2007 ไคผิงเตียวโหลวและหมู่บ้าน (Kaiping Diaolou and Villages)
google map
ไคผิงเตียวโหลวและหมู่บ้าน มรดกทางสถาปัตยกรรมป้องกันภัยและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอันล้ำค่าแห่งมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
มรดกโลกไคผิงเตียวโหลวและหมู่บ้าน (Kaiping Diaolou and Villages) ตั้งอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง (Guangdong) สาธารณรัฐประชาชนจีน นับเป็นพื้นที่ที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปีคริสต์ศักราช 2007 (พุทธศักราช 2550) สถานที่แห่งนี้โดดเด่นด้วย "เตียวโหลว" (Diaolou) ซึ่งเป็นหอคอยป้องกันภัยแบบหลายชั้นที่กระจายตัวอยู่ในหมู่บ้านต่างๆ ของอำเภอไคผิง หอคอยเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการผสมผสานทางสถาปัตยกรรมอย่างซับซ้อนและวิจิตรงดงามระหว่างอิทธิพลของจีนและตะวันตก สะท้อนบทบาทสำคัญของชาวไคผิงโพ้นทะเลในการพัฒนาประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียใต้ ออสตราเลเซีย และอเมริกาเหนือ ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 รวมถึงความผูกพันอันแน่นแฟ้นระหว่างชาวไคผิงในต่างแดนและบ้านเกิดของตน
ปัจจุบันมีเตียวโหลวประมาณ 1,833 แห่งที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ โดยตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 2001 (พุทธศักราช 2544) เป็นต้นมา เตียวโหลวทั้งหมดได้รับการคุ้มครองในฐานะโบราณสถานแห่งชาติตามกฎหมายคุ้มครองโบราณวัตถุ (Law for the Protection of Cultural Relics) พื้นที่มรดกโลกครอบคลุมหมู่บ้านหลักสี่แห่ง ได้แก่ ซานเหมินหลี่ (Sanmenli), จื้อลี่ชุน (Zilicun), จินเจียงหลี่ (Jinjiangli) และกลุ่มหมู่บ้านหม่าเจี่ยงหลง (Majianglong village cluster) ซึ่งแต่ละแห่งล้วนนำเสนอเรื่องราวและลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์
คุณค่าโดดเด่นระดับสากล (Outstanding Universal Value)
คุณค่าโดดเด่นระดับสากลของไคผิงเตียวโหลวและหมู่บ้านเกิดจากการผสมผสานทางสถาปัตยกรรมที่ซับซ้อนและกล้าหาญระหว่างรูปแบบจีนและตะวันตก หอคอยเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของการแลกเปลี่ยนคุณค่าทางวัฒนธรรมอย่างสำคัญ โดยแสดงให้เห็นถึงรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ผู้อพยพชาวจีนนำกลับมาจากอเมริกาเหนือ และนำมาผสมผสานกับประเพณีท้องถิ่นภายในภูมิภาคทางวัฒนธรรมที่เฉพาะเจาะจง
เตียวโหลวยังสะท้อนถึงประเพณีท้องถิ่นในการสร้างหอคอยป้องกันภัยในพื้นที่ไคผิงมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง (Ming Dynasty) โดยมีการก่อสร้างเพื่อตอบสนองต่อปัญหาการปล้นสะดมภ์ในท้องถิ่น หอคอยที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นมรดกโลกเหล่านี้เป็นจุดสูงสุดของประเพณีนี้ ซึ่งความมั่งคั่งของชาวจีนโพ้นทะเลที่กลับมามีส่วนทำให้เกิดการปล้นสะดมภ์เพิ่มขึ้น และกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางสถาปัตยกรรมเพื่อการป้องกันอย่างสุดขีด
นอกจากนี้ หอคอยหลักและสภาพแวดล้อมโดยรอบยังแสดงออกถึงความมั่งคั่งอย่างเด่นชัด และสะท้อนบทบาทสำคัญของชาวไคผิงโพ้นทะเลในการพัฒนาประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียใต้ ออสตราเลเซีย และอเมริกาเหนือ ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 อีกทั้งยังเน้นย้ำถึงความเชื่อมโยงที่ยั่งยืนระหว่างชุมชนไคผิงและชุมชนชาวจีนทั่วโลก เตียวโหลวเหล่านี้ยังคงรักษาสภาพสมบูรณ์และไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีอายุการใช้งานค่อนข้างสั้นในฐานะที่อยู่อาศัยที่มีป้อมปราการ และการถูกทอดทิ้งในที่สุด พวกมันยังคงรักษาสัมพันธ์ที่กลมกลืนกับภูมิทัศน์เกษตรกรรมโดยรอบ และทำหน้าที่เป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ของการอพยพของแรงงานชาวจีนและการติดต่อกับโลกตะวันตก
บริบททางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม
การก่อสร้างเตียวโหลวในไคผิงมีจุดเริ่มต้นจากความจำเป็นในการป้องกันตนเองจากการปล้นสะดมภ์ ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ และความไร้ระเบียบในท้องถิ่น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่แพร่หลายในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty) และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 (พุทธศักราช 2444-2543) ชาวไคผิงจำนวนมากได้อพยพไปทำงานและค้าขายในต่างประเทศ และเมื่อพวกเขานำความมั่งคั่งกลับมายังบ้านเกิด ก็ได้ลงทุนในการสร้างหอคอยเหล่านี้เพื่อปกป้องครอบครัวและทรัพย์สิน
ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์: เตียวโหลวที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่คือ อิงหลงโหลว (Yinglong Lou) ในหมู่บ้านซานเหมินหลี่ ซึ่งมีอายุย้อนไปถึงสมัยราชวงศ์หมิง (คริสต์ศักราช 1522–1566 หรือพุทธศักราช 2065–2109) ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงถึงประเพณีการสร้างหอคอยป้องกันภัยที่มีมาอย่างยาวนานในพื้นที่นี้ หอคอยเหล่านี้สร้างขึ้นจากวัสดุหลากหลายชนิด เช่น หิน (stone), ปิเซ่ (pise หรือดินอัด), อิฐ (brick) และคอนกรีต (concrete) สะท้อนถึงความหลากหลายและความก้าวหน้าของเทคนิคการก่อสร้างในยุคนั้น
บริบททางสถาปัตยกรรม: เตียวโหลวสามารถจำแนกออกได้เป็นสามรูปแบบหลัก ได้แก่:
-
หอคอยชุมชน (Communal Towers): สร้างขึ้นโดยหลายครอบครัวเพื่อใช้เป็นที่หลบภัยชั่วคราวร่วมกัน
-
หอคอยที่อยู่อาศัย (Residential Towers): เป็นที่อยู่อาศัยที่มีป้อมปราการสำหรับครอบครัวที่ร่ำรวยแต่ละครอบครัว
-
หอคอยเฝ้าระวัง (Watchtowers): ใช้เพื่อการป้องกันและเฝ้าระวัง
ลักษณะเด่นทางสถาปัตยกรรมของเตียวโหลวคือการผสมผสานองค์ประกอบการออกแบบของจีนและตะวันตกอย่างลงตัวและโดดเด่น อิทธิพลของตะวันตกที่ปรากฏให้เห็นนั้นมาจากหลายแหล่ง ทั้งรูปแบบสเปน (Spanish), มุสลิม (Muslim), กอทิก (Gothic), อิสลาม (Islamic), บารอก (Baroque) และโรโกโก (Rococo) ซึ่งผู้อพยพชาวจีนได้นำกลับมาจากประสบการณ์ในต่างแดน การผสมผสานนี้ไม่ใช่เพียงการเลียนแบบ แต่เป็นการตีความและปรับใช้ให้เข้ากับบริบทและเทคนิคการก่อสร้างของท้องถิ่น สร้างสรรค์สถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งแสดงออกถึงความมั่งคั่ง ความยืดหยุ่น และการเปิดรับวัฒนธรรมที่แตกต่างของชาวไคผิง
จุดเด่นที่สำคัญ (Key Highlights)
ไคผิงเตียวโหลวและหมู่บ้านนำเสนอประสบการณ์ทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมอันล้ำค่า ดังนี้:
-
การหลอมรวมทางสถาปัตยกรรม (Architectural Fusion): เตียวโหลวมีชื่อเสียงจากการผสมผสานอย่างประณีตระหว่างรูปแบบสถาปัตยกรรมจีนและตะวันตก เช่น สเปน, มุสลิม, กอทิก, อิสลาม, บารอก และโรโกโก ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากชาวจีนโพ้นทะเลที่กลับมาพร้อมกับความมั่งคั่งและแรงบันดาลใจทางสถาปัตยกรรมจากอเมริกาเหนือ เอเชียใต้ และออสตราเลเซีย
-
ประเภทของเตียวโหลว (Types of Diaolou): มีสามรูปแบบหลัก ได้แก่ หอคอยชุมชน (สร้างโดยหลายครอบครัวเพื่อเป็นที่หลบภัย), หอคอยที่อยู่อาศัย (บ้านที่มีป้อมปราการสำหรับครอบครัวร่ำรวยแต่ละคน) และหอคอยเฝ้าระวัง (เพื่อการป้องกันและเฝ้าระวัง)
-
หมู่บ้านสำคัญ (Key Villages):
-
หมู่บ้านจื้อลี่ชุน (Zili Village): เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความนิยมและสวยงามที่สุด มีชื่อเสียงจากหอคอยเฝ้าระวังที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนาเขียวขจี บ่อน้ำดอกบัว และสวนสวย หอคอยบางแห่งที่นี่เปิดให้สาธารณะเข้าชมและยังคงมีเฟอร์นิเจอร์ดั้งเดิมอยู่ เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เช่น "Let the Bullets Fly"
-
กลุ่มหมู่บ้านหม่าเจี่ยงหลง (Majianglong Village Cluster): กลุ่มเตียวโหลวนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไผ่ที่งดงาม
-
หมู่บ้านจินเจียงหลี่ (Jinjiangli Village): เป็นที่ตั้งของ รุ่ยซื่อเตียวโหลว (Ruishi Diaolou) ซึ่งเป็นเตียวโหลวที่สูงที่สุดในไคผิง ด้วยความสูง 9 ชั้น
-
หมู่บ้านซานเหมินหลี่ (Sanmenli Village): ชุมชนที่เงียบสงบซึ่งเป็นที่ตั้งของ อิงหลงโหลว (Yinglong Lou) ซึ่งถือเป็นเตียวโหลวที่เก่าแก่ที่สุด
-
-
หลี่หยวนการ์เดน (Liyuan Garden): คฤหาสน์สวนที่สร้างโดยชาวจีนโพ้นทะเลในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 (พุทธศักราช 2444-2543) จัดแสดงการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของสวนจีนคลาสสิกและสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก มีคลอง ทางเดิน สะพาน ศาลา และหอคอย
-
ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ (Historical Significance): เตียวโหลวถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายราชวงศ์ชิงและต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เพื่อป้องกันการปล้นสะดมภ์ สงครามชาติพันธุ์ และความไร้ระเบียบในภูมิภาคเป็นหลัก สิ่งเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของการปกป้อง ความมั่งคั่ง ความยืดหยุ่น และความสามารถในการปรับตัวของชาวไคผิง
-
ประสบการณ์ทางวัฒนธรรม (Cultural Experience): นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจตรอกซอกซอยแคบๆ ของหมู่บ้านดั้งเดิม สังเกตศาลบรรพบุรุษ ตลาด และวัดวาอาราม และสัมผัสกับวิถีชีวิตชนบทของจีนที่ดำเนินไปอย่างช้าๆ
ไคผิงเตียวโหลวและหมู่บ้านเป็นมรดกโลกที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมและเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตชีวาของการหลอมรวมวัฒนธรรม หอคอยเหล่านี้เป็นมากกว่าโครงสร้างป้องกันภัย พวกมันคืออนุสรณ์สถานแห่งความยืดหยุ่น ความมั่งคั่ง และการปรับตัวของชาวไคผิง รวมถึงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนกับตะวันตก ซึ่งยังคงสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าสากลอันโดดเด่นของมนุษยชาติจวบจนปัจจุบัน
.
-------------------------
ที่มา
- https://whc.unesco.org/en/list
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
-------------------------
------------------------
.
