1994 รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อ (Mountain Resort and its Outlying Temples, Chengde)
google map
รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อ: มรดกแห่งการหลอมรวมวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมแห่งราชวงศ์ชิง
รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อ (Mountain Resort and its Outlying Temples, Chengde) ตั้งอยู่ในมณฑลเหอเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน ถือเป็นหมู่อาคารจักรพรรดิขนาดมหึมาที่ได้รับการยอมรับจากองค์การยูเนสโกให้เป็นแหล่งมรดกโลก (UNESCO World Heritage Site) สถานที่แห่งนี้ถูกก่อสร้างขึ้นระหว่างปีคริสตศักราช 1703 – 1792 (พุทธศักราช 2246 – 2335) ในรัชสมัยราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty) โดยมีบทบาทสำคัญในการเป็นพระราชวังฤดูร้อนสำหรับจักรพรรดิ และเป็นฐานที่มั่นเชิงยุทธศาสตร์ในการเสริมสร้างการบริหารจัดการในภูมิภาคชายแดน
หมู่อาคารแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่รวม 611.2 เฮกตาร์ (6.112 ล้านตารางเมตร) ทำให้เป็นพระราชวัง-สวน และหมู่วัดของจักรพรรดิที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจีนที่ยังคงอยู่ รีสอร์ทบนภูเขาเองประกอบด้วยพระราชวัง อาคารบริหาร และโครงสร้างพิธีการจำนวนมาก ซึ่งได้รับการออกแบบให้กลมกลืนกับภูมิทัศน์ของทะเลสาบ ทุ่งหญ้า และป่าไม้ การออกแบบภูมิทัศน์ภายในรีสอร์ทบนภูเขาเลียนแบบลักษณะภูมิประเทศของเนินเขาและน้ำตามธรรมชาติ โดยมีกลุ่มศาลา หอคอย ระเบียง และโครงสร้างอื่นๆ มากกว่า 120 แห่งที่ผสมผสาน "สุนทรียะแบบจีนตอนใต้ (southern Chinese charm) เข้ากับความยิ่งใหญ่แบบจีนตอนเหนือ (northern Chinese grandeur)"
รอบรีสอร์ทเป็นที่ตั้งของวัดหลวงรอบนอกจำนวนสิบสองแห่ง (Outlying Imperial Temples) ที่สร้างขึ้นระหว่างปีคริสตศักราช 1713 – 1780 (พุทธศักราช 2256 – 2323) ซึ่งบางแห่งแสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ วัดเหล่านี้กระจายอยู่ตามเนินเขาทางตะวันออกและตอนเหนือของบริเวณพระราชวังและสวน สะท้อนอิทธิพลจากพุทธศาสนานิกายทิเบต (Tibetan Buddhism) และลัทธิลามะ (Lamaism) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวของกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายในประเทศจีน วัดที่มีชื่อเสียงได้แก่ วัดผู่โถว จงเฉิง (Putuo Zongcheng Temple) และวัดซูมี ฝูโซ่ว (Xumi Fushou Temple) หมู่อาคารรีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปีคริสตศักราช 1994 (พุทธศักราช 2537) และยังได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งคุ้มครองลำดับความสำคัญของรัฐ (State Priority Protected Site) และแหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A ของประเทศ
คุณค่าสากลอันโดดเด่น (Outstanding Universal Value)
รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อได้รับการประเมินว่ามีคุณค่าสากลอันโดดเด่นตามเกณฑ์ทางวัฒนธรรมสองประการ ดังนี้:
-
เกณฑ์ที่ (ii): ภูมิทัศน์ของรีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของการผสมผสานอาคารเข้ากับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของจีน ซึ่งได้ส่งอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อการออกแบบภูมิทัศน์ หมู่อาคารของจักรพรรดิแห่งนี้ที่สร้างขึ้นระหว่างปีคริสตศักราช 1703 – 1792 (พุทธศักราช 2246 – 2335) ได้รับการยกย่องจากการผสมผสานอย่างกลมกลืนของภูมิทัศน์และสถาปัตยกรรมจีนที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงสวน เจดีย์ วัด และพระราชวังต่างๆ
-
เกณฑ์ที่ (iv): รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อเป็นตัวแทนที่แสดงให้เห็นถึงจุดสูงสุดของสังคมศักดินาในจีน สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการแลกเปลี่ยนและการบูรณาการทางวัฒนธรรมระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในการพัฒนาสถาปัตยกรรมจีน โดยรวมองค์ประกอบของศิลปะและวัฒนธรรมสถาปัตยกรรมฮั่น (Han) มองโกล (Mongolian) และทิเบต (Tibetan) เข้าไว้ด้วยกัน หมู่อาคารขนาดใหญ่ของพระราชวัง อาคารบริหารและพิธีการ วัด และสวนแห่งนี้ผสมผสานเข้ากับภูมิทัศน์ของทะเลสาบ ทุ่งหญ้า และป่าไม้ได้อย่างกลมกลืน
บริบททางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม (Historical and Architectural Context)
ประวัติศาสตร์: รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อถูกสร้างขึ้นในระหว่างปีคริสตศักราช 1703 – 1792 (พุทธศักราช 2246 – 2335) ในรัชสมัยราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty) ซึ่งถือเป็นยุคสุดท้ายของการพัฒนาสังคมศักดินาในประเทศจีน สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงพระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในการจัดการกิจการทางการเมือง การทหาร กลุ่มชาติพันธุ์ และการทูตที่สำคัญของราชวงศ์ชิง หมู่อาคารแห่งนี้จึงเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่หายากและเป็นแหล่งบันทึกถึงบทบาทสำคัญของจักรพรรดิในการรวมชาติและรักษาสันติภาพในหมู่กลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายในจักรวรรดิจีนยุคนั้น ข้อมูลที่นำเสนอมาจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการยืนยัน ไม่ใช่จากตำนานพื้นบ้าน
สถาปัตยกรรม: รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อเป็นผลงานชิ้นเอกที่ผสมผสานศิลปะการออกแบบพระราชวัง สวน และสถาปัตยกรรมทางศาสนาของจีนได้อย่างลงตัว
-
รีสอร์ทบนภูเขา (Mountain Resort): รีสอร์ทบนภูเขาเป็นส่วนหลักของหมู่อาคาร ซึ่งเป็นกลุ่มพระราชวัง อาคารบริหาร และโครงสร้างพิธีการที่กว้างขวาง ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับภูมิทัศน์ธรรมชาติอย่างรอบคอบ โดยเลียนแบบลักษณะภูมิประเทศของเนินเขาและแหล่งน้ำธรรมชาติ ภายในประกอบด้วยกลุ่มศาลา หอคอย ระเบียง และโครงสร้างอื่นๆ มากกว่า 120 แห่ง ที่ผสมผสานความสง่างามแบบจีนตอนใต้เข้ากับความยิ่งใหญ่แข็งแกร่งแบบจีนตอนเหนือ รีสอร์ทบนภูเขาสามารถแบ่งออกได้เป็นสี่ส่วนหลัก ได้แก่:
-
เขตพระราชวัง (Palace Area): เป็นพื้นที่แกนกลางที่สามารถเข้าถึงได้จากประตูหลี่เจิ้ง (Lizheng Gate) โดดเด่นด้วยพระราชวังที่สะท้อนสถาปัตยกรรมราชวงศ์ชิงอย่างชัดเจน เป็นสถานที่ที่จักรพรรดิใช้ในการบริหารราชการและประทับพักผ่อน ที่นี่ยังมีป้ายชื่อ "Mountain Resort for Escaping the Heat" ที่จารึกโดยจักรพรรดิคังซี (Emperor Kangxi)
-
เขตทะเลสาบ (Lake Area): มีชื่อเสียงด้านภูมิทัศน์ที่เงียบสงบ ประกอบด้วยเกาะแปดแห่ง ทะเลสาบที่สะท้อนเงา และศาลาที่ประดับประดาอย่างวิจิตรบรรจง
-
เขตที่ราบ (Plain Area): ตั้งอยู่ทางเหนือของเขตทะเลสาบ เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่มีทุ่งหญ้าและต้นไม้ ซึ่งในอดีตเคยใช้เป็นลานขี่ม้า
-
เขตภูเขา (Mountain Area): คิดเป็นประมาณ 80% ของพื้นที่ทั้งหมด ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ มีลักษณะเป็นภูเขาและหุบเขาที่ปกคลุมด้วยป่าไม้ พร้อมด้วยอาคารต่างๆ กระจายอยู่ทั่วบริเวณ
-
-
วัดรอบนอก (Outlying Temples): วัดหลวงรอบนอกจำนวนสิบสองแห่ง ซึ่งชาวจีนเรียกว่า "วัดนอกทั้งแปด" (Wai Ba Miao) ก่อสร้างขึ้นระหว่างปีคริสตศักราช 1713 – 1780 (พุทธศักราช 2256 – 2323) วัดเหล่านี้ตั้งอยู่บนเนินเขาด้านนอกเขตพระราชวังและสวน และแสดงให้เห็นถึงการหลอมรวมสถาปัตยกรรมจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิทธิพลจากพุทธศาสนานิกายทิเบต (Tibetan Buddhism) และลัทธิลามะ (Lamaism) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลายในอาณาจักรจีนยุคนั้น วัดที่โดดเด่นได้แก่:
-
วัดผู่โถว จงเฉิง (Putuo Zongcheng Temple): สร้างจำลองแบบพระราชวังโปตาลา (Potala Palace) ที่เมืองลาซา (Lhasa)
-
วัดซูมี ฝูโซ่ว (Xumi Fushou Temple): เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่งดงามของสถาปัตยกรรมแบบทิเบต
-
วัดผู่หนิง (Puning Temple) และ วัดอันหยวน (Anyuan Temple) ก็เป็นส่วนหนึ่งของหมู่วัดที่สะท้อนความหลากหลายทางสถาปัตยกรรม
-
จุดเด่นสำคัญ (Key Highlights)
รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อมีจุดเด่นหลายประการที่ทำให้เป็นแหล่งมรดกโลกอันทรงคุณค่า:
-
หมู่อาคารที่ใหญ่ที่สุด: เป็นพระราชวัง-สวนและหมู่วัดของจักรพรรดิที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจีนที่ยังคงอยู่ ครอบคลุมพื้นที่ 611.2 เฮกตาร์ หรือ 5.64 ล้านตารางเมตร
-
ผลงานชิ้นเอกทางสถาปัตยกรรม: เป็นตัวอย่างคลาสสิกของสถาปัตยกรรมพระราชวัง ศิลปะการจัดสวน และสถาปัตยกรรมทางศาสนาของจีน
-
ป้ายจารึกของจักรพรรดิคังซี: ภายในเขตพระราชวังมีป้ายชื่อ "Mountain Resort for Escaping the Heat" ที่จารึกโดยจักรพรรดิคังซี แสดงถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานและความสำคัญของสถานที่
-
การจำลองสถาปัตยกรรมอันเลื่องชื่อ: วัดผู่โถว จงเฉิง (Putuo Zongcheng Temple) ถูกสร้างจำลองแบบจากพระราชวังโปตาลา (Potala Palace) ที่เมืองลาซา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานวัฒนธรรมทิเบตเข้ากับราชสำนักชิง
-
สัญลักษณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวของชาติพันธุ์: หมู่วัดรอบนอกแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เช่น ฮั่น มองโกล และทิเบต ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความพยายามของราชวงศ์ชิงในการรวมกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน
-
ศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์: เป็นสถานที่ที่สำคัญอย่างยิ่งในการจัดการกิจการทางการเมือง การทหาร การทูต และกลุ่มชาติพันธุ์ของราชวงศ์ชิง
-
เวลาทำการ:
-
รีสอร์ทบนภูเขาและพื้นที่ชมวิวพระราชวังโปตาลา (Mountain Resort and Potala Palace Scenic Area): 07:00 – 18:00 น. (จำหน่ายบัตรถึง 17:00 น. และอนุญาตให้เข้าได้ถึง 17:10 น.)
-
พื้นที่ชมวิวฉิงชุยเฟิง (Qingchui Peak Scenic Area) (อุทยานแห่งชาติภูเขาฉิงชุยเฟิง): 07:30 – 18:00 น. (จำหน่ายบัตรถึง 17:00 น. และที่เชิงเขาถึง 16:30 น. อนุญาตให้เข้าได้ถึง 17:10 น.) มีบริการเคเบิลคาร์ (Cableway) ในราคา 50 หยวนสำหรับการเดินทางเที่ยวเดียว
-
วัดผู่เล่อ (Pule Temple) และวัดอันหยวน (Anyuan Temple): 07:00 – 18:00 น. (จำหน่ายบัตรถึง 17:00 น. และอนุญาตให้เข้าได้ถึง 17:10 น.)
-
ทัวร์กลางคืนรีสอร์ทบนภูเขา (Night Tour of the Mountain Resort): 19:00 – 22:00 น. (เริ่มเข้า 19:00 น. เปิดไฟ 20:00 น. อนุญาตให้เข้าได้ถึง 21:30 น. และปิดเวลา 22:00 น.)
-
รีสอร์ทบนภูเขาและวัดรอบนอกเมืองเฉิงเต๋อ เป็นมรดกโลกที่มิได้เป็นเพียงสถาปัตยกรรมอันงดงามเท่านั้น แต่ยังเป็นประจักษ์พยานทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่าที่สะท้อนถึงการบริหารจัดการอันชาญฉลาดและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของราชวงศ์ชิงในการบูรณาการวัฒนธรรมที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน ตั้งแต่การออกแบบภูมิทัศน์ที่ผสมผสานธรรมชาติกับสิ่งก่อสร้างได้อย่างลงตัว ไปจนถึงวัดวาอารามที่แสดงออกถึงการหลอมรวมศิลปะและศรัทธาจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ สถานที่แห่งนี้ยังคงเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญซึ่งยืนยันถึงคุณค่าสากลของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม อันเป็นมรดกที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และศึกษาสำหรับคนรุ่นหลัง
.
-------------------------
ที่มา
- https://whc.unesco.org/en/list
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
-------------------------
------------------------
.
