนใจบทความฉบับสมบูรณ์เพิ่มเติม ดาวน์โหลดที่เอกสารแนบด้านล่าง

สนใจบทความอื่นในชุดนี้คลิกดูได้ตามหัวข้อด้านล่าง

CT51 เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2551

เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ปี 2551” จึงเป็นการนำบทความดังกล่าวที่น่าสนใจจำนวน 80 บทความ นำมาจัดทำเป็นรูปเล่มเพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สะดวกสำหรับผู้สนใจในการศึกษากรณีศึกษาความรู้ด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิผล

 --------------------------------

ที่มา

เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2551

โดย สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward