2004 เมืองหลวงและสุสานของอาณาจักรโคกูรยอโบราณ (Capital Cities and Tombs of the Ancient Koguryo Kingdom)
google map
มรดกโลกแห่งอารยธรรมอันรุ่งโรจน์: เมืองหลวงและสุสานของอาณาจักรโคกูรยอโบราณ (Capital Cities and Tombs of the Ancient Koguryo Kingdom)
เมืองหลวงและสุสานของอาณาจักรโคกูรยอโบราณ (Capital Cities and Tombs of the Ancient Koguryo Kingdom) เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน ครอบคลุมพื้นที่ในอำเภอจี๋อาน (Ji'an) มณฑลจี๋หลิน (Jilin Province) และอำเภอหวนเหริน (Huanren Manchu Autonomous County) มณฑลเหลียวหนิง (Liaoning Province) แหล่งมรดกแห่งนี้ได้รับการจารึกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ด้วยคุณค่าอันโดดเด่นที่แสดงถึงอารยธรรมโคกูรยอ (Koguryo civilization) ที่เคยรุ่งเรืองและได้สาบสูญไปแล้ว
อาณาจักรโคกูรยอ ปกครองดินแดนส่วนหนึ่งทางตอนเหนือของจีนและครึ่งบนของคาบสมุทรเกาหลีตั้งแต่ปี 37 ปีก่อนคริสตกาล (ก่อน พ.ศ. 506) จนถึงปี ค.ศ. 668 (พ.ศ. 1211) แหล่งมรดกโลกนี้ประกอบด้วยหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญ ได้แก่ เมืองหลวงโบราณ 3 แห่ง และสุสาน 40 แห่ง ซึ่งแบ่งเป็นสุสานหลวง 14 แห่ง และสุสานของขุนนางชั้นสูงอีก 26 แห่ง องค์ประกอบเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และศิลปะของอาณาจักรโคกูรยอได้อย่างลึกซึ้ง
คุณค่าสากลอันโดดเด่น (Outstanding Universal Value)
เมืองหลวงและสุสานของอาณาจักรโคกูรยอโบราณได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้เกณฑ์ทางวัฒนธรรม 5 ข้อ ซึ่งยืนยันถึงคุณค่าสากลอันโดดเด่น ดังนี้:
-
เกณฑ์ (i): สุสานหลายแห่งที่ปรากฏในแหล่งมรดกโลกนี้ โดยเฉพาะสุสานที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันประณีตและโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ถือเป็นผลงานชิ้นเอกที่สะท้อนถึงอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ของมนุษย์ในยุคสมัยนั้น
-
เกณฑ์ (ii): เมืองหลวงของอาณาจักรโคกูรยอเป็นตัวอย่างแรกเริ่มของการสร้าง "เมืองบนภูเขา" (mountain cities) ซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ต่อมาได้รับอิทธิพลและเลียนแบบโดยวัฒนธรรมในภูมิภาคใกล้เคียง นอกจากนี้ สุสานต่าง ๆ โดยเฉพาะเสาหินจารึกกวางแกโท (Gwanggaeto Stele) และจารึกที่มีความยาว แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลทางวัฒนธรรมของจีนที่มีต่อโคกูรยออย่างชัดเจน แม้ว่าโคกูรยอจะไม่ได้พัฒนาระบบการเขียนของตนเอง ขณะที่ภาพเขียนฝาผนังในสุสาน แม้จะแสดงทักษะและรูปแบบศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ก็สะท้อนถึงอิทธิพลที่สำคัญจากวัฒนธรรมอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี
-
เกณฑ์ (iii): แหล่งมรดกนี้เป็นประจักษ์พยานอันโดดเด่นและเป็นหนึ่งเดียวของอารยธรรมโคกูรยอที่สาบสูญไปแล้ว ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิถีชีวิต ความเชื่อ และความสำเร็จทางวัฒนธรรมของอาณาจักรแห่งนี้
-
เกณฑ์ (iv): ระบบเมืองหลวงที่ประกอบด้วยเมืองกูเนย (Guonei City) และเมืองว่านตู้ (Wandu Mountain City) ได้ส่งอิทธิพลต่อการก่อสร้างเมืองหลวงในยุคต่อมาของระบอบโคกูรยออย่างมาก สุสานของโคกูรยอยังเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการวิวัฒนาการในการก่อสร้างสุสาน ทั้งแบบสุสานที่ก่อสร้างด้วยหินเรียงซ้อน (piled-stone tomb construction) และแบบสุสานดิน (earthen tomb construction)
-
เกณฑ์ (v): เมืองหลวงของอาณาจักรโคกูรยอแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างการสร้างสรรค์ของมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นหิน ป่าไม้ และแม่น้ำ ซึ่งสะท้อนถึงความเข้าใจและเคารพต่อธรรมชาติในการวางผังเมืองและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ
บริบททางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม
อาณาจักรโคกูรยอเป็นหนึ่งในสามอาณาจักรแรกเริ่มของเกาหลี (Three Kingdoms of Korea) ซึ่งมีอำนาจในช่วงเวลาอันยาวนาน อาณาจักรนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 37 ปีก่อนคริสตกาล (ก่อน พ.ศ. 506) และสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 668 (พ.ศ. 1211)
เมืองหลวงทั้งสามแห่ง ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการยืนยัน ประกอบด้วย:
-
เมืองวูหนู (Wunu Mountain City หรือ Onyeosanseong): เป็นเมืองหลวงแห่งแรกของอาณาจักรโคกูรยอ ก่อสร้างขึ้นในปี 37 ปีก่อนคริสตกาล (ประมาณ พ.ศ. 506) ปัจจุบันยังคงมีการขุดค้นทางโบราณคดีบางส่วนเท่านั้น
-
เมืองกูเนย (Guonei City หรือ Gungnae Fortress): ตั้งอยู่ในเขตเมืองจี๋อาน (Ji'an) ในปัจจุบัน เมืองนี้เคยเป็นเมืองหลวงในช่วงต้น และต่อมาได้ทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงสำรองหลังจากเมืองหลวงหลักย้ายไปยังกรุงเปียงยาง (Pyongyang) เป็นที่รู้จักจากกำแพงหินที่ก่อสร้างอย่างแข็งแรงและมั่นคง
-
เมืองว่านตู้ (Wandu Mountain City หรือ Hwando Mountain Fortress): สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 209 (พ.ศ. 752) เมืองนี้มีร่องรอยโบราณสถานมากมาย รวมถึงพระราชวังขนาดใหญ่และสุสานหลายแห่ง เมืองว่านตู้ทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงสลับกับเมืองกูเนย
สุสานแห่งโคกูรยอ จำนวน 40 แห่ง รวมถึงสุสานหลวง 14 แห่ง และสุสานขุนนาง 26 แห่ง ล้วนเป็นหลักฐานทางวัฒนธรรมที่สำคัญ สุสานเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของรูปแบบการก่อสร้าง ทั้งแบบสุสานกองหิน (piled-stone tombs) และสุสานดิน (earthen tombs) ที่โดดเด่นคือการออกแบบเพดานสุสานที่สามารถรองรับพื้นที่กว้างขวางได้โดยไม่ต้องใช้เสา ซึ่งสะท้อนถึงความก้าวหน้าทางวิศวกรรมสถาปัตยกรรม ตัวอย่างที่สำคัญคือ สุสานแม่ทัพ (Tomb of the General หรือ JianJunTen) หรือที่รู้จักในชื่อ 'พีระมิดแห่งตะวันออก' (Pyramid of the East) ซึ่งเป็นสุสานแบบกองหินขนาดใหญ่
นอกจากโครงสร้างแล้ว เสาหินจารึกกวางแกโท (Gwanggaeto Stele) ยังเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ให้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่า ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ประดับตกแต่งภายในสุสานหลายแห่งแสดงให้เห็นถึงฝีมือทางศิลปะที่ยอดเยี่ยม และยังสะท้อนถึงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีน
จุดเด่นสำคัญ (Key Highlights)
-
เมืองหลวงบนภูเขาโบราณ 3 แห่ง: ได้แก่ เมืองวูหนู (Wunu Mountain City), เมืองกูเนย (Guonei City) และเมืองว่านตู้ (Wandu Mountain City) ซึ่งเป็นตัวอย่างแรกเริ่มของสถาปัตยกรรมเมืองที่ผสานเข้ากับภูมิทัศน์ธรรมชาติ
-
สุสานโคกูรยอ 40 แห่ง: รวมถึงสุสานหลวง 14 แห่ง และสุสานขุนนาง 26 แห่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการในการก่อสร้างสุสานและการออกแบบเพดานอันซับซ้อน
-
สุสานแม่ทัพ (Tomb of the General): สุสานกองหินขนาดใหญ่ที่โดดเด่นและเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและอัจฉริยภาพทางสถาปัตยกรรม
-
เสาหินจารึกกวางแกโท (Gwanggaeto Stele): หลักฐานทางประวัติศาสตร์และภาษาศาสตร์ที่สำคัญซึ่งบันทึกเรื่องราวของอาณาจักรโคกูรยอ
-
ภาพจิตรกรรมฝาผนังในสุสาน: ผลงานศิลปะที่งดงามและให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ความเชื่อ และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมของชาวโคกูรยอ
-
การผสมผสานระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ: การวางผังเมืองและสุสานที่คำนึงถึงและกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอย่างยอดเยี่ยม
เมืองหลวงและสุสานของอาณาจักรโคกูรยอโบราณเป็นมากกว่าเพียงซากปรักหักพัง แต่เป็นพยานหลักฐานอันทรงพลังถึงความรุ่งเรืองของอารยธรรมโคกูรยอที่เคยประดิษฐ์สร้างสถาปัตยกรรมอันล้ำสมัย ศิลปะที่โดดเด่น และวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างภูมิปัญญามนุษย์กับความงดงามของธรรมชาติ คุณค่าสากลอันโดดเด่นของแหล่งมรดกนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนอันลึกซึ้งเกี่ยวกับวิวัฒนาการทางสังคม การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และความสัมพันธ์อันยั่งยืนระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม การรักษาและการศึกษาแหล่งมรดกแห่งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเข้าใจในประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติโดยรวม
.
-------------------------
ที่มา
- https://whc.unesco.org/en/list
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
-------------------------
------------------------
.
