2009 ภูเขาอู่ไถ (Mount Wutai)
google map
แดนเซียจีน (China Danxia) มรดกโลกทางธรณีวิทยาอันงดงามและคุณค่าสากลที่โดดเด่น
แดนเซียจีน (China Danxia) เป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติที่โดดเด่น ซึ่งประกอบด้วยภูมิทัศน์อันเป็นเอกลักษณ์ในประเทศจีน ลักษณะเด่นคือชั้นหินตะกอนดินแดง (red terrigenous sedimentary beds) ที่ก่อตัวขึ้นจากการปะทะกันของแรงทางธรณีวิทยาภายในโลก เช่น การยกตัวของเปลือกโลก (tectonic uplift) และแรงภายนอก เช่น การผุกร่อนและกัดเซาะ ภูมิทัศน์เหล่านี้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคซีโนโซอิก (Neogene period) และพบกระจายอยู่ทั่วภาคตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงใต้ และตะวันตกเฉียงเหนือของจีน
พื้นที่แดนเซียจีนได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก (UNESCO World Heritage List) อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) โดยเป็นแหล่งมรดกแบบต่อเนื่อง (serial site) ซึ่งประกอบด้วยส่วนประกอบสำคัญ 6 แห่ง ได้แก่ ฉือสุ่ย (Chishui), ไท่นิ่ง (Taining), หลางซาน (Langshan), แดนเซียซาน (Danxiashan), หลงหู่ซาน (Longhushan) และเจียงหลางซาน (Jianglangshan) แหล่งเหล่านี้ตั้งอยู่ในเขตภูมิอากาศกึ่งเขตร้อน (subtropical zone) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ครอบคลุมพื้นที่เป็นแนวโค้งประมาณ 1,700 กิโลเมตร (km) ตั้งแต่จังหวัดกุ้ยโจว (Guizhou Province) ไปจนถึงจังหวัดเจ้อเจียง (Zhejiang Province) นอกเหนือจากความสำคัญทางธรณีวิทยาแล้ว ภูมิทัศน์ที่หลากหลายเหล่านี้ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอนุรักษ์ป่าดิบชื้นกึ่งเขตร้อน (subtropical evergreen broad-leaved forests) และความหลากหลายทางชีวภาพอันอุดมสมบูรณ์ รวมถึงพืชและสัตว์หายากหรือใกล้สูญพันธุ์ประมาณ 400 ชนิด
คุณค่าสากลที่โดดเด่น (Outstanding Universal Value)
แดนเซียจีนได้รับสถานะเป็นแหล่งมรดกโลกภายใต้เกณฑ์ธรรมชาติ 2 ข้อ ได้แก่ เกณฑ์ (vii) และ (viii) ซึ่งสะท้อนถึงคุณค่าสากลที่โดดเด่นของพื้นที่แห่งนี้:
-
เกณฑ์ (vii) - เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ยอดเยี่ยม หรือพื้นที่ที่มีความงามตามธรรมชาติและความสำคัญทางสุนทรียภาพที่พิเศษ (Superlative natural phenomena or areas of exceptional natural beauty and aesthetic importance): แดนเซียจีนได้รับการยอมรับว่าเป็นภูมิทัศน์ที่น่าประทับใจและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีความงามตามธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ยอดเขา เสาหิน หน้าผา และหุบเหวที่น่าเกรงขาม ก่อตัวขึ้นจากหินกรวดมนและหินทรายสีแดง (reddish conglomerate and sandstone) อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมีส่วนช่วยสร้างความดึงดูดใจทางสุนทรียภาพที่พิเศษสุด ภูมิทัศน์แห่งนี้แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานที่สดใสของหินสีแดง พืชพรรณสีเขียว น้ำสีฟ้า และเมฆสีขาว สร้างความงดงามทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ
-
เกณฑ์ (viii) - เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นซึ่งแสดงถึงขั้นตอนสำคัญในประวัติศาสตร์ของโลก รวมถึงการบันทึกชีวิต กระบวนการทางธรณีวิทยาที่กำลังดำเนินอยู่ในการพัฒนาธรณีสัณฐาน หรือลักษณะทางธรณีสัณฐานหรือสรีรวิทยาที่สำคัญ (Outstanding examples representing major stages of earth's history, including the record of life, significant on-going geological processes in the development of landforms, or significant geomorphic or physiographic features): แดนเซียจีนเป็นตัวแทนของภูมิทัศน์ที่พัฒนาขึ้นบนชั้นหินตะกอนดินแดงในทวีป (continental red terrigenous sedimentary beds) โดยการก่อตัวเหล่านี้ได้รับอิทธิพลจากทั้งแรงภายใน (endogenous forces) เช่น การยกตัวของเปลือกโลก และแรงภายนอก (exogenous forces) เช่น การผุกร่อนและการกัดเซาะ ภายใต้สภาพภูมิอากาศแบบมรสุมที่อบอุ่นและชื้น พื้นที่แห่งนี้ประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญซึ่งสะท้อนถึงความงามตามธรรมชาติและคุณค่าทางวิทยาศาสตร์โลกของธรณีสัณฐานแบบแดนเซีย (Danxia landforms) ในระยะการพัฒนาทั้งช่วงต้น วัยกลาง และวัยแก่ โดยมีความหลากหลายของลักษณะทางธรณีสัณฐานที่อุดมสมบูรณ์อย่างไม่มีใครเทียบได้ โดดเด่นด้วยหน้าผาสีแดงอันงดงาม และรูปแบบการกัดเซาะที่หลากหลาย รวมถึงเสาหินธรรมชาติอันตระการตา หอคอย หุบเหว ลำธาร และน้ำตก ภูมิทัศน์แบบแดนเซียที่ขรุขระยังคงมีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ป่าดิบชื้นกึ่งเขตร้อน และเป็นที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์ที่หลากหลาย รวมถึงชนิดพันธุ์เฉพาะถิ่น ใกล้สูญพันธุ์ และใกล้ถูกคุกคาม
บริบททางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม (Historical and Architectural Context)
แดนเซียจีนครอบคลุมกลุ่มภูมิทัศน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันลึกซึ้งที่ปรากฏทั้งในการวิวัฒนาการทางธรณีวิทยาและร่องรอยปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ที่สืบทอดมาหลายพันปี
ประวัติทางธรณีวิทยา: เรื่องราวทางธรณีวิทยาของแดนเซียจีนเริ่มต้นประมาณ 80 ล้านปีก่อน (Ma) ในยุคครีเทเชียส (Cretaceous period) เมื่อหินทรายสีแดงและแร่ธาตุอื่นๆ ถูกสะสมโดยแม่น้ำ ตะกอนเหล่านี้ตกตะกอนเป็นชั้นๆ ที่ชัดเจน และประมาณ 15 ล้านปีต่อมา การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกได้สร้างรอยเลื่อนที่ทำให้ชั้นหินเหล่านี้ถูกเปิดออก การยกตัวของเปลือกโลกเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ได้รับอิทธิพลจากเทือกเขาหิมาลัยประมาณ 23 ล้านปีก่อน (Ma) ได้หล่อหลอมภูมิประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ตลอดหลายล้านปีต่อมา การผุกร่อนและการกัดเซาะได้แกะสลักชั้นหินสีแดงที่เปิดออกเหล่านี้ให้กลายเป็นหน้าผา เสาหิน หอคอย หุบเหว ลำธาร และน้ำตกอันงดงามที่เห็นได้ในปัจจุบัน ชั้นหินที่มีสีสันสดใสและมักจะเป็นหลากสี ซึ่งบางครั้งเรียกว่า "ภูเขาสายรุ้ง" (Rainbow Mountains) ในพื้นที่เช่น จางเย่ แดนเซีย (Zhangye Danxia) เป็นผลมาจากความเข้มข้นที่แตกต่างกันของเกลือเหล็ก (ferrous salt) และสภาพแวดล้อมการตกตะกอนที่แตกต่างกันตลอดหลายพันปี
รากศัพท์ของคำว่า "แดนเซีย" (Danxia): คำว่า "แดนเซีย" (Danxia) มีรากฐานทางประวัติศาสตร์เช่นกัน ในปี ค.ศ. 1928 (พ.ศ. 2471) เฟิง จิงหลาน (Feng Jinglan) นักวิทยาศาสตร์ด้านแร่ ได้ระบุการก่อตัวเหล่านี้ว่าเป็นธรณีสัณฐานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และตั้งชื่อว่า "แดนเซีย" ซึ่งหมายถึง "แสงอรุณสีแดงชาด" (vermilion sunglow) โดยได้รับแรงบันดาลใจจากบทกวีจีนโบราณ การศึกษาทางธรณีวิทยาเบื้องต้นของธรณีสัณฐานที่โดดเด่นนี้ดำเนินการที่ภูเขาแดนเซีย (Mount Danxia) ในมณฑลกวางตุ้ง (Guangdong Province) ในช่วงทศวรรษ 1920s และ 1930s (ค.ศ. 1920-1939 / พ.ศ. 2463-2482)
ร่องรอยการตั้งถิ่นฐานและพัฒนาการทางวัฒนธรรมของมนุษย์ (Historical Facts): นอกเหนือจากประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติแล้ว แหล่งแดนเซียจีนหลายแห่งยังเป็นพยานถึงการปรากฏตัวของมนุษย์และการพัฒนาทางวัฒนธรรม:
-
ภูเขาแดนเซีย (Mount Danxia) ในมณฑลกวางตุ้ง เป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยราชวงศ์สุย (Sui Dynasty) ในช่วง ค.ศ. 581-618 (พ.ศ. 1124-1161) โดยมีวัดสำคัญ เช่น วัดเปี่ยเฌวี่ยน (Biezhuan Temple) พื้นที่นี้ยังเป็นที่ตั้งของสุสานและโลงศพหน้าผาโบราณ (ancient cliff tombs and coffins) ซึ่งมีอายุมากกว่าหนึ่งพันปี และบทกวี จารึก และภาพแกะสลักทางประวัติศาสตร์จำนวนมากที่ทิ้งไว้โดยนักเขียนและจิตรกรในอดีต ซึ่งเน้นย้ำถึงความดึงดูดใจที่มีมายาวนาน การค้นพบทางโบราณคดี รวมถึงการค้นพบกะโหลกศีรษะ "มนุษย์หม่าปา" (Maba man) อายุ 30,000 ปี ใกล้กับแอ่งแดนเซียทางตะวันตกเฉียงใต้ เป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่บ่งชี้ถึงการอยู่อาศัยของมนุษย์โบราณ
-
ภูเขาหลงหู่ (Longhu Mountain) ในมณฑลเจียงซี (Jiangxi Province) ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดของลัทธิเต๋า (Taoism) โดยมีวัดเต๋าที่สร้างขึ้นบนไหล่เขา มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสำนักเจิ้งอี้เต๋า (Zhengyi Dao sect) โดยเป็นที่ตั้งของวัดซ่างชิง (Shangqing Temple) และคฤหาสน์ของปรมาจารย์เต๋า (Mansion of the Taoist Master)
เพื่อเป็นการรับรองถึงการก่อตัวทางธรณีวิทยาที่พิเศษและความงามของทิวทัศน์ 6 พื้นที่ภายในภูมิภาคแดนเซียจีนได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกในปี ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) ภูมิทัศน์ที่ขรุขระเหล่านี้ยังมีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ป่าดิบชื้นกึ่งเขตร้อน และความหลากหลายของพืชและสัตว์
จุดเด่นสำคัญ (Key Highlights)
แดนเซียจีนมีจุดเด่นสำคัญหลายประการที่ทำให้เป็นแหล่งมรดกโลกที่ทรงคุณค่า:
-
ภูมิทัศน์หินทรายสีแดง (Red Sandstone Landscapes): โดดเด่นด้วยหน้าผาสีแดงอันงดงามและรูปแบบการกัดเซาะที่หลากหลาย เช่น เสาหินธรรมชาติ หอคอย หุบเหว ลำธาร และน้ำตก นอกจากนี้ยังมีถ้ำจำนวนมากที่มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกัน
-
พื้นที่ส่วนประกอบ 6 แห่ง (Six Component Parts): แหล่งมรดกโลกแห่งนี้ประกอบด้วยพื้นที่ 6 ส่วน ได้แก่ ฉือสุ่ย (Chishui), ไท่นิ่ง (Taining), หลางซาน (Langshan), แดนเซียซาน (Danxiashan), หลงหู่ซาน (Longhushan) และเจียงหลางซาน (Jianglangshan) ซึ่งแต่ละแห่งล้วนมีลักษณะเด่นของธรณีสัณฐานแดนเซีย
-
ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity): ภูมิทัศน์ที่ขรุขระเหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัยของป่าดิบชื้นกึ่งเขตร้อน และมีพืชและสัตว์ที่หลากหลาย รวมถึงประมาณ 400 ชนิดพันธุ์ที่หายากหรือใกล้สูญพันธุ์
-
วิวัฒนาการทางธรณีวิทยา (Geological Evolution): เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของธรณีสัณฐานที่พัฒนาบนชั้นหินตะกอนดินแดงในทวีป แสดงให้เห็นถึงกระบวนการทางธรณีวิทยาที่กำลังดำเนินอยู่ และการพัฒนาของธรณีสัณฐานแดนเซียในระยะต่างๆ ทั้งช่วงต้น วัยกลาง และวัยแก่
-
คุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ (Cultural and Historical Value): บางพื้นที่ เช่น ภูเขาแดนเซียและภูเขาหลงหู่ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเป็นที่ตั้งของวัดพุทธและเต๋า รวมถึงร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคโบราณ
แดนเซียจีน (China Danxia) เป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพลวัตอันน่าทึ่งของกระบวนการทางธรณีวิทยาที่ก่อให้เกิดภูมิทัศน์หินทรายสีแดงที่มีลักษณะเฉพาะและความงามอันเป็นเลิศ ไม่เพียงแต่เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของธรณีสัณฐานในยุคต่างๆ แต่ยังเป็นแหล่งอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญของป่าดิบชื้นกึ่งเขตร้อน รวมถึงเป็นพยานถึงร่องรอยอารยธรรมและวัฒนธรรมของมนุษย์ที่สืบทอดมาหลายยุคสมัย ด้วยคุณค่าสากลที่โดดเด่นทั้งในด้านความงามทางธรรมชาติและหลักฐานทางธรณีวิทยา แดนเซียจีนจึงเป็นสมบัติทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การศึกษา เยี่ยมชม และอนุรักษ์ไว้สำหรับคนรุ่นหลัง
.
-------------------------
ที่มา
- https://whc.unesco.org/en/list
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
-------------------------
------------------------
.
