iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ

1994 รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อ (Mountain Resort and its Outlying Temples, Chengde)

 

google map

รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อ: มรดกแห่งการหลอมรวมวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมแห่งราชวงศ์ชิง

รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อ (Mountain Resort and its Outlying Temples, Chengde) ตั้งอยู่ในมณฑลเหอเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน ถือเป็นหมู่อาคารจักรพรรดิขนาดมหึมาที่ได้รับการยอมรับจากองค์การยูเนสโกให้เป็นแหล่งมรดกโลก (UNESCO World Heritage Site) สถานที่แห่งนี้ถูกก่อสร้างขึ้นระหว่างปีคริสตศักราช 1703 – 1792 (พุทธศักราช 2246 – 2335) ในรัชสมัยราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty) โดยมีบทบาทสำคัญในการเป็นพระราชวังฤดูร้อนสำหรับจักรพรรดิ และเป็นฐานที่มั่นเชิงยุทธศาสตร์ในการเสริมสร้างการบริหารจัดการในภูมิภาคชายแดน

หมู่อาคารแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่รวม 611.2 เฮกตาร์ (6.112 ล้านตารางเมตร) ทำให้เป็นพระราชวัง-สวน และหมู่วัดของจักรพรรดิที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจีนที่ยังคงอยู่ รีสอร์ทบนภูเขาเองประกอบด้วยพระราชวัง อาคารบริหาร และโครงสร้างพิธีการจำนวนมาก ซึ่งได้รับการออกแบบให้กลมกลืนกับภูมิทัศน์ของทะเลสาบ ทุ่งหญ้า และป่าไม้ การออกแบบภูมิทัศน์ภายในรีสอร์ทบนภูเขาเลียนแบบลักษณะภูมิประเทศของเนินเขาและน้ำตามธรรมชาติ โดยมีกลุ่มศาลา หอคอย ระเบียง และโครงสร้างอื่นๆ มากกว่า 120 แห่งที่ผสมผสาน "สุนทรียะแบบจีนตอนใต้ (southern Chinese charm) เข้ากับความยิ่งใหญ่แบบจีนตอนเหนือ (northern Chinese grandeur)"

รอบรีสอร์ทเป็นที่ตั้งของวัดหลวงรอบนอกจำนวนสิบสองแห่ง (Outlying Imperial Temples) ที่สร้างขึ้นระหว่างปีคริสตศักราช 1713 – 1780 (พุทธศักราช 2256 – 2323) ซึ่งบางแห่งแสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ วัดเหล่านี้กระจายอยู่ตามเนินเขาทางตะวันออกและตอนเหนือของบริเวณพระราชวังและสวน สะท้อนอิทธิพลจากพุทธศาสนานิกายทิเบต (Tibetan Buddhism) และลัทธิลามะ (Lamaism) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวของกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายในประเทศจีน วัดที่มีชื่อเสียงได้แก่ วัดผู่โถว จงเฉิง (Putuo Zongcheng Temple) และวัดซูมี ฝูโซ่ว (Xumi Fushou Temple) หมู่อาคารรีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปีคริสตศักราช 1994 (พุทธศักราช 2537) และยังได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งคุ้มครองลำดับความสำคัญของรัฐ (State Priority Protected Site) และแหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A ของประเทศ

คุณค่าสากลอันโดดเด่น (Outstanding Universal Value)

รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อได้รับการประเมินว่ามีคุณค่าสากลอันโดดเด่นตามเกณฑ์ทางวัฒนธรรมสองประการ ดังนี้:

  • เกณฑ์ที่ (ii): ภูมิทัศน์ของรีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของการผสมผสานอาคารเข้ากับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของจีน ซึ่งได้ส่งอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อการออกแบบภูมิทัศน์ หมู่อาคารของจักรพรรดิแห่งนี้ที่สร้างขึ้นระหว่างปีคริสตศักราช 1703 – 1792 (พุทธศักราช 2246 – 2335) ได้รับการยกย่องจากการผสมผสานอย่างกลมกลืนของภูมิทัศน์และสถาปัตยกรรมจีนที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงสวน เจดีย์ วัด และพระราชวังต่างๆ

  • เกณฑ์ที่ (iv): รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อเป็นตัวแทนที่แสดงให้เห็นถึงจุดสูงสุดของสังคมศักดินาในจีน สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการแลกเปลี่ยนและการบูรณาการทางวัฒนธรรมระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในการพัฒนาสถาปัตยกรรมจีน โดยรวมองค์ประกอบของศิลปะและวัฒนธรรมสถาปัตยกรรมฮั่น (Han) มองโกล (Mongolian) และทิเบต (Tibetan) เข้าไว้ด้วยกัน หมู่อาคารขนาดใหญ่ของพระราชวัง อาคารบริหารและพิธีการ วัด และสวนแห่งนี้ผสมผสานเข้ากับภูมิทัศน์ของทะเลสาบ ทุ่งหญ้า และป่าไม้ได้อย่างกลมกลืน

บริบททางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม (Historical and Architectural Context)

ประวัติศาสตร์: รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อถูกสร้างขึ้นในระหว่างปีคริสตศักราช 1703 – 1792 (พุทธศักราช 2246 – 2335) ในรัชสมัยราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty) ซึ่งถือเป็นยุคสุดท้ายของการพัฒนาสังคมศักดินาในประเทศจีน สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงพระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในการจัดการกิจการทางการเมือง การทหาร กลุ่มชาติพันธุ์ และการทูตที่สำคัญของราชวงศ์ชิง หมู่อาคารแห่งนี้จึงเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่หายากและเป็นแหล่งบันทึกถึงบทบาทสำคัญของจักรพรรดิในการรวมชาติและรักษาสันติภาพในหมู่กลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายในจักรวรรดิจีนยุคนั้น ข้อมูลที่นำเสนอมาจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการยืนยัน ไม่ใช่จากตำนานพื้นบ้าน

สถาปัตยกรรม: รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อเป็นผลงานชิ้นเอกที่ผสมผสานศิลปะการออกแบบพระราชวัง สวน และสถาปัตยกรรมทางศาสนาของจีนได้อย่างลงตัว

  • รีสอร์ทบนภูเขา (Mountain Resort): รีสอร์ทบนภูเขาเป็นส่วนหลักของหมู่อาคาร ซึ่งเป็นกลุ่มพระราชวัง อาคารบริหาร และโครงสร้างพิธีการที่กว้างขวาง ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับภูมิทัศน์ธรรมชาติอย่างรอบคอบ โดยเลียนแบบลักษณะภูมิประเทศของเนินเขาและแหล่งน้ำธรรมชาติ ภายในประกอบด้วยกลุ่มศาลา หอคอย ระเบียง และโครงสร้างอื่นๆ มากกว่า 120 แห่ง ที่ผสมผสานความสง่างามแบบจีนตอนใต้เข้ากับความยิ่งใหญ่แข็งแกร่งแบบจีนตอนเหนือ รีสอร์ทบนภูเขาสามารถแบ่งออกได้เป็นสี่ส่วนหลัก ได้แก่:

    1. เขตพระราชวัง (Palace Area): เป็นพื้นที่แกนกลางที่สามารถเข้าถึงได้จากประตูหลี่เจิ้ง (Lizheng Gate) โดดเด่นด้วยพระราชวังที่สะท้อนสถาปัตยกรรมราชวงศ์ชิงอย่างชัดเจน เป็นสถานที่ที่จักรพรรดิใช้ในการบริหารราชการและประทับพักผ่อน ที่นี่ยังมีป้ายชื่อ "Mountain Resort for Escaping the Heat" ที่จารึกโดยจักรพรรดิคังซี (Emperor Kangxi)

    2. เขตทะเลสาบ (Lake Area): มีชื่อเสียงด้านภูมิทัศน์ที่เงียบสงบ ประกอบด้วยเกาะแปดแห่ง ทะเลสาบที่สะท้อนเงา และศาลาที่ประดับประดาอย่างวิจิตรบรรจง

    3. เขตที่ราบ (Plain Area): ตั้งอยู่ทางเหนือของเขตทะเลสาบ เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่มีทุ่งหญ้าและต้นไม้ ซึ่งในอดีตเคยใช้เป็นลานขี่ม้า

    4. เขตภูเขา (Mountain Area): คิดเป็นประมาณ 80% ของพื้นที่ทั้งหมด ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ มีลักษณะเป็นภูเขาและหุบเขาที่ปกคลุมด้วยป่าไม้ พร้อมด้วยอาคารต่างๆ กระจายอยู่ทั่วบริเวณ

  • วัดรอบนอก (Outlying Temples): วัดหลวงรอบนอกจำนวนสิบสองแห่ง ซึ่งชาวจีนเรียกว่า "วัดนอกทั้งแปด" (Wai Ba Miao) ก่อสร้างขึ้นระหว่างปีคริสตศักราช 1713 – 1780 (พุทธศักราช 2256 – 2323) วัดเหล่านี้ตั้งอยู่บนเนินเขาด้านนอกเขตพระราชวังและสวน และแสดงให้เห็นถึงการหลอมรวมสถาปัตยกรรมจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิทธิพลจากพุทธศาสนานิกายทิเบต (Tibetan Buddhism) และลัทธิลามะ (Lamaism) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลายในอาณาจักรจีนยุคนั้น วัดที่โดดเด่นได้แก่:

    • วัดผู่โถว จงเฉิง (Putuo Zongcheng Temple): สร้างจำลองแบบพระราชวังโปตาลา (Potala Palace) ที่เมืองลาซา (Lhasa)

    • วัดซูมี ฝูโซ่ว (Xumi Fushou Temple): เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่งดงามของสถาปัตยกรรมแบบทิเบต

    • วัดผู่หนิง (Puning Temple) และ วัดอันหยวน (Anyuan Temple) ก็เป็นส่วนหนึ่งของหมู่วัดที่สะท้อนความหลากหลายทางสถาปัตยกรรม

จุดเด่นสำคัญ (Key Highlights)

รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อมีจุดเด่นหลายประการที่ทำให้เป็นแหล่งมรดกโลกอันทรงคุณค่า:

  • หมู่อาคารที่ใหญ่ที่สุด: เป็นพระราชวัง-สวนและหมู่วัดของจักรพรรดิที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจีนที่ยังคงอยู่ ครอบคลุมพื้นที่ 611.2 เฮกตาร์ หรือ 5.64 ล้านตารางเมตร

  • ผลงานชิ้นเอกทางสถาปัตยกรรม: เป็นตัวอย่างคลาสสิกของสถาปัตยกรรมพระราชวัง ศิลปะการจัดสวน และสถาปัตยกรรมทางศาสนาของจีน

  • ป้ายจารึกของจักรพรรดิคังซี: ภายในเขตพระราชวังมีป้ายชื่อ "Mountain Resort for Escaping the Heat" ที่จารึกโดยจักรพรรดิคังซี แสดงถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานและความสำคัญของสถานที่

  • การจำลองสถาปัตยกรรมอันเลื่องชื่อ: วัดผู่โถว จงเฉิง (Putuo Zongcheng Temple) ถูกสร้างจำลองแบบจากพระราชวังโปตาลา (Potala Palace) ที่เมืองลาซา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานวัฒนธรรมทิเบตเข้ากับราชสำนักชิง

  • สัญลักษณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวของชาติพันธุ์: หมู่วัดรอบนอกแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เช่น ฮั่น มองโกล และทิเบต ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความพยายามของราชวงศ์ชิงในการรวมกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน

  • ศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์: เป็นสถานที่ที่สำคัญอย่างยิ่งในการจัดการกิจการทางการเมือง การทหาร การทูต และกลุ่มชาติพันธุ์ของราชวงศ์ชิง

  • เวลาทำการ:

    • รีสอร์ทบนภูเขาและพื้นที่ชมวิวพระราชวังโปตาลา (Mountain Resort and Potala Palace Scenic Area): 07:00 – 18:00 น. (จำหน่ายบัตรถึง 17:00 น. และอนุญาตให้เข้าได้ถึง 17:10 น.)

    • พื้นที่ชมวิวฉิงชุยเฟิง (Qingchui Peak Scenic Area) (อุทยานแห่งชาติภูเขาฉิงชุยเฟิง): 07:30 – 18:00 น. (จำหน่ายบัตรถึง 17:00 น. และที่เชิงเขาถึง 16:30 น. อนุญาตให้เข้าได้ถึง 17:10 น.) มีบริการเคเบิลคาร์ (Cableway) ในราคา 50 หยวนสำหรับการเดินทางเที่ยวเดียว

    • วัดผู่เล่อ (Pule Temple) และวัดอันหยวน (Anyuan Temple): 07:00 – 18:00 น. (จำหน่ายบัตรถึง 17:00 น. และอนุญาตให้เข้าได้ถึง 17:10 น.)

    • ทัวร์กลางคืนรีสอร์ทบนภูเขา (Night Tour of the Mountain Resort): 19:00 – 22:00 น. (เริ่มเข้า 19:00 น. เปิดไฟ 20:00 น. อนุญาตให้เข้าได้ถึง 21:30 น. และปิดเวลา 22:00 น.)

รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อ เป็นมรดกโลกที่มิได้เป็นเพียงสถาปัตยกรรมอันงดงามเท่านั้น แต่ยังเป็นประจักษ์พยานทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่าที่สะท้อนถึงการบริหารจัดการอันชาญฉลาดและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของราชวงศ์ชิงในการบูรณาการวัฒนธรรมที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน ตั้งแต่การออกแบบภูมิทัศน์ที่ผสมผสานธรรมชาติกับสิ่งก่อสร้างได้อย่างลงตัว ไปจนถึงวัดวาอารามที่แสดงออกถึงการหลอมรวมศิลปะและศรัทธาจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ สถานที่แห่งนี้ยังคงเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญซึ่งยืนยันถึงคุณค่าสากลของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม อันเป็นมรดกที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และศึกษาสำหรับคนรุ่นหลัง

.

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward