1994 กลุ่มอาคารประวัติศาสตร์ของพระราชวังโปตาลา ลาซา (Historic Ensemble of the Potala Palace, Lhasa)
google map
พระราชวังโปตาลาและคณะอาคารประวัติศาสตร์ ณ ลาซา: มรดกโลกแห่งศรัทธาและอำนาจ (The Potala Palace and Historic Ensemble in Lhasa: A World Heritage of Faith and Power)
กลุ่มอาคารประวัติศาสตร์ของพระราชวังโปตาลา ลาซา (Historic Ensemble of the Potala Palace, Lhasa) เป็นแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโกที่ได้รับการยอมรับในคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศาสนา และสถาปัตยกรรมอันลึกซึ้ง กลุ่มอาคารแห่งนี้ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญสามส่วน ได้แก่ พระราชวังโปตาลา (Potala Palace) วัดโจคัง (Jokhang Temple Monastery) และพระราชวังนอร์บูหลิงกา (Norbulingka) ซึ่งรวมกันเป็นศูนย์กลางการบริหาร ศาสนา และสัญลักษณ์ของรัฐบาลเทวาธิปไตยแบบดั้งเดิมของทิเบต
พระราชวังโปตาลาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปีคริสต์ศักราช 1994 (พ.ศ. 2537) จากนั้น วัดโจคัง ซึ่งเป็นศาสนสถานทางพุทธศาสนาอันโดดเด่นใจกลางเมืองเก่าลาซา ก็ได้ถูกผนวกเข้าเป็นส่วนขยายของแหล่งมรดกโลกในปีคริสต์ศักราช 2000 (พ.ศ. 2543) และต่อมา พระราชวังนอร์บูหลิงกา ซึ่งเป็นพระราชวังฤดูร้อนของทะไลลามะ (Dalai Lama) ตั้งแต่คริสต์ศักราช 18 (พ.ศ. 2244-2343) ก็ได้รับการเพิ่มเติมเข้ามาเป็นส่วนขยายในปีคริสต์ศักราช 2001 (พ.ศ. 2544) พระราชวังโปตาลาตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาแดง (Marpo Ri) ที่ความสูง 3,700 เมตรจากระดับน้ำทะเลในใจกลางหุบเขาลาซา ทำหน้าที่เป็นพระราชวังฤดูหนาวของทะไลลามะมาตั้งแต่คริสต์ศักราช 7 (พ.ศ. 1143-1246)
นับตั้งแต่ทะไลลามะองค์ที่ 14 เสด็จลี้ภัยในปีคริสต์ศักราช 1959 (พ.ศ. 2502) พระราชวังโปตาลาได้ทำหน้าที่หลักเป็นพิพิธภัณฑ์ แม้จะได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองโบราณวัตถุของสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่แหล่งมรดกแห่งนี้ยังคงเผชิญกับความท้าทายด้านการอนุรักษ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงกดดันจากการพัฒนาเมือง กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น กิจกรรมการบูรณะ และการเสื่อมสภาพของจิตรกรรมฝาผนัง เมื่อไม่นานมานี้ องค์กร International Campaign for Tibet ได้เรียกร้องให้ยูเนสโกพิจารณาขึ้นทะเบียนกลุ่มอาคารแห่งนี้เป็น "แหล่งมรดกโลกที่ตกอยู่ในภาวะอันตราย" (World Heritage Site in Danger) เนื่องจากข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทำลาย การกลืนชาติ และการบริหารจัดการที่ผิดพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อสร้างใหม่ใกล้กับวัดโจคัง
คุณค่าโดดเด่นเป็นสากล (Outstanding Universal Value)
กลุ่มอาคารประวัติศาสตร์ของพระราชวังโปตาลา ลาซา ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้เกณฑ์ต่อไปนี้: (i), (iv) และ (vi) ซึ่งสะท้อนถึงคุณค่าโดดเด่นเป็นสากลที่ไม่อาจหาได้จากที่อื่น
-
เกณฑ์ (i): ผลงานชิ้นเอกของอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ของมนุษย์ (to represent a masterpiece of human creative genius) กลุ่มอาคารประวัติศาสตร์ของพระราชวังโปตาลาได้รับการยอมรับว่าเป็นผลงานชิ้นเอกที่โดดเด่นของจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ทั้งในด้านการออกแบบ การตกแต่ง และการผสมผสานเข้ากับภูมิทัศน์อันน่าทึ่ง รูปแบบสถาปัตยกรรมของพระราชวังโปตาลา พระราชวังนอร์บูหลิงกา และวัดโจคัง ซึ่งแต่ละแห่งมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ล้วนเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของสถาปัตยกรรมทิเบตดั้งเดิม
-
เกณฑ์ (iv): ตัวอย่างที่โดดเด่นของประเภทอาคาร หรือกลุ่มอาคาร หรือกลุ่มทางเทคโนโลยี หรือภูมิทัศน์ ที่แสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาสำคัญหนึ่งช่วงหรือหลายช่วงในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ (to be an outstanding example of a type of building, architectural or technological ensemble or landscape which illustrates (a) significant stage(s) in human history) ขนาดและความร่ำรวยทางศิลปะของกลุ่มอาคารแห่งนี้แสดงถึงจุดสูงสุดของสถาปัตยกรรมทิเบต ทำให้เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมเทวาธิปไตย และเป็นตัวอย่างสุดท้ายที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของรูปแบบดังกล่าวในโลกสมัยใหม่
-
เกณฑ์ (vi): มีความเกี่ยวข้องโดยตรงหรือชัดเจนกับเหตุการณ์ หรือประเพณีที่ยังคงอยู่ หรือความคิด หรือความเชื่อ หรือเป็นงานศิลปะ และวรรณกรรมที่มีความสำคัญเป็นสากล (to be directly or tangibly associated with events or living traditions, with ideas, or with beliefs, with artistic and literary works of outstanding universal significance) กลุ่มอาคารประวัติศาสตร์ของพระราชวังโปตาลาทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังและยอดเยี่ยมของการบูรณาการอำนาจทางโลกและทางศาสนาเข้าด้วยกัน
บริบททางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม (Historical and Architectural Context)
กลุ่มอาคารประวัติศาสตร์ของพระราชวังโปตาลาในลาซาเป็นศูนย์รวมของมรดกทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณอันยาวนาน โดยมีพัฒนาการผ่านกาลเวลาหลายศตวรรษ
พระราชวังโปตาลา (The Potala Palace): จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ การก่อสร้างพระราชวังแห่งนี้เริ่มขึ้นในคริสต์ศักราช 7 (พ.ศ. 1143-1246) ภายใต้การนำของกษัตริย์ซงต์เซนกัมโป (King Songtsen Gampo) ผู้ทรงริเริ่มการสร้างป้อมปราการบนเขาแดง (Marpo Ri) ในตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบันเพื่อใช้เป็นศูนย์กลางการปกครองและศาสนาของอาณาจักรทิเบต แม้ว่าโครงสร้างเดิมจะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของรากฐาน แต่พระราชวังโปตาลาในปัจจุบันส่วนใหญ่สร้างขึ้นใหม่และขยายขนาดอย่างยิ่งใหญ่ในคริสต์ศักราช 17 (พ.ศ. 2144-2243) ภายใต้การนำของทะไลลามะองค์ที่ 5 โลซัง เกียตโซ (5th Dalai Lama, Lobsang Gyatso) ซึ่งเป็นผู้สั่งการให้สร้างพระราชวังขึ้นใหม่เพื่อเป็นพระราชวังฤดูหนาวและศูนย์กลางทางศาสนาและการปกครองที่สำคัญ พระราชวังแห่งนี้สร้างจากวัสดุธรรมชาติหลักคือไม้และหิน แสดงให้เห็นถึงรูปแบบสถาปัตยกรรมพุทธทิเบตอันเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมจีน อินเดีย และเนปาลเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน โครงสร้างหลักแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ:
-
พระราชวังขาว (White Palace): ทำหน้าที่เป็นที่ประทับของทะไลลามะและศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดิน
-
พระราชวังแดง (Red Palace): อุทิศให้กับการศึกษาทางศาสนา เป็นที่ตั้งของวิหารต่างๆ และเจดีย์ทองคำบรรจุพระศพของทะไลลามะองค์ก่อนๆ ภายในพระราชวังประกอบด้วยห้องมากกว่า 1,000 ห้อง หอพระ 10,000 แห่ง รูปปั้นกว่า 200,000 องค์ จิตรกรรมฝาผนังจำนวนมาก ม้วนคัมภีร์ และเอกสารทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่า
วัดโจคัง (The Jokhang Temple Monastery): วัดโจคังตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเก่าลาซา สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศักราช 7 (พ.ศ. 1143-1246) เช่นเดียวกับพระราชวังโปตาลา เป็นศาสนสถานทางพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของทิเบต และเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณที่ดึงดูดผู้แสวงบุญจากทั่วโลก สถาปัตยกรรมของวัดโจคังแสดงถึงการผสมผสานรูปแบบของอินเดีย เนปาล และทิเบต สะท้อนถึงบทบาทของวัดในการเป็นจุดเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมและศาสนา
พระราชวังนอร์บูหลิงกา (Norbulingka): พระราชวังนอร์บูหลิงกา ซึ่งหมายถึง "อุทยานแห่งสมบัติ" สร้างขึ้นในคริสต์ศักราช 18 (พ.ศ. 2244-2343) ทำหน้าที่เป็นพระราชวังฤดูร้อนของทะไลลามะ สถาปัตยกรรมมีลักษณะเป็นอุทยานและอาคารที่พักผ่อนหย่อนใจมากกว่าพระราชวังโปตาลาที่เน้นความยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ นอร์บูหลิงกาเป็นสถานที่ที่ทะไลลามะทรงใช้ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่ไม่เป็นทางการและพักผ่อนในฤดูร้อน
จุดเด่นที่สำคัญ (Key Highlights)
กลุ่มอาคารประวัติศาสตร์แห่งนี้เต็มไปด้วยจุดเด่นอันน่าประทับใจที่สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของทิเบต:
-
สัญลักษณ์แห่งอำนาจและศรัทธา: พระราชวังโปตาลาเป็นสัญลักษณ์อันเป็นที่ประจักษ์ของพุทธศาสนาแบบทิเบตและบทบาทอันเป็นแกนกลางในการบริหารราชการแบบดั้งเดิมของทิเบต ซึ่งรวมอำนาจทางศาสนาและทางโลกเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ
-
คลังสมบัติทางศิลปะและประวัติศาสตร์: ภายในพระราชวังโปตาลาเป็นที่เก็บรวบรวมงานศิลปะและวัตถุโบราณล้ำค่ามากมาย ทั้งห้องมากกว่า 1,000 ห้อง หอพระ 10,000 แห่ง รูปปั้นกว่า 200,000 องค์ จิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และศาสนา ม้วนคัมภีร์ และเอกสารสำคัญต่างๆ ที่เป็นแหล่งข้อมูลอันประเมินค่ามิได้สำหรับการศึกษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทิเบต
-
การผสมผสานสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์: กลุ่มอาคารทั้งสามแห่ง ทั้งพระราชวังโปตาลา วัดโจคัง และพระราชวังนอร์บูหลิงกา ล้วนแสดงให้เห็นถึงความงดงาม ความแปลกใหม่ และความสมบูรณ์ในการตกแต่ง รวมถึงการผสมผสานที่กลมกลืนกับภูมิทัศน์โดยรอบ ก่อให้เกิดเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมทิเบตที่ได้รับอิทธิพลจากหลากหลายวัฒนธรรม
-
ศูนย์กลางทางจิตวิญญาณ: วัดโจคังเป็นหัวใจทางจิตวิญญาณของลาซา เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้แสวงบุญพุทธศาสนิกชนจากทั่วทิเบตและภูมิภาคหิมาลัยต่างหลั่งไหลมาสักการะ
กลุ่มอาคารประวัติศาสตร์ของพระราชวังโปตาลา ลาซา เป็นแหล่งมรดกโลกที่ทรงคุณค่าอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ วัฒนธรรมที่หยั่งรากลึก และความสำเร็จทางสถาปัตยกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้ของทิเบต การผสมผสานของพระราชวังโปตาลา วัดโจคัง และพระราชวังนอร์บูหลิงกา ไม่เพียงแต่เป็นประจักษ์พยานถึงอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์อันทรงพลังของการบูรณาการอำนาจทางโลกและทางศาสนาอย่างลึกซึ้ง คุณค่าโดดเด่นเป็นสากลของแหล่งมรดกแห่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณและศูนย์กลางการปกครองที่หล่อหลอมอัตลักษณ์ของทิเบตมาหลายศตวรรษ การอนุรักษ์และบำรุงรักษาแหล่งมรดกนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้คนรุ่นหลังได้สัมผัสและเรียนรู้จากความยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมนี้ต่อไป
-------------------------
ที่มา
- https://whc.unesco.org/en/list
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
-------------------------
------------------------
.
