1994 วัดและสุสานขงจื๊อและคฤหาสน์ตระกูลขงในชวีฟู่ (Temple and Cemetery of Confucius and the Kong Family Mansion in Qufu)
google map
มรดกอมตะแห่งปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่: การศึกษาเชิงลึกของวัดและสุสานขงจื๊อและคฤหาสน์ตระกูลขงในชวีฟู่
วัดและสุสานขงจื๊อและคฤหาสน์ตระกูลขงในชวีฟู่ (Temple and Cemetery of Confucius and the Kong Family Mansion in Qufu) หรือที่รู้จักกันในนาม "ซานขง" (San Kong – The Three Confucian Sites) เป็นหมู่โบราณสถานสำคัญที่ตั้งอยู่ในเมืองชวีฟู่ (Qufu) มณฑลซานตง (Shandong) สาธารณรัฐประชาชนจีน หมู่โบราณสถานแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO World Heritage site) เมื่อปีคริสตศักราช 1994 (พ.ศ. 2537) ด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมอันโดดเด่น สถานที่แห่งนี้เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงปรัชญาเมธี นักการเมือง และนักการศึกษาผู้ยิ่งใหญ่ นามว่า ขงจื๊อ (Confucius) ซึ่งมีชีวิตอยู่ระหว่างศตวรรษที่ 6 ถึง 5 ก่อนคริสตศักราช (ประมาณศตวรรษที่ 11-10 ก่อนพุทธศักราช) ผู้มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อหลักคำสอนทางปรัชญาและการเมืองในประเทศแถบตะวันออก
หมู่โบราณสถานซานขง (San Kong) ประกอบด้วยองค์ประกอบหลักสามส่วน ได้แก่:
-
วัดขงจื๊อ (The Temple of Confucius): สร้างขึ้นในปีคริสตศักราช 478 (พ.ศ. 66) เพื่อเป็นเกียรติแก่ขงจื๊อ วัดแห่งนี้ผ่านการถูกทำลายและบูรณะมาหลายศตวรรษ ปัจจุบันประกอบด้วยอาคาร 104 หลัง ครอบคลุมพื้นที่ 14 เฮกตาร์ โดยมีโครงสร้างที่สืบทอดมาจากราชวงศ์จิน (Jin) จนถึงราชวงศ์ชิง (Qing) ภายในยังเก็บรักษาศิลาจารึก (stelae) มากกว่า 1,000 หลัก ภาพแกะสลักหินสมัยราชวงศ์ฮั่น (Han stone reliefs) และภาพที่ depicting เรื่องราวชีวิตของขงจื๊อ รูปแบบและสถาปัตยกรรมของวัดแห่งนี้ยังเป็นต้นแบบ (prototype) สำหรับวัดขงจื๊ออื่น ๆ ทั่วเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
-
สุสานขงจื๊อ (The Cemetery of Confucius) หรือป่าขงจื๊อ (Confucius Forest): ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองชวีฟู่ (Qufu City) เป็นสุสานขนาดใหญ่กินพื้นที่ 183 เฮกตาร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของหลุมศพของขงจื๊อ และสุสานของทายาทของท่านอีกกว่า 100,000 หลุม ภายในสุสานยังมีศิลาจารึก (stelae) รูปปั้นหิน (stone figures) และเสาสวรรค์ (celestial pillars)
-
คฤหาสน์ตระกูลขง (The Kong Family Mansion): ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวัด คฤหาสน์แห่งนี้พัฒนามาจากบ้านขนาดเล็กของตระกูล สู่คฤหาสน์ขุนนางขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยและที่ทำการของทายาทสายตรงผู้ชายของขงจื๊อ ประกอบด้วยอาคาร 152 หลัง และให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับชีวิตของตระกูลขง รวมถึงการสะสมวัตถุที่เกี่ยวข้อง
หมู่โบราณสถานแห่งนี้ได้รับการยอมรับในฐานะสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นที่แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของวัฒนธรรมทางวัตถุของจีนตลอดหลายศตวรรษ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีนัยสำคัญอย่างยิ่งจากคุณูปการอันลึกซึ้งของขงจื๊อต่อหลักคำสอนทางปรัชญาและการเมืองในประเทศแถบตะวันออก ปัจจุบัน พื้นที่ทั้งหมดได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองวัตถุทางวัฒนธรรมของสาธารณรัฐประชาชนจีน (Law of the People's Republic of China on the Protection of Cultural Relics) และบริหารจัดการโดยคณะกรรมการบริหารมรดกทางวัฒนธรรมชวีฟู่ (Qufu Cultural Heritage Management Committee) โดยมีเงินทุนเฉพาะสำหรับการอนุรักษ์
คุณค่าสากลอันโดดเด่น (Outstanding Universal Value)
หมู่โบราณสถานวัดและสุสานขงจื๊อและคฤหาสน์ตระกูลขงในชวีฟู่ (Temple and Cemetery of Confucius and the Kong Family Mansion in Qufu) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้เกณฑ์ทางวัฒนธรรม (i), (iv) และ (vi) ซึ่งสะท้อนถึงคุณค่าสากลอันโดดเด่นดังต่อไปนี้:
-
เกณฑ์ (i): เป็นตัวแทนของผลงานชิ้นเอกแห่งอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ของมนุษย์ (To represent a masterpiece of human creative genius.) หมู่โบราณสถานแห่งนี้ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของวัฒนธรรมทางวัตถุของจีนตลอดหลายศตวรรษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัดขงจื๊อ (Temple of Confucius) ซึ่งเป็นวัดขงจื๊อที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในเอเชียตะวันออก ทำหน้าที่เป็นต้นแบบ (prototype) และแม่แบบ (model) สำหรับวัดขงจื๊ออื่น ๆ ในด้านผังเมือง (layout) และรูปแบบ (style)
-
เกณฑ์ (iv): เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของประเภทของอาคาร กลุ่มสถาปัตยกรรม หรือภูมิทัศน์ที่แสดงถึงขั้นตอนสำคัญในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ (To be an outstanding example of a type of building, architectural or technological ensemble or landscape which illustrates (a) significant stage(s) in human history.) หมู่โบราณสถานแห่งนี้จัดแสดงชุดอาคารโบราณอันน่าประทับใจที่สะท้อนถึงขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาสถาปัตยกรรมจีน ประกอบด้วยวัดขงจื๊อ (Temple of Confucius) ที่มีอาคารกว่า 100 หลัง สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์จิน (Jin dynasty) ถึงราชวงศ์ชิง (Qing dynasty) คฤหาสน์ตระกูลขง (Kong Family Mansion) ซึ่งพัฒนาจากบ้านเล็ก ๆ สู่ที่อยู่อาศัยของขุนนางขนาดใหญ่ที่มีอาคาร 152 หลัง และสุสานขงจื๊อ (Cemetery of Confucius) ซึ่งเป็นที่ตั้งของหลุมศพกว่า 100,000 หลุม
-
เกณฑ์ (vi): มีความเกี่ยวข้องโดยตรงหรือจับต้องได้กับเหตุการณ์ หรือประเพณีที่ยังมีชีวิตอยู่ กับความคิด หรือกับความเชื่อ กับงานศิลปะและวรรณกรรมที่มีความสำคัญสากลอันโดดเด่น (To be directly or tangibly associated with events or living traditions, with ideas, or with beliefs, with artistic and literary works of outstanding universal significance.) สถานที่แห่งนี้มีความสำคัญอย่างลึกซึ้งเนื่องจากมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับขงจื๊อ (Confucius) ปรัชญาเมธี นักการเมือง และนักการศึกษาผู้ยิ่งใหญ่ในศตวรรษที่ 6 ถึง 5 ก่อนคริสตศักราช (ประมาณศตวรรษที่ 11-10 ก่อนพุทธศักราช) เป็นสถานที่เกิดของท่านและยังคงเป็นสถานที่จัดพิธีระลึกถึงวันเกิดของท่านอย่างต่อเนื่อง หมู่โบราณสถานทั้งหมดนี้เป็นพยานถึงสถานะอันโดดเด่นของลัทธิขงจื๊อ (Confucianism) ในวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม และคุณูปการอันยั่งยืนต่อหลักคำสอนทางปรัชญาและการเมืองในประเทศแถบตะวันออก คฤหาสน์ตระกูลขง (Kong Family Mansion) ยังสะท้อนให้เห็นถึงสถานะอันทรงเกียรติของตระกูลขงในสังคมจีนอันเนื่องมาจากลัทธิขงจื๊อ และสุสานเป็นหลักฐานทางวัตถุสำหรับการพัฒนาของตระกูลขง (Kong Clan)
บริบททางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม (Historical and Architectural Context)
หมู่โบราณสถานแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนไปถึงศตวรรษที่ 6 ถึง 5 ก่อนคริสตศักราช (ประมาณศตวรรษที่ 11-10 ก่อนพุทธศักราช) ซึ่งเป็นช่วงชีวิตของขงจื๊อ (Confucius) ผู้ที่แนวคิดของท่านได้วางรากฐานทางศีลธรรมและสังคมให้กับอารยธรรมจีนเป็นเวลากว่าสองพันปี
วัดขงจื๊อ (The Temple of Confucius): ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ระบุว่าวัดแห่งนี้เริ่มก่อสร้างขึ้นครั้งแรกในปีคริสตศักราช 478 (พ.ศ. 66) เพียงสองปีหลังจากที่ขงจื๊อเสียชีวิต โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นที่ระลึกและบูชาท่าน วัดได้ผ่านการขยายขนาดและบูรณะหลายครั้งตลอดประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการถูกทำลายจากภัยธรรมชาติและสงคราม โครงสร้างปัจจุบันส่วนใหญ่มีอายุตั้งแต่ราชวงศ์จิน (Jin dynasty) จนถึงราชวงศ์ชิง (Qing dynasty) สถาปัตยกรรมของวัดขงจื๊อมีลักษณะผสมผสานระหว่างรูปแบบราชสำนักและองค์ประกอบท้องถิ่น สะท้อนถึงเทคนิคการก่อสร้างและการออกแบบที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องในแต่ละยุคสมัย ภายในวัดมีอาคารรวม 104 หลัง ครอบคลุมพื้นที่ 14 เฮกตาร์ ซึ่งจัดแสดงความวิจิตรงดงามของสถาปัตยกรรมจีนโบราณอย่างเต็มที่ จุดเด่นทางสถาปัตยกรรมรวมถึงการใช้หลังคากระเบื้องสีเหลืองและเขียว การแกะสลักไม้ที่ประณีต และงานจิตรกรรมฝาผนัง นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งรวมศิลาจารึก (stelae) กว่า 1,000 หลัก ซึ่งบันทึกประวัติศาสตร์ การพระราชทาน และบทกวี รวมถึงภาพแกะสลักหินสมัยราชวงศ์ฮั่น (Han stone reliefs) ที่เล่าเรื่องราวชีวิตและคำสอนของขงจื๊ออย่างละเอียด
สุสานขงจื๊อ (The Cemetery of Confucius หรือ Confucius Forest): ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองชวีฟู่ (Qufu) ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 183 เฮกตาร์ สุสานแห่งนี้เป็นที่ฝังศพของขงจื๊อเอง และทายาทของท่านอีกกว่า 100,000 คน ตลอดระยะเวลาหลายชั่วอายุคน สุสานมีการจัดวางตามหลักฮวงจุ้ย (Feng Shui) และแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของธรรมเนียมการฝังศพของจีน มีหลุมศพตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงสมัยใหม่ หลักฐานทางประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นถึงการจัดสรรพื้นที่และการสร้างอนุสาวรีย์ต่าง ๆ ที่สะท้อนถึงสถานะของตระกูลขง จุดเด่นภายในสุสาน ได้แก่ ศิลาจารึก (stelae) ที่สลักชื่อและประวัติของผู้วายชนม์ รูปปั้นหิน (stone figures) ที่ทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ และเสาสวรรค์ (celestial pillars) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาและความเชื่อ
คฤหาสน์ตระกูลขง (The Kong Family Mansion): คฤหาสน์นี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวัดขงจื๊อ เดิมเป็นเพียงบ้านเล็ก ๆ แต่ได้พัฒนาและขยายขนาดขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นคฤหาสน์ขุนนางขนาดใหญ่และซับซ้อน เป็นที่อยู่อาศัยอย่างเป็นทางการของทายาทสายตรงผู้ชายของขงจื๊อ (Duke Yansheng) ผู้ซึ่งมีสถานะทางสังคมและอำนาจทางการเมืองสูง คฤหาสน์นี้มีอาคาร 152 หลัง ซึ่งสะท้อนถึงสถาปัตยกรรมของคฤหาสน์ขุนนางจีน โดยแบ่งออกเป็นส่วนหน้าสำหรับกิจการสาธารณะและส่วนหลังสำหรับที่อยู่อาศัยส่วนตัว การออกแบบภายในแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของชีวิตประจำวัน พิธีการ และการบริหารจัดการของตระกูลขงผ่านวัตถุสะสม ภาพวาด และเอกสารโบราณที่เก็บรักษาไว้ คฤหาสน์แห่งนี้เป็นตัวอย่างอันล้ำค่าของวิถีชีวิตชนชั้นสูงของจีนที่ผูกพันกับหลักปรัชญาขงจื๊อ
ไฮไลท์สำคัญ (Key Highlights)
หมู่โบราณสถานวัดและสุสานขงจื๊อและคฤหาสน์ตระกูลขงในชวีฟู่ (San Kong) นำเสนอภาพรวมที่สมบูรณ์ของวัฒนธรรมขงจื๊อและวิวัฒนาการทางสถาปัตยกรรมของจีนตลอดหลายศตวรรษ ไฮไลท์สำคัญได้แก่:
-
วัดขงจื๊อ (The Temple of Confucius): เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมจีนโบราณ และถือเป็นวัดขงจื๊อที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในเอเชียตะวันออก ด้วยพื้นที่ 14 เฮกตาร์ และอาคาร 104 หลัง มีศิลาจารึก (stelae) กว่า 1,000 หลัก และภาพแกะสลักหินสมัยราชวงศ์ฮั่น (Han stone reliefs) ที่มีรายละเอียดประณีต เป็นต้นแบบสำหรับวัดขงจื๊ออื่น ๆ ทั่วภูมิภาค
-
สุสานขงจื๊อ (The Cemetery of Confucius): สุสานขนาด 183 เฮกตาร์ แห่งนี้ไม่เพียงเป็นที่ประดิษฐานหลุมศพของขงจื๊อเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ฝังศพของทายาทของท่านกว่า 100,000 คน แสดงให้เห็นถึงประเพณีการฝังศพและการสืบทอดตระกูลขงมาอย่างยาวนาน
-
คฤหาสน์ตระกูลขง (The Kong Family Mansion): ด้วยอาคาร 152 หลัง คฤหาสน์แห่งนี้เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของที่อยู่อาศัยของชนชั้นสูงในราชสำนักจีน ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิถีชีวิต การบริหารจัดการ และวัฒนธรรมของตระกูลขง ซึ่งเป็นตระกูลที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์จีน
-
คุณูปการทางปรัชญา: สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางของลัทธิขงจื๊อ (Confucianism) ซึ่งเป็นหลักคำสอนทางปรัชญาและจริยธรรมที่หล่อหลอมสังคม การเมือง และวัฒนธรรมของจีนและประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออก การเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้จึงเป็นการเชื่อมโยงกับมรดกทางปัญญาของขงจื๊อโดยตรง
-
การอนุรักษ์วัฒนธรรมทางวัตถุ: หมู่โบราณสถานทั้งสามสะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการของวัฒนธรรมทางวัตถุของจีน ตั้งแต่เทคนิคการก่อสร้าง วัสดุที่ใช้ ไปจนถึงการจัดวางภูมิทัศน์และการตกแต่ง ซึ่งเป็นพยานถึงความรุ่งเรืองของอารยธรรมจีน
วัดและสุสานขงจื๊อและคฤหาสน์ตระกูลขงในชวีฟู่ (Temple and Cemetery of Confucius and the Kong Family Mansion in Qufu) หรือ "ซานขง" (San Kong) เป็นหมู่โบราณสถานที่สะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของปรัชญาขงจื๊อและวิวัฒนาการทางสถาปัตยกรรมของจีนตลอดหลายศตวรรษ การได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปีคริสตศักราช 1994 (พ.ศ. 2537) ยืนยันถึงคุณค่าสากลอันโดดเด่นในฐานะผลงานชิ้นเอกทางสถาปัตยกรรม ตัวอย่างอันเป็นเลิศของการพัฒนาทางประวัติศาสตร์ และสถานที่ที่เชื่อมโยงโดยตรงกับหลักคำสอนอันเป็นรากฐานของอารยธรรมตะวันออก หมู่โบราณสถานแห่งนี้ไม่เพียงเป็นพยานถึงมรดกทางปัญญาของขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นแหล่งศึกษาทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมที่ล้ำค่า ซึ่งยังคงส่งอิทธิพลต่อสังคมและเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนทั่วโลกในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่านี้ไว้สำหรับคนรุ่นหลัง
-------------------------
ที่มา
- https://whc.unesco.org/en/list
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
-------------------------
------------------------
.
