แหล่งมรดกโลก ที่มีจุดเด่นสุดยอดในด้านต่างๆ
สุดยอดแห่งมรดกโลก ที่สุดในแต่ละด้านที่ควรรู้จัก
นับตั้งแต่ปี 1978 องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้เริ่มประกาศขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลก เพื่อสรรหาสถานที่อันทรงคุณค่าคู่ควรแก่การอนุรักษ์ ทั้งในด้านวัฒนธรรมและธรรมชาติ องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้คัดเลือกสถานที่หลายแห่งทั่วโลกให้เป็น "มรดกโลก" (World Heritage Site) เพื่อเชิดชูคุณค่าอันโดดเด่นเป็นสากลที่ควรค่าแก่การปกป้องไว้เพื่อมวลมนุษยชาติ แต่ในบรรดาสถานที่กว่าพันแห่งนั้น มีบางแห่งที่โดดเด่นขึ้นมาเป็น "ที่สุด" ในด้านต่างๆ อย่างชัดเจน ปัจจุบันมีมรดกโลกมากกว่า 1,200 แห่งจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่ได้รับการบรรจุในบัญชีรายชื่อ สุดยอดมรดกโลกที่มีจุดเด่นในด้านต่างๆ ที่รวบรวมสถานที่อันเป็นที่สุดในแต่ละแขนง พร้อมรายละเอียดและเหตุผลที่ทำให้สถานที่เหล่านั้นโดดเด่นเหนือใคร
สุดยอดด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม กำแพงเมืองจีน (The Great Wall), ประเทศจีน
กำแพงเมืองจีนไม่ได้เป็นเพียงแค่กำแพง แต่คืออนุสรณ์สถานแห่งความทะเยอทะยาน สติปัญญา และความอุตสาหะของมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์
จุดเด่นสุดยอด: เป็นสิ่งก่อสร้างโดยฝีมือมนุษย์ที่มีขนาดใหญ่และยาวที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่หลากหลายและท้าทายอย่างยิ่ง
เหตุผลที่เลือก
ขนาดที่เหนือจินตนาการ: ด้วยความยาวกว่า 21,196 กิโลเมตร (รวมทุกยุคทุกสมัย) กำแพงเมืองจีนคือโครงการก่อสร้างที่ใช้เวลายาวนานนับพันปี ผ่านหลากหลายราชวงศ์
ความซับซ้อนทางวิศวกรรม: การก่อสร้างบนภูมิประเทศที่โหดร้าย ตั้งแต่สันเขาสูงชันไปจนถึงทะเลทรายอันกว้างใหญ่ แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางวิศวกรรมขั้นสูงในยุคโบราณ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุในท้องถิ่น (ดิน หิน อิฐ) และการออกแบบโครงสร้างป้อมปราการ หอสังเกตการณ์ และเส้นทางสัญจร
สัญลักษณ์แห่งความพยายาม: กำแพงเมืองจีนคือประจักษ์พยานของความพยายามในการปกป้องอารยธรรมและอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นตัวแทนของพลังและความอดทนของชาติอย่างแท้จริง
สุดยอดด้านความงามทางธรรมชาติ อ่าวฮาลอง (Ha Long Bay), ประเทศเวียดนาม
ภาพของหมู่เกาะหินปูนนับพันที่โผล่พ้นขึ้นมาจากผืนน้ำสีมรกตของอ่าวตังเกี๋ย คือ ทัศนียภาพที่งดงามราวกับภาพวาดในเทพนิยาย ทำให้ฮาลองเบย์กลายเป็นมาตรฐานของความงามทางธรรมชาติที่ยากจะหาที่ใดเปรียบ
จุดเด่นสุดยอด: ภูมิทัศน์แบบ "คาสต์" (Karst) ที่จมอยู่ในทะเลซึ่งมีความสมบูรณ์และสวยงามที่สุดในโลก
เหตุผลที่เลือก
ความอลังการของทิวทัศน์: ฮาลองเบย์ประกอบด้วยเกาะหินปูนเกือบ 2,000 เกาะ แต่ละเกาะมีรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ ผ่านการกัดเซาะของลมและน้ำมานานหลายล้านปี ทำให้เกิดเป็นถ้ำ อุโมงค์ และชายหาดที่ซ่อนตัวอยู่มากมาย
ความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ: นอกจากความสวยงามแล้ว ที่นี่ยังเป็นบ้านของระบบนิเวศที่หลากหลาย ทั้งป่าดิบชื้น ป่าชายเลน และแนวปะการัง ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์
ตำนานและวัฒนธรรม: ความงามของฮาลองเบย์ผูกพันกับตำนาน "มังกรผู้ร่อนลง" ของชาวเวียดนาม ทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีแค่ความงามทางกายภาพ แต่ยังเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังและเรื่องราวที่น่าค้นหา
สุดยอดด้านความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการ หมู่เกาะกาลาปาโกส (Galápagos Islands), ประเทศเอกวาดอร์
นี่คือ "ห้องทดลองมีชีวิตแห่งวิวัฒนาการ" สถานที่ที่จุดประกายให้ ชาร์ลส์ ดาร์วิน พัฒนาทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ซึ่งเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งมีชีวิตไปตลอดกาล
จุดเด่นสุดยอด: เป็นแหล่งรวมของสิ่งมีชีวิตเฉพาะถิ่น (Endemic Species) ที่มีวิวัฒนาการ độc đáo และไม่สามารถพบได้ที่อื่นในโลก
เหตุผลที่เลือก
ห้องทดลองของดาร์วิน: การที่หมู่เกาะตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวกลางมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้สิ่งมีชีวิตบนแต่ละเกาะมีวิวัฒนาการที่แตกต่างกันไปเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม เช่น นกฟินช์ที่มีจงอยปากหลายรูปแบบ หรือเต่าบกยักษ์ที่มีกระดองต่างกัน
สัตว์ที่ไม่กลัวมนุษย์: เนื่องจากไม่มีผู้ล่าตามธรรมชาติมาเป็นเวลานาน สัตว์ที่นี่จึงไม่มีสัญชาตญาณในการกลัวมนุษย์ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสังเกตพฤติกรรมของพวกมันได้อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นสิงโตทะเล อีกัวน่าทะเล หรือนกบูบีตีนฟ้า
ระบบนิเวศที่เปราะบาง: กาลาปากอสคือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของความสำคัญในการรักษาสมดุลทางธรรมชาติ และเป็นเครื่องเตือนใจถึงผลกระทบที่มนุษย์สามารถมีต่อระบบนิเวศอันเปราะบางได้
สุดยอดด้านสถาปัตยกรรมทางศาสนาและศิลปะ เมืองพระนคร (Angkor) นครวัด-นครธม, ประเทศกัมพูชา
กลุ่มปราสาทหินที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงศาสนสถาน แต่เป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาลตามความเชื่อของอาณาจักรขอมโบราณ และเป็นตัวแทนของความสำเร็จสูงสุดทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปะขอม
จุดเด่นสุดยอด: เป็นศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมขอมที่ผสมผสานความเชื่อทางศาสนาเข้ากับศิลปะได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เหตุผลที่เลือก
ขนาดและความซับซ้อน: พื้นที่ทั้งหมดของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครมีขนาดใหญ่กว่า 400 ตารางกิโลเมตร โดยมี "ปราสาทนครวัด" เป็นหัวใจสำคัญ โครงสร้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคูน้ำ ปราสาทประธาน หรือระเบียงคด ล้วนถูกคำนวณมาอย่างแม่นยำตามหลักดาราศาสตร์และคติความเชื่อ
ภาพสลักนูนต่ำอันน่าทึ่ง: ผนังของระเบียงคดที่ปราสาทนครวัด มีภาพสลักหินเล่าเรื่องราวมหากาพย์จากศาสนาฮินดู (เช่น รามายณะ และมหาภารตะ) และบันทึกประวัติศาสตร์ ที่มีความยาวรวมกันหลายร้อยเมตร ถือเป็นงานศิลปะที่มีรายละเอียดและทรงคุณค่าอย่างยิ่ง
การผสมผสานทางวัฒนธรรม: นครวัดเริ่มต้นจากการเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ก่อนจะเปลี่ยนเป็นวัดในพระพุทธศาสนาในยุคต่อมา สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางความเชื่อและวัฒนธรรมที่สำคัญของภูมิภาค
สุดยอดด้านการเป็นเมืองที่ถูกแช่แข็งในกาลเวลา: ปอมเปอีและเฮอร์คิวเลเนียม (Archaeological Areas of Pompeii and Herculaneum), ประเทศอิตาลี
ไม่มีที่ใดในโลกที่จะพาเราย้อนเวลากลับไปสัมผัสชีวิตของผู้คนในยุคโรมันได้อย่างสมจริงเท่ากับเมืองปอมเปอีและเฮอร์คิวเลเนียมอีกแล้ว
จุดเด่นสุดยอด: เป็นเมืองโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุดในโลก จากการถูกทับถมอย่างฉับพลันด้วยเถ้าภูเขาไฟ
เหตุผลที่เลือก
ภาพสะท้อนชีวิตจริง: การระเบิดของภูเขาไฟวิสุเวียสในปี ค.ศ. 79 ได้ "แช่แข็ง" ทุกสิ่งทุกอย่างไว้ภายใต้เถ้าถ่านและโคลนร้อน ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน ร้านค้า โรงละคร วิหาร ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน จิตรกรรมฝาผนัง และแม้กระทั่งร่างของผู้เสียชีวิตในอิริยาบถสุดท้าย
ขุมทรัพย์ทางโบราณคดี: การขุดค้นเมืองปอมเปอีทำให้นักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรม ผังเมือง สังคม และวัฒนธรรมของชาวโรมันในแบบที่ไม่เคยมีหลักฐานใดให้ได้มาก่อน
ความน่าสะพรึงกลัวของธรรมชาติ: ปอมเปอีเป็นเครื่องเตือนใจถึงพลังทำลายล้างอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ และโศกนาฏกรรมที่สามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ในชั่วพริบตา
กีโต (Quito) เมืองแรกที่ได้เป็นมรดกโลก
กีโต เป็นเมืองหลวงของ ประเทศเอกวาดอร์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาใต้ เป็นเมืองโบราณที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 หรือประมาณ 500 ปีที่แล้ว ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอินคาที่รุ่งเรืองมาก่อน เมืองนี้ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมพื้นเมืองกับอิทธิพลจากยุโรปและอิสลามไว้ได้อย่างดี ซึ่งเห็นได้จากโบราณสถานต่าง ๆ ที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน กีโตได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี 1978 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการขึ้นทะเบียนของยูเนสโก และได้กลายมาเป็นต้นแบบของเมืองเก่าที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์
เยลโลว์สโตน (Yellowstone) อุทยานแห่งชาติแห่งแรกที่ได้เป็นมรดกโลก
ในปีเดียวกับการขึ้น ทะเบียนมรดกโลก เยลโลว์สโตน อุทยานแห่งชาติของ สหรัฐอเมริกา ก็ได้รับการคัดเลือกเช่นกัน อุทยานแห่งชาตินี้ครอบคลุมพื้นที่คาบเกี่ยวใน 3 รัฐ ได้แก่ ไวโอมิง มอนแทนา และไอดาโฮ รวมกว่า 11,000 ตารางกิโลเมตร มีความน่าสนใจทั้งในแง่ของธรรมชาติที่เป็นแหล่งน้ำพุร้อน เป็นที่อยู่อาศัยของวัวกระทิง และยังรวมไปถึงแหล่งโบราณคดีที่แสดงหลักฐานของการตั้งถิ่นฐานบนหน้าผาสูงของชุมชนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาล เช่น เมซาเวร์เด (Mesa Verde)
โบราณสถานในบาอัลเบก (Baalbek) สถาปัตยกรรมที่ใหญ่ที่สุดของโรมัน
บาอัลเบกเป็นเมืองโบราณของชาวฟินิเชีย ตั้งอยู่บนแผ่นดินของประเทศเลบานอนในปัจจุบัน เคยอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมัน และเป็นที่ตั้งของวิหารบูชาเทพจูปิเตอร์ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นโบราณสถานที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โรมัน สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเซปติมุส เซเวรัส ในช่วงปี 193-211 วิหารแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของศาสนสถานอีกหลายหลังที่ตั้งอยู่ใกล้กัน ภายหลังจากการเสื่อมอำนาจของจักรวรรดิ ที่นี่ได้กลายเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวคริสต์และชาวมุสลิม จนกระทั่งในยุคที่จักรวรรดิออตโตมันรุ่งเรือง ที่นี่จึงถูกทิ้งร้างและผุพังไป แต่ก็ยังคงความยิ่งใหญ่ในอดีต และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
สวนพฤกษศาสตร์คิว (Kew Gardens) สถานที่รวบรวมพันธุ์ไม้ใหญ่ที่สุดในโลก
สวนพฤกษศาสตร์คิวเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมพันธุ์ไม้ท้องถิ่นและจากต่างประเทศกว่า 50,000 ชนิด บนพื้นที่ประมาณ 300 ไร่ ริมแม่น้ำเทมส์ในกรุงลอนดอน สร้างขึ้นเมื่อราว 260 ปีที่แล้ว เป็นสวนพฤกษชาติที่มีความสำคัญและเหมาะสำหรับการศึกษาความหลากหลายของพืชพรรณและคุณค่าทางเศรษฐกิจ มีการจัดทำโครงการอนุรักษ์พันธุ์ไม้และธนาคารเก็บเมล็ดพันธุ์ นอกจากความสวยงามแล้ว ภายในยังมีอาคารที่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังหลายหลังที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับมรดกโลกแห่งนี้
อัล-อาห์ซา โอเอซิส (Al-Ahsa Oasis) โอเอซิสที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อัล-อาห์ซา โอเอซิส เป็นพื้นที่สีเขียวตามธรรมชาติกลางทะเลทราย ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศซาอุดีอาระเบีย มีพื้นที่ 85 ตารางกิโลเมตร ทำให้เป็นโอเอซิสที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยแหล่งน้ำใต้ดินทำให้ที่นี่เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีทั้งสวน คลอง บ่อน้ำ ทะเลสาบ และน้ำพุที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์กว่า 280 จุด และมีต้นปาล์มมากกว่า 2.5 ล้านต้น ความอุดมสมบูรณ์นี้ทำให้สามารถทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ชาวบ้านใช้เป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งทำกินมานานนับพันปี จึงมีอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์รวมอยู่ด้วย
ป้อมปราการอาเลปโป (Citadel of Aleppo) ปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
ปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในโลกนี้ตั้งอยู่ที่ เมืองอาเลปโป ประเทศซีเรีย มีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปได้ไกลถึง 3,000 ปีก่อนคริสตกาล แต่ซากอาคารโบราณที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ในสมัยราชวงศ์ไอยูบิด อย่างไรก็ตาม ผลจากสงครามกลางเมืองในซีเรียได้ทำให้ป้อมปราการแห่งนี้และเมืองอาเลปโปเสียหายอย่างหนัก ซีเรียมีมรดกโลกที่ขึ้นทะเบียน 6 แห่ง แต่ล้วนกลายเป็นสมรภูมิแห่งความขัดแย้ง และถูกจัดอยู่ในบัญชีรายชื่อที่ตกอยู่ในภาวะอันตราย
ประภาคารเฮอร์คิวลีส (Tower of Hercules) ประภาคารที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงใช้งานอยู่
ประภาคารที่ทำจากหินนี้เป็นสัญลักษณ์สำคัญของอ่าวลาโกรุญญา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน สร้างขึ้นเมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 2 บนฐานสูง 57 เมตร ตัวประภาคารมีความสูง 55 เมตร โดยเริ่มจาก 34 เมตรโดยช่างฝีมือชาวโรมัน และเพิ่มขึ้นอีก 21 เมตรในคริสต์ศตวรรษที่ 18 โดยสถาปนิกชื่อดังในยุคนั้น ด้วยตำแหน่งที่ตั้งที่เป็นจุดสำคัญในการส่องสว่างยามค่ำคืนให้กับมหาสมุทรแอตแลนติก ทำให้ประภาคารสไตล์ผสมผสานระหว่างกรีกและโรมันแห่งนี้ได้รับการบูรณะซ่อมแซมและถูกใช้งานอย่างต่อเนื่องมากว่า 2,000 ปี ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
นครรัฐวาติกัน (Vatican City) ประเทศเดียวในโลกที่ได้เป็นมรดกโลกทั้งประเทศ
นครรัฐวาติกันตั้งอยู่ในกรุงโรมของอิตาลี เป็นประเทศที่เล็กที่สุดในโลก ทั้งในแง่ของขนาดพื้นที่เพียง 0.17 ตารางไมล์ หรือประมาณ 447 ตารางเมตร และมีประชากรไม่ถึง 800 คน ด้วยเหตุนี้ ที่นี่จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทั้งประเทศ เพียงประเทศเดียวในโลก วาติกันมีความสำคัญอย่างมากและมีคุณค่าทางจิตใจต่อผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกทั่วโลก เพราะเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสันตะปาปา ประมุขสูงสุด และเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณ นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยโบสถ์ วิหาร พิพิธภัณฑ์ สิ่งก่อสร้าง โบราณวัตถุ และงานศิลปะอันทรงคุณค่าระดับโลกมากมาย
หมู่เกาะโซโคตร้า (Socotra Archipelago) ที่เดียวในโลกที่พบต้นจันทรผาเลือดมังกร
หมู่เกาะโซโคตร้าประกอบด้วย 4 เกาะหลักและ 2 เกาะย่อย ตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่งของทวีปแอฟริกา แต่อยู่ในอาณาเขตของประเทศเยเมน ที่นี่เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติที่เต็มไปด้วยพืชพรรณธรรมชาติและสัตว์ป่าสงวนบนเกาะ ใต้น้ำก็มีปะการังตามแนวชายฝั่ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเป็นพื้นที่เดียวในโลกที่จะพบ "ต้นจันทรผาเลือดมังกร" (Dragon Blood Tree) ต้นไม้หายากที่มีลักษณะคล้ายร่มขนาดใหญ่ ได้ชื่อนี้มาจากยางไม้สีแดงเหมือนเลือดที่ได้จากต้นไม้ชนิดนี้ ซึ่งนำไปใช้ทำเป็นยารักษาโรคมาหลายปี และยังใช้ทำเป็นสีสำหรับย้อมเครื่องดนตรีประเภทไวโอลินอีกด้วย
แหล่งมรดกโลก เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสมบัติล้ำค่า ที่มนุษยชาติและธรรมชาติได้สร้างสรรค์ขึ้น การได้รู้จักและเข้าใจถึง "ความเป็นที่สุด" ของแต่ละสถานที่ไม่เพียงแต่สร้างแรงบันดาลใจในการเดินทาง แต่ยังย้ำเตือนให้เราเห็นความสำคัญของการร่วมมือกันเพื่อปกป้องมรดกเหล่านี้ให้คงอยู่สืบต่อไปยังคนรุ่นหลังอย่างยั่งยืน
.
-------------------------
ที่มา
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
-------------------------
-------------------------