CT51 Logistics and Supply Chain ในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมกาแฟ กรณีศึกษา บริษัทเนสกาแฟ
ลิขสิทธิ์ © พ.ศ.2551 กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
ผู้เขียน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วันชัย รัตนวงษ์
Manufacture/Factory
สำหรับการขนส่งจาก จุดรับซื้อไปส่งยังโรงงานของทาง Nestle ซึ่งอยู่ ณ จังหวัดฉะเทริงเทราดังรูป 1 นั้น จะทำการ Outsource ให้แก่บริษัทฯขนส่งท้องถิ่นดำเนินการให้
รูป 1 โรงงาน Nestle ซึ่งอยู่ ณ จังหวัดฉะเทริงเทรา
โรงงาน Nestle ที่ฉะเทริงเทรานั้นจะทำการผลิตปีละ ประมาณ 120 เมตริกตัน โดยในโรงงานจะทำการผลิตเพียงแค่ Nest Café “Red Cup”เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดังรูป 2
รูป 2 ผลิตภัณฑ์ Nest Café Red Cup
กระบวนการผลิต
Flow Chart ดังรูปที่ 3 แสดงกระบวนการผลิตภายในโรงงาน
รูป 3 แสดงกระบวนการผลิตภายในโรงงานฉะเทริงเทรา
โดยรายละเอียดของขั้นตอนต่างๆมีดังนี้
- ขั้นตอนที่ 1: Green Bean Cleaning & Storage: เมล็ดกาแฟที่ถูกกะเทาะเปลือกเรียบร้อยและเก็บไว้ใน Bin สำหรับเก็บเมล็ดกาแฟที่ควบคุมความชื้น และอยู่ในที่อุณหภูมิที่ต่ำ จะถูกนำมาทำความสะอาด โดยการใช้เครื่อง Spray drying เป่า เพื่อให้สิ่งสกปรกหลุดออก
- ขั้นตอนที่ 2: Blending (การผสมกาแฟ) คือ การนำกาแฟพันธุ์ต่างๆ มาผสมกันตามสูตรเฉพาะ เพื่อให้ได้กาแฟที่ต้องการโดยจะนำเอากาแฟ 2 พันธุ์ คือ พันธุ์อาราบิก้าและพันธุ์โรบัสต้ามาผสมกันซึ่ง พันธุ์อาราบิก้าจะมีกลิ่นหอมแต่รสชาติไม่เข้มข้น ส่วนพันธุ์โรบัสต้ามีรสชาติเข้มข้น แต่ความหอมจะด้อยว่าพันธุ์อาราบิก้ามาก
- ขั้นตอนที่ 3: Roasting (การคั่ว) การคั่วเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการผลิตกาแฟ โดยกลิ่นรสสุดท้ายของกาแฟจะขึ้นกับวิธีการคั่ว ตลอดจนสภาวะที่ใช้คั่ว โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมในการคั่วอยู่ที่ประมาณ 200 องศาเซลเซียส
- ขั้นตอนที่ 4: Grinding (การบด) การบดมีลักษณะดังนี้คือ
1) แบบหยาบ
2) แบบหยาบปานกลาง
3) แบบละเอียด
4) แบบละเอียดมาก โดยใช้เครื่องบดมาตรฐาน เรียกว่า motorized grinders ซึ่งการบดเป็นการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์
- ขั้นตอนที่ 5: Aroma Recovery (การแยกสารที่ให้กลิ่นหอม) เป็นการถนอมกลิ่นไม่ให้สูญเสียไปกับกระบวนการผลิต ให้สภาพของกลิ่นคงความหอมและสดใหม่อยู่เสมอ
- ขั้นตอนที่ 6: Extraction (การสกัดเมล็ดกาแฟ) Countercurrent system กาแฟจะถูกผ่านเข้าสู่ภาชนะควบคุมอุณหภูมิรูปทรงกลมอย่างต่อเนื่อง และจะถูกขนขึ้นด้านบนด้วยสกรูเกลียวที่มีรอบ
การหมุน 10-22 รอบต่อชั่วโมง น้ำร้อนจะเข้ามาทางด้านบนเพื่อสกัดของแข็งที่ละลายน้ำได้ในกาแฟ จากนั้นน้ำกาแฟที่ได้จะปล่อยออกทางด้านล่าง การทำงานของระบบต้องใช้ความดันและอุณหภูมิประมาณ 180 องศาเซลเซียส
- ขั้นตอนที่ 7: Evaporation (การระเหยน้ำ) เป็นกระบวนการสกัดความชื้นของเมล็ดกาแฟโดยมีการปรับอุณหภูมิของตัวเครื่อง เพื่อให้ความร้อนระเหยออกมาเป็นไอ สกัดความชื้นให้เมล็ดกาแฟแห้ง ถ้าเมล็ดกาแฟมีความชื้นจะทำให้เกิดเชื้อรา จะไม่สามารถนำมาใช้ในการผลิตได้ เพราะเมล็ดกาแฟหมดคุณภาพ
- ขั้นตอนที่ 8: Aroma Recovery (การฉีดสารที่ให้กลิ่นหอม) หลังจากการระเหยน้ำ จะทำการฉีดสารที่ให้กลิ่นหอมกลับเข้ามา เพื่อคืนสภาพของกลิ่นให้กลับมาคงความหอมและสดใหม่อยู่เสมอ
- ขั้นตอนที่ 9: Standardization (การวัดค่ามาตรฐาน) เป็นการวัดความเข้มข้นของกาแฟให้ได้มาตรฐานตามที่ต้องการ
- ขั้นตอนที่ 10: Drying(การทำแห้ง): การทำแห้งแบบพ่นฝอยเป็นการทำให้น้ำกาแฟเกิดเป็นละอองเล็กขนาดหยดน้ำ ในกระแสลมร้อนที่ไหลในทิศทางเดียวกัน ในถังทำแห้งขนาดใหญ่ กาแฟแห้งที่ได้จะถูกแยกออกไปโดยการใช้ Centrifugal atomizer ส่วนของเหลวจะถูกส่งไปยังภาชนะหมุน เพื่อสร้างขนาดของหยดสารละลายใหม่ในการเสปร์ย
- ขั้นตอนที่ 11: Filling & Packing (การบรรจุภัณฑ์) เมื่อได้กาแฟผงสำเร็จรูปก็จะนำเข้าสู่กระบวนการบรรจุภัณฑ์ โดยใช้เครื่องมือในการบรรจุภัณฑ์ หลังจากนั้นก็จะทำการ Packaging และขนย้ายไปยังโกดังพักสินค้า เพื่อรอการขนส่งไปยัง DC ต่อไป
หลังจากกระบวนการผลิตเสร็จเรียบร้อย สินค้าจะถูกเก็บในคลังสินค้าและพร้อมกระจายสู่ลูกค้า
--------------------------------
สนใจบทความฉบับสมบูรณ์เพิ่มเติม ดาวน์โหลดที่เอกสารแนบด้านล่าง
สนใจบทความอื่นในชุดนี้คลิกดูได้ตามหัวข้อด้านล่าง
CT51 เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2551
เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ปี 2551” จึงเป็นการนำบทความดังกล่าวที่น่าสนใจจำนวน 80 บทความ นำมาจัดทำเป็นรูปเล่มเพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สะดวกสำหรับผู้สนใจในการศึกษากรณีศึกษาความรู้ด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิผล
--------------------------------
ที่มา
เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2551
โดย สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่