CT54 National Single Window กลยุทธ์เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ลิขสิทธิ์ © พ.ศ.2551 กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
ในกระบวนการนำเข้าส่งออกสินค้าและวัตถุดิบ ผู้ประกอบการต้องประสบปัญหาด้านเอกสารประกอบการขออนุญาต เนื่องจากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออกหลายหน่วยงาน และในขั้นตอนการยื่นคำขอยังต้องใช้ระบบเอกสารหลักฐานตามที่กฎระเบียบกำหนด รวมทั้งมีความซ้ำซ้อนของเอกสารที่ต้องแนบเพื่อยื่นให้หน่วยงานต่างๆ ทำให้ต้องใช้เวลาหลายวันในการเตรียมเอกสารจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดความผิดพลาดได้ง่าย และมีต้นทุนสูง
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออกสินค้าและวัตถุดิบจึงได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ด้านโลจิสติกส์ที่ทันสมัยมาใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลและเอกสารนำเข้าส่งออกในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Logistics) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ เช่น ใบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ (e-Licensing) หรือใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (e-Certificate) เป็นต้น ซึ่งเอกสารอิเล็กทรอนิกส์สามารถเชื่อมโยง แลกเปลี่ยน และใช้ร่วมกันได้ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยระบบ e-Logistics ของแต่ละหน่วยงานที่จะสามารถเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลกันได้ต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน อาทิเช่น มาตรฐาน ebXML เป็นต้น และต้องมีระบบกลางเพื่อเชื่อมโยงการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานให้เป็นแบบอัตโนมัติ ซึ่งระบบที่ว่าก็คือระบบ Single Window
1. หลักการของระบบ Single Window
ระบบ Single Window คือ ระบบที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนำเข้าส่งออกสินค้า ซึ่งมีหลักการดังนี้
- ยื่นคำขอ (Centralized e-Form) ผ่านหน้าต่างบริการจากจุดเดียว (Single Window Entry)
- กรอกข้อมูลและแนบเอกสารที่เกี่ยวข้องตามข้อกำหนดเพียงครั้งเดียว
- เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นไปโดยอัตโนมัติภายใต้มาตรฐานเดียวกัน
ด้วยระบบ Single Window ผู้ประกอบการจะได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว โดยสามารถยื่นคำขอ เอกสาร หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องผ่านหน้าต่างบริการทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต หรือเว็บไซต์ แทนการเดินทางไปติดต่อหน่วยงานต่างๆด้วยตัวเอง ระบบจะทำการรับส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้มาตรฐานเดียวกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ ทำการตรวจสอบเอกสารต่างๆ แล้วส่งข้อมูลให้กรมศุลกากรเพื่อการตัดสินใจในการตรวจปล่อยสินค้า ส่งผลให้ขั้นตอน ระยะเวลาและค่าใช้จ่ายที่ใช้ในกระบวนการเอกสารนำเข้าส่งออกของผู้ประกอบการลดลง นอกจากนี้การกรอกข้อมูล และการแนบเอกสารจะกระทำเพียงครั้งเดียว ทำให้ความผิดพลาดในการกรอกข้อมูลของผู้ประกอบการลดลง
รูปที่ 1 หลักการของระบบ Single Window
ที่มา UNDP‐UNESCAP Regional Consultation on issues in Trade Facilitation and Human Development, 2005
2. ประเทศไทยกับการพัฒนาระบบ National Single Window (NSW)
การพัฒนาระบบ National Single Window เพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลใบอนุญาตและใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการนำเข้าส่งออกในประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อผู้ประกอบการภาคเอกชนประสบปัญหาด้านเอกสารประกอบการขออนุญาตนำเข้าส่งออกสินค้าและวัตถุดิบ เช่น ความซ้ำซ้อนของเอกสารประกอบการขออนุญาตที่ต้องยื่นให้แต่ละหน่วยงาน ความซ้ำซ้อนของข้อมูลในแบบฟอร์ม หรือจำนวนของแบบฟอร์มที่ต้องกรอก เป็นต้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องใช้เวลาในการเตรียมเอกสารนาน และมีต้นทุนสูง ซึ่งจำนวนของเอกสารส่งผลให้เกิดความผิดพลาดได้ง่าย
จากการศึกษาโดย สมนึก คีรีโต พบว่ามีหน่วยงานภาครัฐ 29 หน่วยงาน และภาคเอกชน 8 กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนำเข้าส่งออกในประเทศไทย มีเอกสารกว่า 40 แบบฟอร์ม มีข้อมูลที่ต้องกรอกกว่า 200 รายการข้อมูล ผู้ประกอบการต้องกรอกรายการข้อมูลซ้ำเดิมประมาณ 60-70% และเอกสารส่วนใหญ่เป็นแบบฟอร์มกระดาษ
รูปที่ 2 ปัญหาการนำเข้าส่งออกของประเทศไทย
ที่มา ดร.สมนึก คีรีโต, เอกสารการบรรยาย ICT Competency Development for Data Harmonization Seminar, 31 ก.ค.-1 ส.ค. 2551
จากการศึกษาของ UNECE พบว่า เวลาที่ใช้ในการดำเนินการเพื่อการส่งออกของประเทศไทยในปี 2550 ใช้เวลา 17 วัน เป็นกิจกรรมเตรียมเอกสารถึง 9 วัน มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น 240 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่ประเทศเยอรมนีใช้เวลาเตรียมเอกสาร 3 วัน และมีค่าใช้จ่ายเพียง 85 เหรียญสหรัฐ
---------------------------------------------------------
--------------------------------
สนใจบทความดูได้ตามหัวข้อด้านล่าง
CT54 เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2554
เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ปี 2554” จึงเป็นการนำบทความดังกล่าวที่น่าสนใจ จัดทำเป็นรูปเล่มเพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สะดวกสำหรับผู้สนใจในการศึกษาความรู้ด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิผล
--------------------------------
ที่มา
เอกสารเผยแพร่เรื่อง “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” ปี 2554
โดย สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่