1994 กลุ่มอาคารโบราณในเทือกเขาอู่ตัง (Ancient Building Complex in the Wudang Mountains)
google map
กลุ่มอาคารโบราณในเทือกเขาอู่ตัง: มรดกโลกแห่งสถาปัตยกรรมเต๋าและภูมิปัญญาตะวันออก
กลุ่มอาคารโบราณในเทือกเขาอู่ตัง (Ancient Building Complex in the Wudang Mountains) ตั้งอยู่ในมณฑลหูเป่ย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน นับเป็นศูนย์กลางสำคัญของลัทธิเต๋าที่มีความงดงามทางสถาปัตยกรรมและศิลปะอันโดดเด่น สถานที่แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 18 ซึ่งจัดขึ้น ณ จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย การยอมรับสถานะมรดกโลกนี้เป็นการเน้นย้ำถึงคุณค่าสากลอันโดดเด่นของกลุ่มอาคารที่สะท้อนถึงมาตรฐานสูงสุดของสถาปัตยกรรมและศิลปะจีนในช่วงต้นราชวงศ์หมิง (Ming Dynasty) และบทบาทอันลึกซึ้งในการพัฒนาปรัชญาและความเชื่อแบบเต๋า เทือกเขาอู่ตังยังเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งกำเนิดของศิลปะการต่อสู้แบบเต๋า เช่น ไทเก๊ก (Tai Chi) และกังฟู (Kung Fu) ซึ่งมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อวัฒนธรรมจีนและทั่วโลก
คุณค่าสากลอันโดดเด่น (Outstanding Universal Value)
กลุ่มอาคารโบราณในเทือกเขาอู่ตังได้รับการประเมินว่ามีคุณค่าสากลอันโดดเด่นตามเกณฑ์สามข้อของยูเนสโก ดังนี้:
-
เกณฑ์ (i): กลุ่มอาคารโบราณแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานสูงสุดของศิลปะและสถาปัตยกรรมจีนในช่วงระยะเวลาร่วมหนึ่งพันปี เป็นพยานหลักฐานที่สำคัญต่อการศึกษาการเมืองในยุคต้นราชวงศ์หมิงและประวัติศาสตร์ศาสนาของจีน โดยเฉพาะการเจริญเติบโตของลัทธิเต๋า การออกแบบและการก่อสร้างแสดงให้เห็นถึงความกลมกลืนอันน่าทึ่งกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "พระราชวังบนสวรรค์บนโลกมนุษย์" (Heavenly Palace on Earth)
-
เกณฑ์ (ii): สถาปัตยกรรมในเทือกเขาอู่ตังมีอิทธิพลอย่างมหาศาลต่อการพัฒนาศิลปะและสถาปัตยกรรมทั้งทางศาสนาและสาธารณะในประเทศจีน การออกแบบที่ผสานภูมิทัศน์เข้ากับหลักการทางเต๋าได้อย่างลงตัว ได้สร้างแบบแผนและแรงบันดาลใจให้กับงานสถาปัตยกรรมในยุคต่อมา
-
เกณฑ์ (vi): กลุ่มอาคารทางศาสนาในเทือกเขาอู่ตังเป็นศูนย์กลางของลัทธิเต๋า ซึ่งเป็นหนึ่งในศาสนาสำคัญของซีกโลกตะวันออก และมีบทบาทอย่างลึกซึ้งในการพัฒนาความเชื่อและปรัชญาในภูมิภาคแห่งนี้ เป็นแหล่งรวมความรู้ทางเต๋าและศิลปะการต่อสู้ที่สืบทอดมานับพันปี
คุณค่าเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของกลุ่มอาคารในฐานะที่เป็นศูนย์รวมของความชาญฉลาดทางสถาปัตยกรรม เทคโนโลยีการก่อสร้าง สุนทรียภาพ และภูมิปัญญาโบราณ ที่เป็นแบบอย่างอันยอดเยี่ยมและมีเอกลักษณ์ในระดับสากล
บริบททางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม
เทือกเขาอู่ตังได้เริ่มเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของลัทธิเต๋าตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง (Tang Dynasty) ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 7 (พุทธศตวรรษที่ 12) โดยมีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทางเต๋าขึ้นเป็นครั้งแรก การก่อสร้างขนานใหญ่ที่มีระบบระเบียบนั้นได้เริ่มขึ้นอย่างจริงจังและรุ่งเรืองที่สุดในสมัยราชวงศ์หมิง (Ming Dynasty, ค.ศ. 1368-1644 / พ.ศ. 1911-2187) โดยเฉพาะภายใต้การอุปถัมภ์ของจักรพรรดิหย่งเล่อ (Emperor Yongle หรือ Zhu Di) ผู้ทรงดำเนินการโครงการก่อสร้างครั้งใหญ่เพื่อเชื่อมโยงระบอบการปกครองของพระองค์เข้ากับลัทธิเต๋าและเพื่อรวมอำนาจการปกครองให้แข็งแกร่ง
ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์: โครงการก่อสร้างอันยิ่งใหญ่นี้ใช้เวลากว่า 12 ปี (ประมาณ ค.ศ. 1407-1420 / พ.ศ. 1950-1963) โดยระดมกำลังคนถึง 20,000 ถึง 300,000 คนต่อวัน ส่งผลให้เกิดกลุ่มอาคารขนาดใหญ่ประกอบด้วยตำหนัก (palaces) 9 แห่ง, วัด (temples) 9 แห่ง, อาราม (monasteries) 36 แห่ง, วิหารผา (cliff temples) 72 แห่ง, และสะพานหินจำนวนมาก สิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่ที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงนี้
บริบททางสถาปัตยกรรม: สถาปัตยกรรมของอู่ตังซานสะท้อนถึงหลักปรัชญาเต๋าที่เน้นความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ อาคารเหล่านี้ถูกออกแบบให้เข้ากับภูมิประเทศที่เป็นภูเขาได้อย่างลงตัว โดยใช้ประโยชน์จากสภาพธรรมชาติเพื่อสร้างความรู้สึกสงบและเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล วัสดุก่อสร้างหลักประกอบด้วยไม้และหิน โดยมีการประดับตกแต่งด้วยศิลปะแบบจีนที่ละเอียดอ่อน ซึ่งแสดงถึงมาตรฐานสูงสุดของศิลปะและงานฝีมือในยุคนั้น
จุดเด่นสำคัญ (Key Highlights)
กลุ่มอาคารโบราณในเทือกเขาอู่ตังประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมหลายแห่ง อาทิ:
-
วิหารทอง (Golden Hall/Jindian): ตั้งอยู่บนยอดเขาเทียนจู้ (Tianzhu Peak) ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของอู่ตังซาน ด้วยความสูง 1,612 เมตร วิหารนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1416 (พ.ศ. 1959) จากทองแดงชุบทอง เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นและเป็นความสำเร็จทางสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง แสดงถึงเทคโนโลยีการหล่อโลหะชั้นสูงในสมัยนั้น
-
ตำหนักเมฆม่วง (Grand Purple Cloud Palace/Zixiao Palace): เป็นตำหนักเต๋าที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งในอู่ตังซาน มีความงดงามและเป็นศูนย์กลางการประกอบพิธีกรรมทางเต๋า
-
ตำหนักหนานเหยียน (South Cliff Palace/Nanyan Palace): เป็นฉากที่ปรากฏในภาพยนตร์จีนกำลังภายในหลายเรื่อง โดดเด่นด้วยการก่อสร้างที่ยื่นออกมาจากหน้าผา แสดงถึงความกล้าหาญทางวิศวกรรมและสุนทรียภาพ
-
ตำหนักไท่เหอ (Palace of Harmony/Taihe Palace): เป็นอีกหนึ่งโครงสร้างที่สำคัญ ตั้งอยู่บนยอดเขาเทียนจู้เช่นเดียวกับวิหารทอง นำเสนอทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขา
-
ประตูหินซวนเยว่ (Xuanyue Archway), วัดหยวนเหอ (Yuanhe Taoist Temple), ตำหนักอวี้เจิน (Yuzhen Palace), ตำหนักอวี้ซู (Yuxu Palace), และ วัดฟู่เจิน (Fuzhen Taoist Temple) ล้วนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่สะท้อนถึงความหลากหลายและความยิ่งใหญ่ของกลุ่มอาคาร
นอกจากสิ่งก่อสร้างแล้ว เทือกเขาอู่ตังยังเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งกำเนิดของศิลปะการต่อสู้แบบเต๋า เช่น มวยไทเก๊ก (Tai Chi) และกังฟู (Kung Fu) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมของสถานที่แห่งนี้ ภูเขายังโดดเด่นด้วยทัศนียภาพธรรมชาติที่สวยงาม ประกอบด้วย 72 ยอดเขา, 36 หน้าผา, 24 หุบเขา, และแหล่งพืชสมุนไพรจีนอันอุดมสมบูรณ์ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "ร้านขายยาธรรมชาติ" (natural drugstore)
กลุ่มอาคารโบราณในเทือกเขาอู่ตัง เป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมของมรดกทางวัฒนธรรมที่ผสมผสานความงดงามทางสถาปัตยกรรม ศิลปะ ปรัชญาเต๋า และธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงเป็นศูนย์รวมทางศาสนาที่สำคัญและแหล่งกำเนิดศิลปะการต่อสู้ แต่ยังเป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาของจีนมานานนับพันปี ด้วยคุณค่าสากลอันโดดเด่นที่ได้รับการรับรองโดยยูเนสโก อู่ตังซานจึงยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักวิชาการ นักท่องเที่ยว และผู้แสวงหาทางจิตวิญญาจากทั่วโลก ให้มาสัมผัสกับความยิ่งใหญ่และสงบเงียบของมรดกแห่งนี้
-------------------------
ที่มา
- https://whc.unesco.org/en/list
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
-------------------------
------------------------
.
