iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ

2001 ถ้ำผาหยุนกัง (Yungang Grottoes)

 

google map

ถ้ำผาหยุนกัง: มรดกโลกแห่งพุทธศิลป์อันรุ่งโรจน์ ณ แคว้นซานซี(Yungang Grottoes: A Glorious World Heritage of Buddhist Art in Shanxi)

ถ้ำผาหยุนกัง (Yungang Grottoes) ตั้งอยู่ ณ เมืองต้าถง (Datong) มณฑลซานซี (Shanxi) สาธารณรัฐประชาชนจีน นับเป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของศิลปะถ้ำพุทธศาสนาซึ่งถือกำเนิดขึ้นในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 5 (พุทธศตวรรษที่ 10) ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 6 (พุทธศตวรรษที่ 11) ระหว่างรัชสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ (Northern Wei Dynasty) สถานที่แห่งนี้ประกอบด้วยถ้ำและซอกหิน (niches) รวม 252 แห่ง ประดิษฐานพระพุทธรูปประมาณ 51,000 องค์ ภายในพื้นที่แกะสลักรวม 18,000 ตารางเมตร โดยทอดยาวเลียบริมหน้าผาหินทรายของเทือกเขาอูโจว (Wuzhou Mountains) ประมาณ 1 กิโลเมตรถ้ำผาหยุนกังได้รับการยกย่องว่าเป็นความสำเร็จอันยอดเยี่ยมในศิลปะถ้ำพุทธศาสนาของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ถ้ำทั้งห้าที่สร้างโดยพระทันเหยา" (Five Caves created by Tan Yao) ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นเอกคลาสสิกที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างเคร่งครัดในผังและรูปแบบการออกแบบ สะท้อนถึงจุดสูงสุดแรกเริ่มของพุทธศิลป์จีน การก่อสร้างถ้ำเหล่านี้ดำเนินการภายใต้พระราชโองการของจักรพรรดิ แสดงถึงเจตจำนงของรัฐในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาในยุคราชวงศ์เว่ยเหนือองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศขึ้นทะเบียนถ้ำผาหยุนกังเป็นแหล่งมรดกโลก (World Heritage Site) ในปี ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) โดยพิจารณาว่าเป็น "ผลงานชิ้นเอกของศิลปะถ้ำพุทธศาสนาจีนยุคแรก" ที่แสดงถึงการผสมผสานอันประสบความสำเร็จของศิลปะสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาจากเอเชียใต้และเอเชียกลางเข้ากับขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมจีน ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 5 (พุทธศตวรรษที่ 10) ภายใต้การอุปถัมภ์ของจักรพรรดิคุณค่าสากลอันโดดเด่น (Outstanding Universal Value)ถ้ำผาหยุนกังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกตามเกณฑ์ทางวัฒนธรรม 4 ประการ ซึ่งรับรองคุณค่าสากลอันโดดเด่นในฐานะผลงานชิ้นเอกของศิลปะถ้ำพุทธศาสนาจีนยุคแรกเริ่ม และเป็นตัวอย่างสำคัญของการผสมผสานทางวัฒนธรรมและอิทธิพลทางศาสนา

  • เกณฑ์ (i): เป็นตัวแทนที่แสดงถึงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ของมนุษย์ (Masterpiece of human creative genius) ประติมากรรมภายในถ้ำผาหยุนกังถือเป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปะถ้ำพุทธศาสนาจีนยุคแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ำทั้งห้าที่สร้างโดยพระทันเหยา (Tan Yao) ซึ่งมีผังและรูปแบบการออกแบบที่เคร่งครัด ถือเป็นผลงานคลาสสิกที่โดดเด่นในช่วงรุ่งเรืองสูงสุดของพุทธศิลป์จีน
  • เกณฑ์ (ii): มีการแสดงออกถึงการแลกเปลี่ยนคุณค่าของมนุษย์ที่สำคัญในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือในพื้นที่วัฒนธรรมใดวัฒนธรรมหนึ่งของโลก ผ่านการพัฒนาทางด้านสถาปัตยกรรม หรือทางเทคโนโลยีที่โดดเด่น การวางผังเมือง หรือการออกแบบภูมิทัศน์ (Interchange of human values) ศิลปะถ้ำหยุนกังแสดงถึงการผสมผสานที่ประสบความสำเร็จระหว่างศิลปะสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาจากเอเชียใต้และเอเชียกลางเข้ากับการแสดงออกทางวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 5 (พุทธศตวรรษที่ 10) ภายใต้การอุปถัมภ์ของจักรพรรดิ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงยุคแห่งการแลกเปลี่ยนทางศาสนาและศิลปะที่มีความสำคัญยิ่ง
  • เกณฑ์ (iii): เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานที่โดดเด่น หรือเป็นเอกลักษณ์ของประเพณีวัฒนธรรมที่ยังคงมีอยู่ หรือที่สาบสูญไปแล้ว (Bearing unique testimony to a cultural tradition or to a civilization) ถ้ำเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพลังและความคงทนของความเชื่อในพระพุทธศาสนาในประเทศจีนอย่างชัดเจน เป็นประจักษ์พยานอันเป็นเอกลักษณ์ของการปฏิบัติทางสถาปัตยกรรมและศิลปะที่สาบสูญไปแล้วของราชวงศ์เว่ยเหนือ
  • เกณฑ์ (iv): เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้าง สถาปัตยกรรม หรือกลุ่มอาคาร สถาปัตยกรรม หรือเทคโนโลยี หรือภูมิทัศน์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาที่สำคัญหนึ่งๆ หรือหลายช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ (Illustrative of a significant stage in human history) ประเพณีพุทธศิลป์ถ้ำบรรลุผลกระทบครั้งสำคัญครั้งแรกที่หยุนกัง ที่ซึ่งได้พัฒนาลักษณะเฉพาะและพลังทางศิลปะของตนเอง ถือเป็นประเภทตัวอย่างของการแกะสลักหินอนุสรณ์สถานในยุคนั้น

บริบททางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม (Historical and Architectural Context)

รายละเอียดทางประวัติศาสตร์การก่อสร้างถ้ำผาหยุนกัง เกิดขึ้นเป็นหลักในรัชสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ (ค.ศ. 386-534 / พ.ศ. 1929-2077) โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างปี ค.ศ. 460-525 (พ.ศ. 2003-2068) โครงการนี้ริเริ่มโดยจักรพรรดิเหวินเฉิง (Emperor Wencheng) ภายใต้การนำของพระภิกษุผู้ทรงเกียรติ พระทันเหยา (Tan Yao) ในปี ค.ศ. 460 (พ.ศ. 2003) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อพระพุทธศาสนาโดยรัฐในยุคสมัยนั้นตลอดประวัติศาสตร์ ถ้ำแห่งนี้ได้ผ่านช่วงเวลาของการบูรณะและเสียหาย ในสมัยราชวงศ์เหลียว (Liao Dynasty) มีการบูรณะพระพุทธรูปบางส่วน และระหว่างปี ค.ศ. 1049-1060 (พ.ศ. 1592-1603) มีการสร้างวิหาร 10 แห่งเพื่อปกป้องถ้ำหลัก แต่ต่อมาถูกทำลายด้วยอัคคีภัย ศาลาไม้ที่เห็นอยู่ด้านหน้าถ้ำที่ 5 และ 6 ในปัจจุบันสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1621 (พ.ศ. 2164) ในช่วงต้นราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty) สถานที่แห่งนี้เผชิญกับความเสียหายจากปัจจัยต่างๆ เช่น สงคราม ภัยธรรมชาติ และการปฏิวัติวัฒนธรรม (Cultural Revolution)ความพยายามในการอนุรักษ์อย่างจริงจังเริ่มต้นขึ้นหลังการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยถ้ำผาหยุนกังได้รับการขึ้นทะเบียนโดยคณะมนตรีแห่งรัฐ (State Council) ให้เป็นหนึ่งในกลุ่มแรกของ "แหล่งคุ้มครองสำคัญของรัฐ" (State Priority Protected Sites) ในปี ค.ศ. 1961 (พ.ศ. 2504) สถาบันเฉพาะทางซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ "สถาบันวิจัยถ้ำผาหยุนกัง" (Yungang Grottoes Research Academy) ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อการคุ้มครอง การเฝ้าระวัง และการบำรุงรักษาประจำวัน พร้อมกับการดำเนินโครงการปรับปรุงสิ่งแวดล้อม และต่อมาได้มีการจัดตั้ง "สถาบันวิจัยหยุนกัง" (Yungang Research Institute) เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) เพื่อการคุ้มครอง ส่งเสริม และวิจัยทางวิชาการโดยเฉพาะบริบททางสถาปัตยกรรมถ้ำผาหยุนกังเป็นที่เลื่องลือในการนำเสนอการสังเคราะห์ที่ประสบความสำเร็จของศิลปะสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาจากเอเชียใต้และเอเชียกลางเข้ากับสุนทรียภาพทางวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม รูปแบบศิลปะที่หยุนกังแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานศิลปะคันธาระ (Gandhara) และศิลปะคุปตะ (Gupta) ของอินเดีย ซึ่งส่งผ่านตามเส้นทางสายไหมโบราณ มีอิทธิพลต่อการพัฒนาศิลปะพุทธศาสนาในจีนและเอเชียตะวันออกประติมากรรมมีลักษณะเด่นด้วยความแข็งแกร่ง รายละเอียดประณีต การแสดงออกทางสีหน้าที่เปี่ยมชีวิตชีวา และท่าทางที่มีชีวิตชีวา ขนาดของรูปปั้นมีตั้งแต่เพียง 2 เซนติเมตร ไปจนถึงพระพุทธรูปขนาดมหึมา สูงถึง 17 เมตร ในถ้ำที่ 5 รูปปั้นเหล่านี้สร้างขึ้นในรูปแบบราชสำนักที่โดดเด่น สะท้อนอิทธิพลของรัฐต่อพุทธศิลป์ในยุคนั้น ลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่น่าสังเกต ได้แก่ ผังอันเคร่งครัดของถ้ำพระทันเหยา (Tan Yao Caves) และการพัฒนาถ้ำคู่ในระยะหลัง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการปกครองของจักรพรรดิร่วมรัชสมัย สถานที่แห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมแกะสลักหิน (rock-cut architecture)

ถ้ำผาหยุนกัง เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ AAAAA ซึ่งเป็นระดับสูงสุดโดยองค์การบริหารการท่องเที่ยวแห่งชาติจีน (China National Tourism Administration) มีถ้ำหลัก 53 แห่ง พร้อมด้วยซอกหินและพระพุทธรูปกว่า 51,000 องค์ และถ้ำย่อยอีกประมาณ 1,100 แห่ง พื้นที่ที่สำคัญและน่าสำรวจ ได้แก่

  • ถ้ำพระทันเหยาห้าถ้ำ (The Tanyao Five Caves, ถ้ำที่ 16-20): เป็นถ้ำกลุ่มแรกที่สร้างขึ้นที่หยุนกัง (ระหว่างปี ค.ศ. 460-470 / พ.ศ. 2003-2013) ภายใต้การนำของพระภิกษุทันเหยา แต่ละถ้ำมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นตัวแทนของจักรพรรดิเว่ยเหนือห้าพระองค์แรก ถ้ำที่ 20 มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ เนื่องจากผนังด้านหน้าพังทลายลงมานานแล้ว ทำให้พระพุทธรูปขนาดมหึมาองค์นี้เปิดโล่งสู่ท้องฟ้า กลายเป็นสัญลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของถ้ำแห่งนี้
  • ถ้ำที่ 3 (Cave 3): เป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มอาคาร แม้จะสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่มีพระพุทธรูปที่ค่อนข้างอวบอิ่มและงดงามจำนวนไม่มากนัก ซึ่งบ่งบอกถึงรูปแบบศิลปะในช่วงต้นราชวงศ์ถัง (Tang Dynasty)
  • ถ้ำที่ 5 และ 6 (Caves 5 and 6): มักเข้าชมเป็นคู่ ถ้ำเหล่านี้ขึ้นชื่อเรื่องความยิ่งใหญ่ ถ้ำที่ 5 ประดิษฐานพระพุทธรูปในร่มที่สูงที่สุด ซึ่งมีความสูงกว่า 17 เมตร มีอาคารไม้จากสมัยราชวงศ์ชิงตั้งอยู่ด้านหน้าถ้ำเหล่านี้
  • ถ้ำอู๋ฮวา (The Wuhua Caves, ถ้ำที่ 9-13): หรือที่เรียกว่า "ถ้ำห้ามหัศจรรย์" (Five Magnificent Caves) มีชื่อเสียงในด้านสีสันที่สดใสและประติมากรรมจำนวนมากซึ่งเคยถูกเคลือบด้วยดินเหนียวและทาสี ถ้ำที่ 12 ซึ่งมักเรียกว่า "ถ้ำดนตรี" (Music Cave) มีความโดดเด่นจากการแกะสลักนักดนตรีและนักเต้น แสดงภาพวงออร์เคสตราพุทธศาสนา
  • ถ้ำที่ 15 ("ถ้ำพระพุทธรูปพันองค์" - "Thousand Buddha Cave"): ถ้ำนี้เต็มไปด้วยซอกหินขนาดเล็กนับไม่ถ้วน

ถ้ำเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของศิลปะและสถาปัตยกรรมพุทธศาสนาในประเทศจีน โดยผสมผสานรูปแบบศิลปะอินเดียและเอเชียกลางเข้ากับสุนทรียภาพแบบจีนดั้งเดิม ประติมากรรมมีตั้งแต่พระพุทธรูปสูงตระหง่านไปจนถึงพระพุทธรูปขนาดเล็กเพียงไม่กี่เซนติเมตร สะท้อนถึงความศรัทธาทางจิตวิญญาณและความเชี่ยวชาญทางศิลปะของราชวงศ์เว่ยเหนือ

ถ้ำผาหยุนกัง เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่สะท้อนถึงจุดสูงสุดของศิลปะถ้ำพุทธศาสนาจีนยุคแรกเริ่ม แสดงให้เห็นถึงการหลอมรวมทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ระหว่างอิทธิพลจากเอเชียใต้และเอเชียกลางกับสุนทรียศาสตร์แบบจีน ภายใต้การอุปถัมภ์ของราชวงศ์เว่ยเหนือ คุณค่าสากลอันโดดเด่นของสถานที่แห่งนี้ยืนยันถึงอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ของมนุษย์ การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมที่สำคัญ หลักฐานอันเป็นเอกลักษณ์ของประเพณีที่ยังคงอยู่และที่สาบสูญไปแล้ว รวมถึงการเป็นตัวอย่างของช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ถ้ำผาหยุนกังจึงมิได้เป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางการศึกษาพุทธศิลป์ สถาปัตยกรรม และวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมที่สำคัญระดับโลก ซึ่งยังคงได้รับการดูแลและอนุรักษ์อย่างต่อเนื่องเพื่อส่งมอบมรดกอันยิ่งใหญ่นี้สู่คนรุ่นหลัง

.

-------------------------

ที่มา

https://whc.unesco.org/en/list

http://www.globalgeopark.org

https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/

https://th.wikipedia.org

รวบรวมรูปภาพ

www.iok2u.com

-------------------------

เที่ยวแหล่งมรดกโลก (World Heritage Site)

เที่ยวรอบโลก (Travel World)

------------------------

.

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward