2000 สุสานจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงและชิง (Imperial Tombs of the Ming and Qing Dynasties)
google map
สุสานจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงและชิง: มรดกสถาปัตยกรรมและปรัชญาอันเป็นสากล
สุสานจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงและชิง (Imperial Tombs of the Ming and Qing Dynasties) เป็นแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโกที่รวบรวมหมู่สุสานหลวงของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงและชิงของจีน ซึ่งถูกสร้างขึ้นระหว่างปีคริสต์ศักราช 1368 ถึง 1915 (พ.ศ. 1911 - 2458) สุสานเหล่านี้กระจายอยู่ในหลายมณฑลของจีน ได้แก่ เทศบาลนครปักกิ่ง (Beijing Municipality), เหอเป่ย (Hebei), หูเป่ย (Hubei), เจียงซู (Jiangsu) และเหลียวหนิง (Liaoning)
แหล่งมรดกแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนในบัญชีมรดกโลกครั้งแรกในปีคริสต์ศักราช 2000 (พ.ศ. 2543) และมีการขยายขอบเขตการขึ้นทะเบียนเพิ่มเติมในปีคริสต์ศักราช 2003 (พ.ศ. 2546) และ 2004 (พ.ศ. 2547) การกำหนดนี้ครอบคลุมถึงหมู่สุสานสำคัญหลายแห่ง อาทิ สุสานหมิงเสี้ยวหลิง (Ming Xiaoling Tomb), สุสานราชวงศ์หมิง (Ming Tombs หรือ Shisanling) ในปักกิ่ง, สุสานราชวงศ์ชิงตะวันออก (Eastern Qing Tombs) และสุสานราชวงศ์ชิงตะวันตก (Western Qing Tombs) รวมถึงสุสานจักรพรรดิสามแห่งแห่งเสิ่นหยาง (Three Imperial Tombs of Shenyang) อันได้แก่ ยงหลิง (Yongling), ฟู่หลิง (Fuling) และจ่าวหลิง (Zhaoling)
คำอธิบายคุณค่าโดดเด่นเป็นสากล (Outstanding Universal Value)
สุสานจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงและชิงได้รับการยอมรับในคุณค่าโดดเด่นเป็นสากลภายใต้เกณฑ์ของยูเนสโกหลายประการ:
-
เกณฑ์ (i): สุสานเหล่านี้ถือเป็นผลงานชิ้นเอกแห่งอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ของมนุษย์ เนื่องจากมีการผสานรวมกลุ่มสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเข้ากับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน โดยเลือกตำแหน่งที่ตั้งตามหลักฮวงจุ้ย (Fengshui)
-
เกณฑ์ (ii): สุสานเหล่านี้แสดงถึงระยะสำคัญในการพัฒนาสุสานหลวง โดยเป็นการรวบรวมประเพณีเดิมและเป็นรากฐานสำหรับการวิวัฒนาการทางสถาปัตยกรรมในยุคต่อมา
-
เกณฑ์ (iii): สุสานหลวงเหล่านี้เป็นประจักษ์พยานอันเป็นเอกลักษณ์ของประเพณีทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่มีอิทธิพลต่อพื้นที่กว้างใหญ่เป็นเวลากว่าห้าศตวรรษ
-
เกณฑ์ (iv): หมู่สถาปัตยกรรมที่ผสานเข้ากับภูมิทัศน์ธรรมชาติอย่างลงตัวนี้ ก่อให้เกิดภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสุสานหลวงจีนโบราณ
-
เกณฑ์ (vi): สุสานเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อ โลกทัศน์ และทฤษฎีฮวงจุ้ยที่แพร่หลายในสังคมจีนยุคศักดินาได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังเป็นสถานที่ฝังพระศพของบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเป็นฉากหลังของเหตุการณ์สำคัญต่างๆ
การเลือกที่ตั้ง การวางแผน และการออกแบบสุสานสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดทางปรัชญา "ความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ" (harmony between man and nature) และกฎเกณฑ์ของลำดับชั้นทางสังคม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวคิดเกี่ยวกับโลกและอำนาจในช่วงปลายของสังคมจีนโบราณ สุสานเหล่านี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้ปกครองราชวงศ์หมิงและชิงให้กับการสร้างสุสานที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงถึงความเชื่อในชีวิตหลังความตายเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันถึงอำนาจของพระองค์ด้วย สถาปัตยกรรมมีการผสมผสานองค์ประกอบของอารยธรรมฮั่น (Han) และแมนจู (Manchu) เข้าไว้ด้วยกัน โดยมีเครื่องตกแต่งที่วิจิตรงดงาม เช่น รูปปั้นหิน งานแกะสลัก และกระเบื้องที่มีลวดลายมังกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสุสานของราชวงศ์ชิง
บริบททางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม
สุสานจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงและชิงเป็นกลุ่มโบราณสถานที่สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของการปกครองแบบจักรพรรดิในจีน ย้อนไปตั้งแต่การก่อตั้งราชวงศ์หมิงในปีคริสต์ศักราช 1368 (พ.ศ. 1911) จนถึงการล่มสลายของราชวงศ์ชิงในปีคริสต์ศักราช 1912 (พ.ศ. 2455) และการสร้างสุสานสุดท้ายในปีคริสต์ศักราช 1915 (พ.ศ. 2458)
ในเชิงประวัติศาสตร์ สุสานเหล่านี้เป็นสถานที่ฝังพระศพของจักรพรรดิและพระบรมวงศานุวงศ์ตลอดระยะเวลากว่าห้าศตวรรษ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จีนมีความเจริญรุ่งเรืองและมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างมาก การก่อสร้างสุสานมิได้เป็นเพียงแค่พิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ ความมั่งคั่ง และความเชื่อในชีวิตหลังความตายของจักรพรรดิแต่ละพระองค์ รายละเอียดทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการเลือกสถานที่ การออกแบบ และการก่อสร้างล้วนเป็นข้อเท็จจริงที่บันทึกไว้ และสอดคล้องกับหลักการปกครองและวัฒนธรรมในแต่ละยุคสมัย ไม่มีตำนานหรือเรื่องเล่าเหนือธรรมชาติที่โดดเด่นในการอธิบายการก่อสร้างหรือลักษณะของสุสานเหล่านี้
ด้านสถาปัตยกรรม สุสานเหล่านี้มีความโดดเด่นในการผสมผสานรูปแบบของอารยธรรมฮั่นและแมนจู การเลือกที่ตั้งของสุสานมักอิงตามหลักฮวงจุ้ย (Fengshui) อย่างเคร่งครัด ซึ่งเน้นการจัดวางอาคารให้สอดคล้องกับภูมิทัศน์ธรรมชาติ เช่น ภูเขาและสายน้ำ เพื่อให้เกิดความสมดุลและความเป็นสิริมงคล การออกแบบโดยรวมสะท้อนแนวคิด "ความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ" และแสดงถึงลำดับชั้นทางสังคมอย่างชัดเจนผ่านขนาด ความยิ่งใหญ่ และรายละเอียดการตกแต่ง
องค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่สำคัญได้แก่:
-
ทางศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Way หรือ Spirit Way): เป็นเส้นทางหลักสู่สุสาน ซึ่งมักเรียงรายด้วยรูปปั้นหินของสัตว์และข้าราชบริพาร โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำวิญญาณของจักรพรรดิไปสู่โลกหลังความตายอย่างสง่างาม
-
อาคารสุสาน: ประกอบด้วยสิ่งปลูกสร้างหลัก เช่น ประตูทางเข้า ศาลาอนุสรณ์ (Stele Pavilions), ห้องโถงประกอบพิธี (Sacrificial Halls) และห้องพระศพใต้ดิน (Underground Palaces)
-
การตกแต่ง: มีความประณีตงดงามด้วยงานแกะสลักหิน รูปปั้น กระเบื้องเคลือบ และลวดลายมังกร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจจักรพรรดิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสุสานของราชวงศ์ชิง จะพบเห็นการผสมผสานศิลปะของทั้งสองวัฒนธรรมได้อย่างชัดเจน
การก่อสร้างไม่ได้ระบุหน่วยวัดเมตริกโดยละเอียดในข้อมูลที่ได้รับ แต่ลักษณะทางสถาปัตยกรรมแสดงถึงความยิ่งใหญ่และสัดส่วนที่คำนวณมาอย่างดี เพื่อสร้างความประทับใจและความศักดิ์สิทธิ์แก่ผู้มาเยือน
จุดเด่นสำคัญ (Key Highlights)
สุสานจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงและชิงประกอบด้วยสถานที่สำคัญหลายแห่งที่ล้วนแสดงถึงความยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม:
-
สุสานหมิงเสี้ยวหลิง (Ming Xiaoling Tomb): ตั้งอยู่ในเมืองหนานจิง (Nanjing) เป็นสุสานของจักรพรรดิหงหวู่ (Hongwu Emperor) ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง และจักรพรรดินีหม่า (Empress Ma) เป็นต้นแบบของการสร้างสุสานหมิงในเวลาต่อมา
-
สุสานราชวงศ์หมิง (Ming Tombs หรือ Shisanling): ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปักกิ่ง เป็นกลุ่มสุสานของจักรพรรดิ 13 พระองค์ในราชวงศ์หมิง (ยกเว้นจักรพรรดิหงหวู่และจักรพรรดิจิงไท่ Jingtai) ในกลุ่มนี้ สุสานติงหลิง (Dingling Tomb) มีความพิเศษเนื่องจากเป็นสุสานเดียวที่ได้รับการขุดค้นและเปิดให้สาธารณชนเข้าชมพระราชวังใต้ดิน (Underground Palace)
-
ทางศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Way หรือ Spirit Way): เป็นทางเข้าสู่สุสานราชวงศ์หมิงที่โดดเด่นด้วยรูปปั้นหินขนาดใหญ่ของสัตว์ในตำนานและบุคคลสำคัญ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการปกปักษ์รักษาและแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิ
-
สุสานราชวงศ์ชิงตะวันออก (Eastern Qing Tombs) และสุสานราชวงศ์ชิงตะวันตก (Western Qing Tombs): เป็นที่ฝังพระศพของจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ชิงหลายพระองค์ โดยเฉพาะสุสานของจักรพรรดินีซูสีไทเฮา (Empress Dowager Cixi) ที่สุสานราชวงศ์ชิงตะวันออก มีความวิจิตรงดงามเป็นพิเศษ สถาปัตยกรรมของสุสานราชวงศ์ชิงสะท้อนถึงการผสมผสานระหว่างรูปแบบฮั่นและแมนจูได้อย่างลงตัว
-
สุสานจักรพรรดิสามแห่งแห่งเสิ่นหยาง (Three Imperial Tombs of Shenyang): ประกอบด้วย ยงหลิง (Yongling), ฟู่หลิง (Fuling) และจ่าวหลิง (Zhaoling) ซึ่งเป็นสุสานบรรพบุรุษและจักรพรรดิยุคแรกของราชวงศ์ชิง แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการสร้างสุสานในระยะเริ่มต้นของราชวงศ์
แนวคิดหลักที่เชื่อมโยงจุดเด่นทั้งหมดคือปรัชญา "ความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ" และการยึดหลักฮวงจุ้ย (Fengshui) ในการเลือกที่ตั้งและการออกแบบ เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์และพลังงานที่ดีแก่ผู้ล่วงลับและผู้สืบทอด
สุสานจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงและชิง เป็นแหล่งมรดกโลกที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง สะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมของจักรวรรดิจีนในช่วงกว่าห้าศตวรรษ การผสานรวมอย่างลงตัวระหว่างงานสถาปัตยกรรมอันวิจิตรกับภูมิทัศน์ธรรมชาติภายใต้หลักฮวงจุ้ย ทำให้สุสานเหล่านี้เป็นประจักษ์พยานที่โดดเด่นถึงความเชื่อ แนวคิด และเทคนิคการก่อสร้างของยุคสมัยนั้นๆ การเป็นมรดกโลกภายใต้เกณฑ์อันหลากหลายของยูเนสโก ยิ่งตอกย้ำถึงคุณค่าโดดเด่นเป็นสากลที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และศึกษา เพื่อเป็นบทเรียนอันล้ำค่าแห่งอารยธรรมมนุษย์สืบไป
.
-------------------------
ที่มา
- https://whc.unesco.org/en/list
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
-------------------------
------------------------
.
