1999 ภูเขาหวู่ยี่ (Mount Wuyi)
google map
ภูเขาหวู่ยี่ (Mount Wuyi): มรดกโลกแห่งคุณค่าสากลทางธรรมชาติและวัฒนธรรม
ภูเขาหวู่ยี่ (Mount Wuyi) ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลฝูเจี้ยน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ใกล้กับพรมแดนของมณฑลเจียงซี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกแบบผสม (Mixed World Heritage Site) จากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อปีคริสต์ศักราช 1999 (พ.ศ. 2542) ด้วยคุณค่าอันโดดเด่นทั้งทางธรรมชาติ วัฒนธรรม และภูมิทัศน์ที่งดงามยิ่ง เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของศูนย์มรดกโลกยูเนสโก (UNESCO World Heritage Centre) ได้ให้ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุณค่าสากลที่โดดเด่น (Outstanding Universal Value) เกณฑ์การขึ้นทะเบียน รวมถึงข้อกำหนดด้านการบริหารจัดการและการคุ้มครองพื้นที่ นอกจากนี้ รัฐบาลมณฑลฝูเจี้ยน (Fujian Provincial People's Government) และเว็บไซต์การท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการของหวู่ยี่ซาน (Wuyishan Official Website) ยังเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติหวู่ยี่ซาน (Wuyishan National Park) ซึ่งเป็นสถานะที่ได้รับอย่างเป็นทางการในปีคริสต์ศักราช 2021 (พ.ศ. 2564) พื้นที่มรดกโลกแห่งนี้เป็นที่รู้จักในฐานะตัวอย่างที่ใหญ่ที่สุดและเป็นตัวแทนที่ดีที่สุดของป่ากึ่งเขตร้อน (Chinese Subtropical Forest) และป่าฝนทางใต้ของจีน (South Chinese Rainforest) ที่ยังคงความสมบูรณ์เป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งหลบภัยของพืชและสัตว์โบราณหายากหลายชนิด ควบคู่ไปกับความสำคัญทางวัฒนธรรมในฐานะศูนย์กลางการพัฒนาและการเผยแพร่ลัทธิขงจื๊อใหม่ (Neo-Confucianism) และแหล่งโบราณคดีที่สำคัญ รวมถึงเมืองหลวงเก่าของราชวงศ์ฮั่น (Han dynasty)
พื้นที่มรดกโลกภูเขาหวู่ยี่มีพื้นที่รวม 99,975 เฮกตาร์ และมีเขตกันชนเพิ่มเติมอีก 27,888 เฮกตาร์ แบ่งออกเป็นสี่ส่วนหลัก ได้แก่ เขตอนุรักษ์เชิงนิเวศลำธารเก้าโค้ง (Nine-bend Stream Ecological Protection Area) (36,400 เฮกตาร์) เขตอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งชาติหวู่ยี่ซาน (Wuyishan National Nature Reserve) (56,527 เฮกตาร์) พื้นที่ทัศนียภาพแห่งชาติหวู่ยี่ซาน (Wuyishan National Scenic Area) (7,000 เฮกตาร์) และพื้นที่คุ้มครองโบราณสถานราชวงศ์ฮั่นโบราณ (Protection Area for the Remains of the Ancient Han Dynasty) (48 เฮกตาร์) ภูเขาหวู่ยี่ยังได้รับการประกาศให้เป็นเขตสงวนชีวมณฑล (Biosphere Reserve) ภายใต้เครือข่ายชีวมณฑลโลกของ UNESCO ซึ่งช่วยเสริมสถานะการคุ้มครองในระดับสากลและระดับประเทศ
การอธิบายคุณค่าสากลอันโดดเด่น (Outstanding Universal Value Explanation)
ภูเขาหวู่ยี่ได้รับการยอมรับในฐานะแหล่งมรดกโลกที่มีคุณค่าสากลอันโดดเด่น โดยรวมเอาคุณค่าทางธรรมชาติที่บริสุทธิ์และคุณค่าทางวัฒนธรรมที่มีความสำคัญระดับโลกเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์
คุณค่าทางธรรมชาติ:
-
ความหลากหลายทางชีวภาพ: ภูเขาหวู่ยี่เป็นพื้นที่ที่มีความโดดเด่นที่สุดสำหรับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน และเป็นแหล่งหลบภัยของพืชพันธุ์โบราณหายากและพืชเฉพาะถิ่นจำนวนมาก โดยเป็นตัวอย่างที่ใหญ่ที่สุด สมบูรณ์ที่สุด และเป็นตัวแทนที่ดีที่สุดของป่ากึ่งเขตร้อน (Subtropical Forest) เมื่อเทียบกับพื้นที่อื่น ๆ ในละติจูดเดียวกัน มีการบันทึกชนิดพันธุ์พืชกว่า 2,888 ชนิด และสัตว์มีกระดูกสันหลัง 475 ชนิด ซึ่งสะท้อนถึงระบบนิเวศที่มีความหลากหลายและอุดมสมบูรณ์
-
ภูมิทัศน์ที่สวยงาม: พื้นที่แห่งนี้โดดเด่นด้วยหุบเขาแม่น้ำที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลำธารเก้าโค้ง (Jiuqu Creek) ที่มีทิวทัศน์อันงดงามของหน้าผาหินเรียบและน้ำใสลึกที่ไหลผ่านหินทรายสีแดง (Red sandstone) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของธรณีสัณฐานแบบแดงเซีย (Danxia landform) ภูเขาและหุบเขาที่สลับซับซ้อนสร้างภาพลักษณ์ที่สวยงามและเป็นแรงบันดาลใจให้กับกวีและศิลปินมานับศตวรรษ
-
ลักษณะทางธรณีวิทยา: ภูเขาหวู่ยี่เป็นส่วนหนึ่งของภูมิประเทศแบบธรณีสัณฐานแดงเซีย (Danxia landform) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะทางธรณีวิทยาที่เกิดจากการกัดกร่อนของหินทรายและหินกรวดมนสีแดง ก่อให้เกิดยอดหินขนาดใหญ่และหน้าผารูปทรงหลากหลายที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทำให้เกิดทัศนียภาพอันเป็นเอกลักษณ์
คุณค่าทางวัฒนธรรม:
-
แหล่งโบราณคดี: ภูเขาหวู่ยี่มีร่องรอยการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ย้อนหลังไปถึง 4,000 ปี ซึ่งเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บ่งชี้ถึงอารยธรรมโบราณที่เคยเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคนี้ ที่สำคัญคือซากของ เมืองโบราณเฉิงชุน (Chengcun Ancient Town Site) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรหมินเย่ว์ (Minyue kingdom) ในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (Western Han Dynasty) (202 ปีก่อนคริสต์ศักราช – คริสต์ศักราช 220 / พ.ศ. 341 – 763) รวมถึงการค้นพบ หีบศพรูปเรือ (Boat coffins) ที่แขวนอยู่ตามหน้าผา ซึ่งมีอายุย้อนไปถึงสมัยราชวงศ์ซาง (Shang Dynasty) (ศตวรรษที่ 17 – 11 ก่อนคริสต์ศักราช / ประมาณพุทธศตวรรษที่ 9) ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญของวัฒนธรรมการฝังศพโบราณ
-
ศูนย์กลางทางศาสนาและปรัชญา: ภูเขาหวู่ยี่เป็นศูนย์กลางสำคัญของลัทธิเต๋า (Taoism) และต่อมาคือศาสนาพุทธ (Buddhism) นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดและเผยแพร่ของ ลัทธิขงจื๊อใหม่ (Neo-Confucianism) ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อวัฒนธรรมและสังคมในเอเชียตะวันออกตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 (พุทธศตวรรษที่ 16) เป็นต้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปรัชญาเมธี จูซื่อ (Zhu Xi) ในศตวรรษที่ 12 (พุทธศตวรรษที่ 17) มีซากของสถาบันการศึกษา 35 แห่ง และวัดเต๋าและอารามมากกว่า 60 แห่ง กระจายอยู่ทั่วพื้นที่
-
ประเพณีการผลิตชา: ภูเขาหวู่ยี่มีชื่อเสียงระดับโลกในฐานะแหล่งผลิตชาอูหลง (Oolong tea) และชาดำ (Black tea) หลายชนิด เช่น ชาต้าหงผาว (Da Hong Pao) และชาลาปซางซูชง (Lapsang Souchong) ซึ่งรู้จักกันในชื่อรวมว่า "ชาหวู่ยี่" การปลูกชาในรอยแยกหินทำให้เกิดชาหินหวู่ยี่ (Wuyi Rock Tea) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
บริบททางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม (Historical and Architectural Context)
ภูเขาหวู่ยี่เป็นพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ยาวนานกว่า 4,000 ปี โดยมีหลักฐานทางโบราณคดีและสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงความสำคัญในฐานะศูนย์กลางของวัฒนธรรมหมินเย่ว์ (Minyue culture) ลัทธิเต๋า (Taoism) ศาสนาพุทธ (Buddhism) และลัทธิขงจื๊อใหม่ (Neo-Confucianism) ทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงามได้รับการปกป้องมานานกว่า 12 ศตวรรษ เนื่องจากมีการให้ความสำคัญกับระบบนิเวศและความเชื่อทางจิตวิญญาณ
รายละเอียดทางประวัติศาสตร์: ภูเขาหวู่ยี่มีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะศูนย์กลางของประเพณีปรัชญาและศาสนาต่างๆ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 (พุทธศตวรรษที่ 15) เป็นต้นมา ภูเขาหวู่ยี่ได้กลายเป็นหนึ่งในเก้าวัดเต๋า (Taoist Temples) ที่สำคัญที่สุดของจีน ต่อมาได้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและเผยแพร่ลัทธิขงจื๊อใหม่ (Neo-Confucianism) ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 (พุทธศตวรรษที่ 16) ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อปรัชญาและระบบการปกครองในเอเชียตะวันออกเป็นเวลาหลายศตวรรษ ปรัชญาเมธี จูซื่อ (Zhu Xi) ในศตวรรษที่ 12 (พุทธศตวรรษที่ 17) มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับภูเขาหวู่ยี่และลัทธิขงจื๊อใหม่ พระราชวังหวู่ยี่ (Wuyi Palace) ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 (พุทธศตวรรษที่ 12) เคยเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิดำเนินกิจกรรมการบูชายัญ และซากปรักหักพังยังคงปรากฏให้เห็นจนถึงปัจจุบัน
แหล่งโบราณคดีและสถาปัตยกรรม: ภูเขาหวู่ยี่มีแหล่งโบราณคดีที่โดดเด่นหลายแห่งที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของมนุษย์:
-
เมืองโบราณเฉิงชุน (Chengcun Ancient Town Site): ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราช (ปลายพุทธศตวรรษที่ 5 – ต้นพุทธศตวรรษที่ 6) โดยผู้ปกครองราชวงศ์ฮั่น (Han Dynasty) (202 ปีก่อนคริสต์ศักราช – คริสต์ศักราช 220 / พ.ศ. 341 – 763) เมืองหลวงขนาดใหญ่นี้ทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรหมินเย่ว์ (Minyue kingdom) ซากปรักหักพังที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีแสดงให้เห็นกำแพงขนาดมหึมา พระราชวัง พื้นที่อยู่อาศัย และระบบระบายน้ำที่ซับซ้อน ตั้งอยู่ห่างจากพื้นที่ทัศนียภาพหลักไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 15 กิโลเมตร
-
หีบศพรูปเรือ (Boat Coffins): ภายในถ้ำหินของภูเขาหวู่ยี่มีการค้นพบหีบศพไม้รูปเรือ ซึ่งมีอายุย้อนไปถึงสมัยราชวงศ์ซาง (Shang Dynasty) (ศตวรรษที่ 17 – 11 ก่อนคริสต์ศักราช / ประมาณพุทธศตวรรษที่ 9) ถือเป็นหีบศพแขวนที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบในจีน และให้ข้อมูลอันล้ำค่าเกี่ยวกับวัฒนธรรมหมินเย่ว์ (Minyue culture) ที่สาบสูญไป
-
วัดวาอารามและสถาบันการศึกษา: ภูมิภาคนี้มีซากปรักหักพังของวัดเต๋า (Taoist temples) และอารามมากกว่า 60 แห่ง รวมถึงสถาบันการศึกษา 35 แห่งที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ (Northern Song) จนถึงราชวงศ์ชิง (Qing dynasty) แม้ว่าหลายแห่งจะเหลือเพียงซากที่ไม่สมบูรณ์ แต่ก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของพื้นที่ในฐานะศูนย์กลางทางศาสนาและการศึกษา พระราชวังหวู่ยี่ (Wuyi Palace) เป็นที่ยอมรับว่าเป็นวัดเต๋าที่เก่าแก่ที่สุดในพื้นที่ ในบรรดาสถานที่ทางพุทธศาสนา วัดพุทธหย่งเล่อ (Yongle Buddhist Temple) หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดพุทธเทียนซินหย่งเล่อ (Tianxin Yongle Buddhist Temple) เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขาหวู่ยี่ วัดที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ วัดเทียนเฉิง (Tian Cheng Temple) สร้างขึ้นในปีคริสต์ศักราช 1707 (พ.ศ. 2250) ซึ่งมีการแกะสลักนูนต่ำขนาดใหญ่ของเจ้าแม่กวนอิม และ วัดฮุ่ยหยวน (Huiyuan Temple) หรือ วัดฝูหัว (Fuhua Temple) ซึ่งสร้างในสมัยราชวงศ์ซ่ง (Song Dynasty) ถ้ำเถาฉวน (Peach Spring Grotto) มีวัดเต๋าหลายแห่ง ในขณะที่ตามตำนานกล่าวว่าเคยมีวัดเต๋า 99 แห่ง แต่ปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่แห่งที่ยังคงดำเนินงานอยู่ ถ้ำม่านน้ำ (Water Curtain Cave) ก็มีโบราณวัตถุและซากปรักหักพังของวัดโบราณเช่นกัน
-
สถาบันการศึกษา: ภูเขาหวู่ยี่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและเผยแพร่ลัทธิขงจื๊อใหม่ (Neo-Confucianism) สู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออก ดังที่สะท้อนให้เห็นในซากของสถาบันการศึกษา 35 แห่งที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ราชวงศ์ซ่งเหนือ (Northern Song) จนถึงราชวงศ์ชิง (Qing dynasties) สถาบันการศึกษาจื่อหยาง (Ziyang Shuyuan) เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงซึ่งก่อตั้งขึ้นในปีคริสต์ศักราช 1183 (พ.ศ. 1726) โดยปรัชญาเมธี จูซื่อ (Zhu Xi) และเจริญรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 18 (พุทธศตวรรษที่ 23) และ 19 (พุทธศตวรรษที่ 24) ซากปรักหักพังที่ได้รับการบูรณะบางส่วนยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ สถาบันการศึกษาเอ๋อหู (E'hu Academy) ก็เป็นอาคารโบราณที่สำคัญที่แสดงถึงระบบปรัชญาขงจื๊อใหม่ของจูซื่อในศตวรรษที่ 11 (พุทธศตวรรษที่ 16) สถาบันการศึกษาหวู่ยี่ (Wuyi Academy) ก็เป็นอีกหนึ่งสถาบันการศึกษาทางประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นในพื้นที่
จุดเด่นที่สำคัญ (Key Highlights)
ภูเขาหวู่ยี่นำเสนอประสบการณ์อันน่าประทับใจสำหรับผู้เยี่ยมชม ด้วยการผสมผสานระหว่างธรรมชาติอันตระการตาและมรดกทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่า:
-
ลำธารเก้าโค้ง (Jiuqu Creek): การล่องแพไม้ไผ่ไปตามลำธารเก้าโค้ง (Nine-bend Stream) ถือเป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด เพื่อชมทัศนียภาพอันงดงามของยอดเขาหินทรายแดง (Red sandstone peaks) หน้าผาสูงชัน และน้ำใสสะอาดสะท้อนเงาของธรรมชาติ
-
ธรณีสัณฐานแดงเซีย (Danxia Landform): เป็นลักษณะทางธรณีวิทยาที่เป็นเอกลักษณ์ของภูเขาหวู่ยี่ ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะตามธรรมชาติของหินทรายแดง ทำให้เกิดภูมิทัศน์ที่แปลกตาและน่าทึ่งด้วยยอดเขาและหินรูปทรงต่างๆ
-
ความหลากหลายทางชีวภาพ: พื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งรวมของความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็นที่อยู่อาศัยของป่ากึ่งเขตร้อน (Subtropical forest) ที่ยังคงความสมบูรณ์และเป็นแหล่งหลบภัยของพืชและสัตว์หายากหลายชนิด
-
เมืองโบราณเฉิงชุน (Chengcun Ancient Town Site): แหล่งโบราณคดีที่สำคัญ ซึ่งเป็นซากของเมืองหลวงของอาณาจักรหมินเย่ว์ (Minyue kingdom) ในสมัยราชวงศ์ฮั่น (Han Dynasty) ที่เผยให้เห็นโครงสร้างกำแพงเมือง พระราชวัง และระบบสาธารณูปโภคโบราณ
-
หีบศพรูปเรือ (Boat Coffins): หลักฐานอันลึกลับของวัฒนธรรมการฝังศพโบราณ ที่พบหีบศพไม้รูปเรือแขวนอยู่ตามหน้าผา ซึ่งเป็นมุมมองที่ไม่เหมือนใครสู่ประเพณีของชนเผ่าหมินเย่ว์
-
พระราชวังหวู่ยี่ (Wuyi Palace): สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนา ซึ่งเป็นวัดเต๋า (Taoist temple) ที่เก่าแก่ที่สุดในพื้นที่ และเคยเป็นสถานที่สำหรับพิธีบูชายัญของจักรพรรดิ
-
ศูนย์กลางลัทธิขงจื๊อใหม่ (Neo-Confucianism Center): ภูเขาหวู่ยี่เป็นแหล่งกำเนิดและเผยแพร่ของลัทธิขงจื๊อใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันการศึกษาที่เชื่อมโยงกับปรัชญาเมธีจูซื่อ (Zhu Xi) เช่น สถาบันการศึกษาจื่อหยาง (Ziyang Shuyuan) ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงบทบาทสำคัญของภูมิภาคนี้ในการพัฒนาทางปัญญาของเอเชียตะวันออก
-
การผลิตชา: ภูเขาหวู่ยี่มีชื่อเสียงระดับโลกในฐานะแหล่งผลิตชาคุณภาพสูง โดยเฉพาะชาต้าหงผาว (Da Hong Pao) และชาลาปซางซูชง (Lapsang Souchong) รวมถึงชาหินหวู่ยี่ (Wuyi Rock Tea) ที่มีเอกลักษณ์ ผู้เยี่ยมชมสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับประเพณีการผลิตชาอันเก่าแก่
-
ยอดเขาและถ้ำ: เพลิดเพลินกับการสำรวจยอดเขาต่างๆ เช่น ยอดเขาเทียนโหย่ว (Tianyou Peak), หูเสี้ยวร็อก (Huxiao Rock), อี้เซี่ยนเทียน (Yixiantian), และยอดเขาหยกสาว (Jade Maiden Peak) รวมถึงถ้ำต่างๆ เช่น ถ้ำม่านน้ำ (Water Curtain Cave) ซึ่งนำเสนอทิวทัศน์ธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ
คู่มือผู้เยี่ยมชมและข้อบังคับ (Visitor Guide and Regulations)
อุทยานแห่งชาติหวู่ยี่ซาน (Wuyishan National Park) ซึ่งบริหารจัดการแหล่งมรดกโลกแห่งนี้ ได้กำหนดข้อบังคับและคำแนะนำสำหรับผู้เยี่ยมชมเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการท่องเที่ยวและการอนุรักษ์
กฎระเบียบสำหรับผู้เยี่ยมชม (จากอุทยานแห่งชาติหวู่ยี่ซาน):
-
ปฏิสัมพันธ์กับสัตว์ป่า: ห้ามจอดรถบนถนนโดยไม่จำเป็นหากพบเห็นสัตว์ป่า เพื่อหลีกเลี่ยงการกีดขวางการจราจร ควรรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากสัตว์ป่า หากการปรากฏตัวของท่านทำให้สัตว์เปลี่ยนพฤติกรรม แสดงว่าท่านอยู่ใกล้เกินไป ห้ามให้อาหารมนุษย์แก่สัตว์ เพราะเป็นอันตรายต่อสุขภาพสัตว์และอาจนำไปสู่ปัญหาการแย่งชิงอาหาร
-
สัตว์เลี้ยง: โดยทั่วไปไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าในพื้นที่คุ้มครอง ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต สัตว์เลี้ยงต้องอยู่ภายใต้การดูแลและรักษาระยะห่างอย่างน้อย 30.5 เมตร (100 ฟุต) จากถนนหรือลานจอดรถ ห้ามปล่อยสัตว์เลี้ยงโดยไม่มีคนดูแลหรือผูกไว้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงมีหน้าที่รับผิดชอบในการเก็บและกำจัดของเสียจากสัตว์เลี้ยง
-
กิจกรรมทางน้ำ: ห้ามตกปลา ลุยน้ำ หรือข้ามลำธารภายในพื้นที่คุ้มครอง การว่ายน้ำเป็นอันตรายและถูกห้ามในแหล่งน้ำหลายแห่งเนื่องจากอุณหภูมิที่เย็นจัดและกระแสน้ำที่เชี่ยว
-
อาวุธและการเก็บของ: ห้ามล่าสัตว์และห้ามพกพาอาวุธปืน ห้ามครอบครองและใช้อาวุธปืนอัดลม ธนูและลูกธนู หอก และหนังสติ๊ก ห้ามเก็บตัวอย่างโดยไม่ได้รับอนุญาต
-
การปั่นจักรยานและการขับขี่: เมื่อปั่นจักรยาน ควรปั่นเรียงแถวเดียว ผู้ขับขี่รถยนต์ควรรักษาระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร (3 ฟุต) จากจักรยานและคนเดินเท้า โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีกระจกมองข้างขนาดใหญ่ และควรลดความเร็วบนถนนบนภูเขาเพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการตอบสนองต่อการปรากฏตัวของสัตว์ป่าอย่างกะทันหัน
-
การตั้งแคมป์: ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติหวู่ยี่ซานไม่มีพื้นที่ตั้งแคมป์สำหรับบุคคลภายนอก และไม่อนุญาตให้ตั้งแคมป์โดยพลการ ห้ามตั้งแคมป์หรือจอดรถค้างคืนข้างถนน ในลานจอดรถ หรือพื้นที่ปิกนิก สำหรับที่พักในพื้นที่ทงมู่ (Tongmu) ผู้เยี่ยมชมสามารถติดต่อศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติหวู่ยี่ซาน (0599-5272021) เพื่อจองที่พักในย่านที่อยู่อาศัยซานกัง (Sangang residential area)
-
การจัดการขยะ: อาหาร ขยะ และสิ่งของที่มีกลิ่นทั้งหมดต้องเก็บไว้ในรถอย่างปลอดภัย ขยะไม่ว่าจะใส่ถุงหรือไม่ใส่ถุงอาจดึงดูดสัตว์ ผู้เยี่ยมชมควรนำขยะกลับไป หรือทิ้งในถังขยะรีไซเคิลที่กำหนด
ข้อมูลการท่องเที่ยว:
-
เวลาทำการ:
-
ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึง 30 พฤศจิกายน: พื้นที่ทัศนียภาพเปิดเวลา 06:30 น. ถึง 18:00 น.
-
ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ถึง 28 กุมภาพันธ์ของปีถัดไป: เปิดเวลา 07:00 น. ถึง 17:00 น.
-
-
ข้อมูลบัตรเข้าชม (ณ เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2023 / พ.ศ. 2566): พื้นที่ทัศนียภาพหลักมีนโยบายเข้าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาประเทศจีน ซึ่งมีผลจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566) รวมถึงช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ ผู้เยี่ยมชมจำเป็นต้องทำการจองล่วงหน้าผ่านบัญชีสาธารณะ WeChat อย่างเป็นทางการ "China Wuyishan" (中国武夷山) และแสดงบัตรประจำตัวที่ถูกต้องเพื่อใช้สิทธิ์เข้าฟรี
-
นโยบายเข้าฟรีนี้ ไม่รวม ค่าโดยสารรถรับส่งภายในสถานที่ (Sightseeing shuttle bus) และบัตรล่องแพไม้ไผ่ ซึ่งต้องซื้อแยกต่างหาก
-
รถรับส่งภายในสถานที่: ค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระยะเวลา (เช่น 70 หยวนสำหรับ 1 วัน, 85 หยวนสำหรับ 2 วัน, 95 หยวนสำหรับ 3 วัน)
-
การล่องแพไม้ไผ่ (ลำธารเก้าโค้ง): 130 หยวนต่อคน ใช้ได้หนึ่งครั้ง บัตรนี้ต้องซื้อสำหรับทุกคนที่ล่องแพ รวมถึงเด็กที่อาจได้รับสิทธิ์เข้าฟรีในพื้นที่หลัก
-
-
การจองและการเข้าชม: โดยทั่วไปแล้ว การเข้าอุทยานต้องมีการจองล่วงหน้าผ่านบัญชีสาธารณะ WeChat อย่างเป็นทางการ "China Wuyishan"
-
การเดินทางภายในพื้นที่ทัศนียภาพ: รถบัสรับส่งครอบคลุมทางเข้าทุกแหล่งท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงจุดต่างๆ ได้ง่าย เนื่องจากระยะทางระหว่างทางเข้าด้านทิศใต้และทิศเหนือกับแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ และถนนที่แคบ จึงแนะนำให้ใช้รถรับส่งของพื้นที่ทัศนียภาพ สำหรับส่วนทิศใต้ (เช่น ท่าเรือล่องแพไม้ไผ่, ยอดเขาเทียนโหย่ว, หูเสี้ยวร็อก, อี้เซี่ยนเทียน, ยอดเขาหยกสาว, พระราชวังหวู่ยี่) ควรขึ้นรถบัสจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวทางเข้าทิศใต้ สำหรับส่วนทิศเหนือ (เช่น ต้าหงผาว, ถ้ำม่านน้ำ) ควรใช้ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวทางเข้าทิศเหนือ
-
ระยะเวลาที่แนะนำ: โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้เวลา 2-3 วันในการเยี่ยมชมภูเขาหวู่ยี่ให้ครบถ้วน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงข้อเสนอพิเศษในท้องถิ่น พอร์ทัลการจอง และคู่มือการเดินทาง ขอแนะนำให้ค้นหาบัญชีสาธารณะ WeChat อย่างเป็นทางการ "China Wuyishan" เว็บไซต์ของสำนักงานบริหารอุทยานแห่งชาติหวู่ยี่ซานมณฑลฝูเจี้ยน (武夷山国家公园福建管理局) ยังให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาจีน
บทสรุป (Conclusion)
ภูเขาหวู่ยี่ (Mount Wuyi) เป็นแหล่งมรดกโลกที่สะท้อนถึงความกลมกลืนอันน่าทึ่งระหว่างคุณค่าทางธรรมชาติและวัฒนธรรม โดยยืนหยัดเป็นศูนย์กลางทางชีวภาพที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ด้วยป่ากึ่งเขตร้อนที่ยังคงความสมบูรณ์และความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตนานาชนิด ในขณะเดียวกันก็เป็นพยานถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ อารยธรรมหมินเย่ว์ (Minyue culture) และการเป็นแหล่งกำเนิดและศูนย์กลางการเผยแพร่ของลัทธิเต๋า (Taoism) ศาสนาพุทธ (Buddhism) และโดยเฉพาะอย่างยิ่งลัทธิขงจื๊อใหม่ (Neo-Confucianism) สถาปัตยกรรมและแหล่งโบราณคดีที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ตั้งแต่เมืองโบราณเฉิงชุน (Chengcun Ancient Town Site) ไปจนถึงหีบศพรูปเรือ (Boat coffins) และสถาบันการศึกษาต่างๆ ล้วนเป็นหลักฐานที่จับต้องได้ของภูมิปัญญาและวิถีชีวิตในอดีต ผสานกับภูมิทัศน์ธรรมชาติอันตระการตาของธรณีสัณฐานแดงเซีย (Danxia landform) และลำธารเก้าโค้ง (Jiuqu Creek) ที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนมาหลายยุคสมัย การเป็นแหล่งมรดกโลกของภูเขาหวู่ยี่จึงไม่เพียงแต่เป็นการปกป้องความงามทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นการธำรงรักษาจิตวิญญาณแห่งภูมิปัญญาและมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของมนุษยชาติไว้ให้คงอยู่สืบไป
.
-------------------------
ที่มา
- https://whc.unesco.org/en/list
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
-------------------------
------------------------
.
