iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย 4.0 มิติ 1 เทคโนโลยี (Technology)
มิติย่อยที่ 03 ระบบตโนมัติระบบอัตโนมัติ ในงานอำนวยความสะดวก (Facility Automation)
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย 4.0 มิติ 1 เทคโนโลยี (Technology) คือ ระบบการผลิตที่เป็น ระบบบริหารจัดการและจัดเก็บข้อมูลระบบ การจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกที่รูปแบบการทำงานอัตโนมัติระบบควบคุมเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันแบบต่อเนื่องแบบไร้รอยต่อ 6 ย่อยย่อย
มิติย่อยที่ 03 ระบบอัตโนมัติ ในงานอำนวยความสะดวก (Facility Automation) พิจารณาที่เทคโนโลยีที่ใซในการควบคุมหรือเฝืาติดตามการทำงานของระบบ / เครื่องจักร / อุปกรณ์ ที่ดูแลสถานที่ / อาคาร / สิ่งปลูกสร้าง ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจขององค์กร เทคโนโลยีในกลุ่ม เช่น ระบบการจัดการ HVAC, ระบบปรับอากาศ, ระบบดูแลความปลอดภัยอาคาร ระบบสาธารณูปโภค (น้ำ ไฟ ความร้อน) ระบบแสงสว่าง และระบบจัดการนํ้าเสีย เป็นต้น
ระบบอัตโนมัติในงานอำนวยความสะดวก (Facility Automation) มักใช้ในการควบคุมและจัดการระบบและสิ่งแวดล้อมทางก่อสร้างและอำนวยความสะดวกในอาคารหรือสถานที่อื่น ๆ ตัวอย่างด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างของ hardware และ software ที่สามารถนำเข้าในระบบอัตโนมัติในงานอำนวยความสะดวก
ตัวอย่างระบบอัตโนมัติในงานการผลิตที่เกี่ยวข้องกับตัวผลิตกัณฑ์ ประกอบด้วย
อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ (Hardware) เช่น
- ระบบควบคุมแสง (Lighting Control System) ใช้ในการควบคุมการเปิด-ปิดและควบคุมความสว่างในห้องหรืออาคาร
- ระบบควบคุมอากาศ (HVAC Control System) ใช้ในการควบคุมอากาศที่ถูกตั้งค่า, ความชื้น, และอุณหภูมิในอาคาร.
- ระบบควบคุมการเข้าถึง (Access Control System) ใช้ในการควบคุมการเข้าถึงสถานที่ด้วยระบบควบคุม ระบบที่ใช้ควบคุมการเข้าออกของบุคคลและยานพาหนะ
- ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV System) ใช้ในการติดตามและรักษาความปลอดภัยในอาคารหรือสถานที่
- ระบบประกาศเสียง (Public Address System) ใช้ในการแจ้งเตือน, ประกาศ, และเล่นเสียงในอาคาร.
- ระบบควบคุมการจ่ายพลังงานไฟฟ้า (Energy Management System) ใช้ในการควบคุมการจ่ายไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์และระบบในอาคาร.
- อุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน (Energy Conservation Devices) เช่น หลอดไฟ LED, อุปกรณ์ประหยัดน้ำ, และอื่น ๆ ที่ช่วยประหยัดพลังงานในอาคาร.
- ระบบจัดเก็บน้ำฝน (Rainwater Harvesting System) ใช้ในการเก็บน้ำฝนสำหรับใช้ในการรดน้ำสวนหรือในสถานที่อื่น ๆ.
- ระบบสื่อสารภายใน (Intercom System) ใช้ในการสื่อสารภายในอาคารหรือสถานที่ให้ความสะดวก.
- ระบบจัดการสิ่งแวดล้อม (Environmental Control System) ใช้ในการควบคุมและจัดการสิ่งแวดล้อมเช่นการควบคุมฝุ่นละออง, ความเย็น, และคุณภาพอากาศ
- ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น (HVAC System) ระบบที่ใช้ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นภายในอาคาร
- ระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติ (Automated Lighting System) ระบบที่ใช้เปิด-ปิดไฟอัตโนมัติตามความจำเป็น
- ระบบรักษาความปลอดภัย (Security System) ระบบที่ใช้ตรวจจับและป้องกันการบุกรุก
- ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ (Fire Alarm System) ระบบที่ใช้ตรวจจับและแจ้งเตือนการเกิดเพลิงไหม้
- ระบบสุขาภิบาล (Sanitation System) ระบบที่ใช้รักษาความสะอาดและสุขอนามัย
- ระบบขนส่งวัสดุภายในอาคาร (Internal Material Handling System) ระบบที่ใช้ขนส่งวัสดุภายในอาคาร
- ระบบบริหารจัดการอาคาร (Building Management System) ระบบที่ใช้ควบคุมและจัดการระบบต่างๆ ภายในอาคาร
โปรแกรมซอฟต์แวร์ (Software)
- ระบบควบคุมแสงอัตโนมัติ (Automatic Lighting Control Software) ใช้ในการกำหนดเวลา, ควบคุมความสว่าง, และประหยัดพลังงานในระบบแสง.
- ระบบควบคุมอากาศอัตโนมัติ (Automatic HVAC Control Software) ใช้ในการควบคุมอากาศในระบบอัตโนมัติเพื่อประหยัดพลังงาน.
- ระบบจัดการการเข้าถึงอัตโนมัติ (Automatic Access Control Software) ใช้ในการควบคุมการเข้าถึงด้วยการใช้การพิสและการระบบควบคุมอัตโนมัติ.
- ระบบจัดการข้อมูลระบบการเข้าถึง (Access Control Data Management Software) ใช้ในการจัดการข้อมูลผู้ใช้และการเข้าถึง.
- ซอฟต์แวร์สิ่งแวดล้อม (Environmental Software) ใช้ในการควบคุมและจัดการสิ่งแวดล้อมเช่นคุณภาพอากาศและความเย็น.
- ระบบจัดการพลังงาน (Energy Management Software) ใช้ในการควบคุมการจ่ายพลังงานไฟฟ้าและการประหยัดพลังงานในอาคาร.
- ระบบจัดการการสื่อสาร (Intercom Management Software) ใช้ในการควบคุมการสื่อสารภายในอาคาร.
- ซอฟต์แวร์รายงานความปลอดภัย (Security Reporting Software) ใช้ในการสรุปข้อมูลความปลอดภัยจากระบบกล้องวงจรปิดและระบบควบคุมการเข้าถึง.
- ซอฟต์แวร์การจัดการน้ำฝน (Rainwater Management Software) ใช้ในการควบคุมการเก็บน้ำฝนและการใช้ในการรดน้ำ.
- ระบบจัดการสายโทรศัพท์ (Telephony Management System) ใช้ในการควบคุมการใช้งานสายโทรศัพท์ในอาคารหรือสถานที่.
- ซอฟต์แวร์ควบคุม HVAC (HVAC Control Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมระบบ HVAC
- ซอฟต์แวร์ควบคุมไฟส่องสว่าง (Lighting Control Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมระบบไฟส่องสว่าง
- ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย (Security Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมระบบรักษาความปลอดภัย
- ซอฟต์แวร์กล้องวงจรปิด (CCTV Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้บันทึกภาพและวิดีโอจากระบบ CCTV
- ซอฟต์แวร์ควบคุมการเข้าออก (Access Control Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมระบบควบคุมการเข้าออก
- ซอฟต์แวร์ดับเพลิงอัตโนมัติ (Fire Alarm Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมระบบดับเพลิงอัตโนมัติ
- ซอฟต์แวร์สุขาภิบาล (Sanitation Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมระบบสุขาภิบาล
- ซอฟต์แวร์ขนส่งวัสดุภายในอาคาร (Internal Material Handling Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมระบบขนส่งวัสดุภายในอาคาร
- ซอฟต์แวร์บริหารจัดการอาคาร (Building Management Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมและจัดการระบบต่างๆ ภายในอาคาร
ระบบอัตโนมัติในงานอำนวยความสะดวก ช่วยในการลดค่าใช้จ่าย, ประหยัดพลังงาน, และเพิ่มความปลอดภัยและสะดวกสบายในอาคารและสถานที่ต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างการใช้งานระบบอัตโนมัติในงานอำนวยความสะดวก ในอุตสาหกรรมการผลิต เช่น
- การใช้ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น (HVAC System) เพื่อควบคุมอุณหภูมิและความชื้นภายในอาคารให้เหมาะสมกับการผลิต
- การใช้ระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติ (Automated Lighting System) เพื่อประหยัดพลังงานและลดต้นทุน
- การใช้ระบบรักษาความปลอดภัย (Security System) เพื่อป้องกันการบุกรุกและความเสียหายต่อทรัพย์สิน
- การใช้ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV System) เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและรักษาความปลอดภัย
- การใช้ระบบควบคุมการเข้าออก (Access Control System) เพื่อควบคุมการเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ในโรงงาน
- การใช้ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ (Fire Alarm System) เพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจากอัคคีภัย
- การใช้ระบบสุขาภิบาล (Sanitation System) เพื่อรักษาความสะอาดและสุขอนามัยของพนักงานและโรงงาน
- การใช้ระบบขนส่งวัสดุภายในอาคาร (Internal Material Handling System) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งวัสดุและสินค้า
- การใช้ซอฟต์แวร์บริหารจัดการอาคาร (Building Management System) เพื่อควบคุมและจัดการระบบต่างๆ ภายในอาคาร
- ระบบอัตโนมัติในงานอำนวยความสะดวกสามารถช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และต้นทุนในการดำเนินงานของโรงงานอุตสาหกรรมได้
นอกจากตัวอย่างข้างต้นแล้ว ยังมีระบบอัตโนมัติในงานอำนวยความสะดวกอีกมากมายที่สามารถใช้กับอุตสาหกรรมการผลิตได้ เช่น
- ระบบควบคุมการใช้พลังงาน (Energy Management System) ระบบที่ใช้ควบคุมการใช้พลังงานในโรงงาน
- ระบบติดตามการใช้พลังงาน (Energy Monitoring System) ระบบที่ใช้ติดตามการใช้พลังงานในโรงงาน
- ระบบจัดการขยะ (Waste Management System) ระบบที่ใช้จัดการขยะในโรงงาน
- ระบบจัดการน้ำ (Water Management System) ระบบที่ใช้จัดการน้ำในโรงงาน
- ระบบจัดการสิ่งแวดล้อม (Environmental Management System) ระบบที่ใช้จัดการสิ่งแวดล้อมในโรงงาน
การเลือกระบบอัตโนมัติที่เหมาะสมกับโรงงานนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดของโรงงาน ประเภทของการผลิต งบประมาณ และเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ
รายละเอียดในการประเมินเพื่อจัดระดับความพร้อม ดังนี้
Band |
นิยาม |
คำอธิบายเพิ่มเติม |
1 Labour oriented |
Facility ขององค์กรไม่ได้ทำงานหรือถูกควบคุมแบบอัตโนมัติ |
Facility ขององค์กรถูกควบคุมการทำงานโดยพนักงานเป็นหลัก หรือมีระบบอัตโนมัติใช้แต่น้อยกว่า 20% ของ กระบวนการทั้งหมด |
2 Partial automation |
Facility ขององค์กรมากกว่า 20% แต่ไม่เกิน 80% ถูกควบคุมการทำงาน แบบอัตโนมัติ (ครอบคลุมทั้งการควบคุมด้วยทางกล ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิคส์ หรือระบบคอมพิวเตอร์) |
องค์กรเริ่มเอาระบบอัตโนมัติมาใช้ควบคุมการทำงานของ Facility โดยระบบอัตโนมัติยังเป็นลักษณะที่พนักงาน ต้องสั่งเริ่มต้น-สิ้นสุดการทำงาน เช่น ระบบ Central Air |
3 Automation oriented |
Facility ขององค์กรมากกว่า 80% ถูกควบคุมการทำงานแบบอัตโนมัติ |
Facility ขององค์กรเกือบทั้งหมดถูกควบคุมโดยระบบอัตโนมัติ โดยระบบอัตโนมัตินั้นยังแยก Platform กันอยู่ |
4 Integrated automation |
Facility ขององค์กรทำงานเป็นระบบอัตโนมัติ โดยมีการแทรกแซงจาก พนักงานเมื่อจำเป็น |
Facility ขององค์กรดำเนินการแบบอัตโนมัติโดยสมบูรณ์ระหว่างระบบต่างๆ เช่น ระบบ Building Automation System (BAS) ที่จัดการระบบสาธารณปโภค (อุณหภูมิ แสง การใช้พลังงาน น้ำ) ระบบ Safety & Security ฯลฯ ให้อยู่บน platform เดียวกัน หรือมีการส่งต่อการทำงานระหว่าง Platform ได้โดยสะดวก |
5 Flexible automation |
Facility และระบบอัตโนมัติที่จัดการ Facility ขององค์กรนั้น สามารถ ปรับเปลี่ยนได้โดยมีผลกระทบจำกัด |
Facility ที่ออกแบบไว้ หรือระบบอัตโนมัติที่ควบคุมการทำงานนั้น มี feature รองรับการปรับเปลี่ยนคุณสมบัติ การทำงานได้โดยง่าย เช่น ผ่าน user interface ที่สะดวกต่อพนักงานในการปรับเปลี่ยนค่า configure ของระบบ |
6 Company-wide automation |
ระบบอัตโนมัติที่ควบคุมการทำงานของ Facility นั้น เชื่อมโยงข้อมูลร่วมกับ Platforms ของระบบอัตโนมัติระดับ Shop Floor และระบบอัตโนมัติ ระดับ Enterprise ทำให้เกิดเป็นโครงข่ายอัจฉริยะ (Autonomous Networks) |
ระบบอัตโนมัติทั้ง 3 domain ในองค์กร คือ Shop Floor, Enterprise และ Facility สามารแลกเปลี่ยนเชื่อมโยง ข้อมูลเพื่อทำงานร่วมกันได้ เช่น ระบบ BAS ที่ดึงข้อมูลแผนการผลิต เพื่อนำมาปรับค่า Temp., pressure และ %Rh ในห้องผลิตให้เหมาะสมกับการผลิตในครั้งนั้น ๆ |
-
---------------------------------------------
สนใจข้อมูลเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่นี่
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมอุตสาหกรรมไทย 4.0 (Thailand I 4.0 Index)
-------------------------------------------------
ที่มาข้อมูล
-------------------------------------------------
ข้อมูลที่น่าสนใจประวัติศาสตร์อุตสาหกรรม 4.0 ที่นี่ที่นี่
อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) รวมข้อมูล-------------------------------------------------
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย 4.0 มิติ 1 เทคโนโลยี (Technology)
มิติย่อยที่ 04 การเชื่อมโยงเครือข่ายในงานการผลิต (Production Network)
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย 4.0 มิติ 1 เทคโนโลยี (Technology) คือ ระบบการผลิตที่เป็น ระบบบริหารจัดการและจัดเก็บข้อมูลระบบ การจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกที่รูปแบบการทำงานอัตโนมัติระบบควบคุมเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันแบบต่อเนื่องแบบไร้รอยต่อ 6 ย่อยย่อย
มิติย่อยที่ 04 การเชื่อมโยงเครือข่ายในงานการผลิต (Production Network) พิจารณาที่ความสามารถในการสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเครื่องจักร/อุปกรณ์/เครื่องมือ/โครงข่าย ที่ใข้ในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการผลิตผลิตภัณฑ์
เทคโนโลยีเครือข่ายในงานการผลิต (Production Network) เป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงและควบคุมอุปกรณ์และระบบในกระบวนการผลิต
ตัวอย่างต่อไปนี้เป็น hardware และ software ที่อาจปรากฏในระบบเครือข่ายการผลิต
Hardware
- สวิตช์เครือข่าย (Network Switches) ใช้ในการเชื่อมโยงอุปกรณ์เครือข่ายและส่งข้อมูลในเครือข่ายการผลิต
- รูทเตอร์เครือข่าย (Network Routers) ใช้ในการเชื่อมโยงเครือข่ายและส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายแต่ละอัน
- การ์ตเนอร์ (Gateways) ใช้ในการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายแต่ละอันหรือระบบอื่น ๆ
- อุปกรณ์การสื่อสาร (Communication Devices) เช่น โมเดม, อุปกรณ์แปลงสัญญาณ, และอุปกรณ์เชื่อมโยงอื่น ๆ
- การ์ดเครือข่าย (Network Cards) ใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายการผลิต
- อุปกรณ์ควบคุมเครือข่าย (Network Control Devices) เช่น อุปกรณ์ควบคุมการเข้าถึงเครือข่ายและระบบควบคุมอื่น ๆ
- อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ (Temperature Control Devices) ใช้ในระบบการผลิตเพื่อควบคุมอุณหภูมิและสภาพแวดล้อม
- อุปกรณ์ควบคุมโรบอต (Robot Control Devices) ใช้ในระบบการผลิตเพื่อควบคุมโรบอตและโรบอตอาร์ม
- อุปกรณ์ตรวจสอบ (Sensors) เซนเซอร์ที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพ, ความดัน, อุณหภูมิ, และข้อมูลอื่น ๆ ในกระบวนการผลิต
- ระบบเก็บข้อมูลและสำรองข้อมูล (Data Storage and Backup Systems) ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลการผลิตและสำรองข้อมูลเพื่อความปลอดภัย
Software
- ซอฟต์แวร์ควบคุมเครือข่าย (Network Control Software) ใช้ในการควบคุมและจัดการเครือข่ายการผลิต
- ระบบควบคุมอุณหภูมิและสิ่งแวดล้อม (Environmental Control Software) ใช้ในการควบคุมอุณหภูมิและสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต
- ซอฟต์แวร์การจัดการการผลิต (Production Management Software) ใช้ในการวางแผนและควบคุมการผลิตในโรงงาน
- ซอฟต์แวร์ควบคุมโรบอต (Robot Control Software) ใช้ในการโปรแกรมและควบคุมโรบอตและโรบอตอาร์มในการผลิต
- ระบบจัดการข้อมูลและสำรองข้อมูล (Data Management and Backup Software) ใช้ในการจัดการข้อมูลการผลิตและสำรองข้อมูลสำคัญ
- ซอฟต์แวร์การสื่อสาร (Communication Software) ใช้ในการควบคุมการสื่อสารในเครือข่ายการผลิต
- ระบบควบคุมการเข้าถึงและความปลอดภัย (Access Control and Security Software) ใช้ในการควบคุมการเข้าถึงและรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย
- ซอฟต์แวร์การสรุปข้อมูล (Data Analytics Software) ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลการผลิตเพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจ
- ระบบจัดการความปลอดภัยเครือข่าย (Network Security Management System) ใช้ในการควบคุมความปลอดภัยของเครือข่ายการผลิต
- ระบบจัดการการบำรุงรักษา (Maintenance Management System) ใช้ในการวางแผนและควบคุมการบำรุงรักษาอุปกรณ์ในเครือข่ายการผลิต
เทคโนโลยีเครือข่ายในงานการผลิตช่วยให้ระบบการผลิตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว, และช่วยลดความผิดพลาดในกระบวนการผลิตขององค์กร.
โดยมีรายละเอียดในการประเมินเพื่อจัดระดับความพร้อม ดังนี้
Band |
นิยาม |
คำอธิบายเพิ่มเติม |
1 Stand-alone machines |
อุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์ในกระบวนการผลิตของ องค์กรไม่ได้เชื่อมต่อกับโครงข่าย |
อุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์ในกระบวนการผลตและกระบวนการสนับสนุนการผลิตนั้น ไม่สามารถ แลกเปลี่ยนข้อมูลได้ เช่น เครื่องจักรที่ทำงานได้แบบ stand-alone |
2 Machine-network communication |
อุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์ในกระบวนการผลิต ของ องค์กรเชื่อมต่อกับโครงข่ายกลางได้ |
มีโครงข่ายกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลอุปกรณ์ เครื่องจักรและระบบคอมพิวเตอร์ ในกระบวนการผลิตและ กระบวนการสนับสนุนการผลิต แต่อุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์สามารถสื่อสารข้อมูลกันได้อย่าง จำกัด เช่น สื่อสารกันได้เฉพาะยี่ห้อเดียวกัน หรือ ต้องมีการแปลงไฟล์โดยพนักงานก่อน เป็นต้น |
3 Machine-Machine communication |
อุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์ในกระบวนการผลิต ของ องค์กร สามารถทำงานร่วมกันได้โดยตรงผ่านรูปแบบเทคโนโลยีและ โปรโตคอลการสื่อสารที่หลากหลาย |
มีโครงข่ายกลางที่เชื่อมโยงข้อมูลอุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์ในกระบวนการผลิตและกระบวนการ สนับสนุนการผลิต ให้สามารถสื่อสารข้อมูลกันได้หลากหลาย Platform ยี่ห้อ โปรโตคอล รุ่น เวอร์ชั่น หรือ data format |
4 Real-time communication |
อุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์ในกระบวนการผลิต ของ องค์กร มีความสามารถในการสื่อสารแบบ Real-time ระหว่างกันได้ |
มีโครงข่ายที่อุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์สามารถทำการแลกเปลี่ยนข้อมูล และ interact กัน ภายในโครงข่าย ได้แบบ real-time เช่น เมื่อเครื่องจักรกลึงชิ้นงานเสร็จ สามารถส่งข้อมูลไปบอกหุ่นยนต์เพื่อ Unload ชิ้นงานออกจากเครื่องกลึงได้ทันที |
5 Secured Network |
อุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์ในกระบวนการผลิต ของ องค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้แบบ Real-time และระบบมีความ มั่นคงปลอดภัยของข้อมูล (Cyber Security) |
มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดและตอบสนองต่อการถูกโจมตีด้านความปลอดภัยได้อย่างเหมาะสม มีการ จำกัดสิทธิ์ให้บุคคลที่ได้รับอนุญาตในการเข้าถึงโครงข่ายเพื่อจัดการอุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์ใน กระบวนการผลิตเฉพาะส่วนที่ตนเองรับผิดชอบ |
6 Easy change and duplicate |
สามารถ configure เพิ่มจำนวนอุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบ คอมพิวเตอร์ในกระบวนการผลิตให้ทำงานร่วมกันได้โดยง่าย (Scalable) |
ระบบโครงข่ายกลางที่ควบคุมข้อมูลการผลิตและข้อมูลสนับสนุนการผลิต สามารถเชื่อมโยงและรองรับการ ขยายตัวตามปริมาณการใช้งาน ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว |
-
---------------------------------------------
สนใจข้อมูลเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่นี่
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมอุตสาหกรรมไทย 4.0 (Thailand I 4.0 Index)
-------------------------------------------------
ที่มาข้อมูล
-------------------------------------------------
ข้อมูลที่น่าสนใจประวัติศาสตร์อุตสาหกรรม 4.0 ที่นี่ที่นี่
อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) รวมข้อมูล-------------------------------------------------
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย 4.0 มิติ 1 เทคโนโลยี (Technology)
มิติย่อยที่ 05 การเชื่อมโยงเครือข่ายในองค์กร (Enterprise Network)
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย 4.0 มิติ 1 เทคโนโลยี (Technology) คือ ระบบการผลิตที่เป็น ระบบบริหารจัดการและจัดเก็บข้อมูลระบบ การจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกที่รูปแบบการทำงานอัตโนมัติระบบควบคุมเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันแบบต่อเนื่องแบบไร้รอยต่อ 6 ย่อยย่อย
มิติย่อยที่ 05 การเชื่อมโยงเครือข่ายในองค์กร (Enterprise Network) พิจารณาที่ความสามารถในการสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูล ระหว่างอุปกรณ์ / เครื่องมือ / ระบบคอมพิวเตอร์ / โครงข่ายที่ใข้ในกระบวนการด้านงานบริหารและธุรการ เทคโนโลยีเครือข่ายในองค์กร (Enterprise Network) เป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงและควบคุมระบบสารสนเทศและการสื่อสารในองค์กร.
ตัวอย่างต่อไปนี้เป็น hardware และ software ที่อาจปรากฏในระบบเครือข่ายในองค์กร
Hardware
- เราเตอร์ (Router) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อเครือข่ายย่อย (Subnet) เข้าด้วยกัน ใช้ในการเชื่อมโยงเครือข่ายและส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายต่าง ๆ ในองค์กร
- สวิตช์เครือข่าย (Network Switches) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายเดียวกัน ใช้ในการเชื่อมโยงอุปกรณ์เครือข่ายและส่งข้อมูลในเครือข่ายภายในองค์กร
- ระบบควบคุมการเข้าถึง (Access Control Systems) ใช้ในการควบคุมการเข้าถึงเครือข่ายและความปลอดภัยของข้อมูล
- จุดเชื่อมต่อไร้สาย (Access Point) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่กระจายสัญญาณเครือข่ายไร้สาย
- อุปกรณ์ควบคุมเครือข่าย (Network Control Devices) เช่น อุปกรณ์ควบคุมการเข้าถึงเครือข่ายและระบบควบคุมอื่น ๆ
- เกตเวย์ (Gateway) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อเครือข่ายภายในกับเครือข่ายภายนอก ใช้ในการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายแต่ละอันหรือระบบอื่น ๆ
- อุปกรณ์รวมข้อมูล (Aggregation Devices) ใช้ในการรวมข้อมูลจากหลายแหล่งและส่งต่อไปยังเครือข่ายหลัก
- อุปกรณ์สำรองไฟ (Uninterruptible Power Supplies, UPS) ใช้ในการคุมความปลอดภัยของเครื่องในกรณีไฟฟ้าดับ
- อุปกรณ์ควบคุมความสามารถในการโทร (Quality of Service, QoS) ใช้ในการควบคุมและคิดค่าความสามารถในการโทรสำคัญและการจัดลำดับข้อมูล
- การ์ดเครือข่าย (Network Interface Cards, NICs) - ใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย
- อุปกรณ์การสื่อสาร (Communication Devices) เช่น โมเดม, อุปกรณ์แปลงสัญญาณ, และอุปกรณ์เชื่อมโยงอื่น ๆ
- อุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่าย (Network Interface Card) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่าย
- เราเตอร์ไร้สาย (Wireless Router) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่ายไร้สาย
- เซิร์ฟเวอร์ (Server) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ให้บริการต่างๆ แก่ผู้ใช้เครือข่าย
- ไฟร์วอลล์ (Firewall) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ป้องกันเครือข่ายจากภัยคุกคามภายนอก
- ระบบรักษาความปลอดภัย (Security System) ระบบที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเครือข่าย
Software
- ระบบควบคุมเครือข่าย (Network Control Software) ใช้ในการควบคุมและจัดการเครือข่ายการผลิตในองค์กร
- ระบบจัดการข้อมูลลูกค้า (Customer Relationship Management, CRM) ใช้ในการจัดการข้อมูลลูกค้าและการสรุปความสัมพันธ์กับลูกค้า
- ซอฟต์แวร์ควบคุมการเข้าถึง (Access Control Software) ใช้ในการควบคุมการเข้าถึงเครือข่ายและระบบควบคุมอื่น ๆ
- ซอฟต์แวร์การจัดการข้อมูล (Data Management Software) ใช้ในการจัดการข้อมูลในองค์กร
- ระบบจัดการโครงการ (Project Management Software) ใช้ในการวางแผนและควบคุมโครงการในองค์กร.
- ระบบควบคุมความปลอดภัยเครือข่าย (Network Security Control Software) ใช้ในการควบคุมความปลอดภัยของเครือข่าย
- ระบบจัดการความปลอดภัยและการเข้าถึง (Security and Access Control Software) ใช้ในการควบคุมความปลอดภัยและการเข้าถึงของข้อมูล
- ซอฟต์แวร์การสรุปข้อมูล (Data Analytics Software) ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจ
- ระบบจัดการการสื่อสาร (Communication Management Software) ใช้ในการควบคุมการสื่อสารภายในองค์กร.
- ระบบจัดการการสนับสนุนเทคนิค (Technical Support Management Software) ใช้ในการจัดการการสนับสนุนทางเทคนิคและบริการลูกค้าในองค์กร
- ระบบปฏิบัติการ (Operating System) ระบบปฏิบัติการที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์
- ซอฟต์แวร์เครือข่าย (Network Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่าย
- ซอฟต์แวร์ความปลอดภัย (Security Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย
- ซอฟต์แวร์จัดการเครือข่าย (Network Management Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการจัดการเครือข่าย
- ซอฟต์แวร์ควบคุมอุปกรณ์ (Device Management Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการควบคุมอุปกรณ์เครือข่าย
- ซอฟต์แวร์วิเคราะห์เครือข่าย (Network Analysis Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์เครือข่าย
- ซอฟต์แวร์จำลองเครือข่าย (Network Simulation Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการจำลองเครือข่าย
- ซอฟต์แวร์ออกแบบเครือข่าย (Network Design Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการออกแบบเครือข่าย
- ซอฟต์แวร์ทดสอบเครือข่าย (Network Testing Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการทดสอบเครือข่าย
เทคโนโลยีเครือข่ายในองค์กร ช่วยให้องค์กรสามารถทำงานได้อย่าง มีประสิทธิภาพ, สร้างความปลอดภัย และควบคุมข้อมูล ให้สอดคล้องกับความต้องการทางธุรกิจของตน
ตัวอย่างการใช้งานการเชื่อมโยงเครือข่ายในองค์กร ในอุตสาหกรรมการผลิต เช่น
- การใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่าย (Network Interface Card) เพื่อเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่าย
- การใช้เราเตอร์ (Router) เพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายย่อย (Subnet) เข้าด้วยกัน
- การใช้สวิตช์ (Switch) เพื่อเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายเดียวกัน
- การใช้เราเตอร์ไร้สาย (Wireless Router) เพื่อเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่ายไร้สาย
- การใช้จุดเชื่อมต่อไร้สาย (Access Point) เพื่อกระจายสัญญาณเครือข่ายไร้สาย
- การใช้เกตเวย์ (Gateway) เพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายภายในกับเครือข่ายภายนอก
- การใช้เซิร์ฟเวอร์ (Server) เพื่อให้บริการต่างๆ แก่ผู้ใช้เครือข่าย
- การใช้ไฟร์วอลล์ (Firewall) เพื่อป้องกันเครือข่ายจากภัยคุกคามภายนอก
- การใช้ระบบรักษาความปลอดภัย (Security System) เพื่อรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย
การเชื่อมโยงเครือข่ายในองค์กร สามารถช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์และระบบต่างๆ เข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและทรัพยากรร่วมกันได้ นอกจากนี้ การเชื่อมโยงเครือข่ายในองค์กรยังช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อีกด้วย
นอกจากตัวอย่างข้างต้นแล้ว ยังมีเทคโนโลยีการเชื่อมโยงเครือข่ายในองค์กรอีกมากมายที่สามารถใช้กับอุตสาหกรรมการผลิตได้ เช่น
- การประมวลผลบนระบบคลาวด์ (Cloud Computing) เทคโนโลยีที่ช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถเข้าถึงทรัพยากรและบริการต่างๆ จากอินเทอร์เน็ต
- ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence, AI) เทคโนโลยีที่ช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด
- อินเทอร์เน็ตของทุกสรรพสิ่ง (Internet Of Things: IoT) เทคโนโลยีที่ช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกันได้
การเลือกเทคโนโลยีการเชื่อมโยงเครือข่ายในองค์กรที่เหมาะสมกับโรงงานนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดของโรงงาน ประเภทของการผลิต งบประมาณ และเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ
รายละเอียดในการประเมินเพื่อจัดระดับความพร้อม ดังนี้
Band |
นิยาม |
คำอธิบายเพิ่มเติม |
1 Stand-alone devices |
อุปกรณ์ เครื่องมือ และระบบคอมพิวเตอร์ ในงานด้านบริหารและ ธุรการ ขององค์กรไม่ได้เชื่อมต่อกับโครงข่าย |
อุปกรณ์ และระบบคอมพิวเตอร์ในงานบริหารและธุรการไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ หรือเป็นแบบ stand- alone |
2 Device-network communication |
อุปกรณ์ เครื่องมือ และระบบคอมพิวเตอร์ ในงานด้านบริหารและ ธุรการ ขององค์กรรองรับการเชื่อมต่อกับโครงข่ายกลางได้ |
มีโครงข่ายกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลอุปกรณ์ และระบบคอมพิวเตอร์ ด้านบริหารและธุรการ แต่อุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์สามารถสื่อสารข้อมูลกันได้อย่างจำกัด เช่น มีโปรแกรมการคำนวณค่าจ้าง และ ข้อมูลการเข้างานของพนักงานจากเครื่อง finger print scanner อยู่ในเครือข่ายกลาง แต่ข้อมูลยังไม่สามารถส่ง ระหว่างกันได้ |
3 Device-Device communication |
อุปกรณ์ เครื่องมือ และระบบคอมพิวเตอร์ ในงานด้านบริหารและ ธุรการ ขององค์กร สามารถทำงานร่วมกันได้ผ่านรูปแบบเทคโนโลยีและ โปรโตคอลการสื่อสารที่หลากหลาย |
มีโครงข่ายกลางที่เชื่อมโยงข้อมูลอุปกรณ์ และระบบคอมพิวเตอร์ด้านบริหารและธุรการ ที่สามารถสื่อสารข้อมูล กันได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านยี่ห้อ โปรโตคอล รุ่น เวอร์ชั่น data format หรือข้ามแผนกได้ เช่น สามารถดึงข้อมูล จากเครื่อง finger print scanner และจากอุปกรณ์อื่นๆ เข้าสู่โปรแกรมคำนวณค่าจ้างได้โดยไม่ต้องแปลงข้อมูล |
4 Real-time communication |
อุปกรณ์ เครื่องมือ และระบบคอมพิวเตอร์ ในงานด้านบริหารและ ธุรการขององค์กร มีความสามารถในการสื่อสารแบบ Real-time ระหว่างกันได้ หรือมีการส่ง-รับข้อมูลกันแบบ Auto Feed เพื่อให้อีก ฝ่ายทำงานต่อได้ทันเวลา |
มีโครงข่ายที่อุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์สามารถทำการแลกเปลี่ยนข้อมูล และ interact กัน ภายในโครงข่าย ได้แบบ real-time |
5 Secured Network |
อุปกรณ์ เครื่องมือ และระบบคอมพิวเตอร์ ในงานด้านบริหารและ ธุรการ ขององค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้แบบ Real-time และระบบ มีความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล (Cyber Security) |
มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดและตอบสนองต่อการถูกโจมตีด้านความปลอดภัยได้อย่างเหมาะสม มีการ จำกัดสิทธิ์ให้บุคคลที่ได้รับอนุญาตในการเข้าถึงโครงข่ายเพื่อจัดการอุปกรณ์ และระบบคอมพิวเตอร์ใน กระบวนการบริหารและธุรการเฉพาะส่วนที่ตนเองรับผิดชอบ |
6 Easy change and duplicate |
สามารถ configure เพิ่มจำนวนอุปกรณ์ เครื่องมือ และระบบ คอมพิวเตอร์ ในงานด้านบริหารและธุรการ ในโครงข่ายได้โดยง่าย (Scalable) |
ระบบโครงข่ายที่ควบคุม อุปกรณ์ เครื่องมือ และระบบคอมพิวเตอร์ ในงานด้านบริหารและธุรการ สามารถรองรับ การขยายตัวตามปริมาณการใช้งาน ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เช่น ระบบ ERP on Cloud |
-
---------------------------------------------
สนใจข้อมูลเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่นี่
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมอุตสาหกรรมไทย 4.0 (Thailand I 4.0 Index)
-------------------------------------------------
ที่มาข้อมูล
-------------------------------------------------
ข้อมูลที่น่าสนใจประวัติศาสตร์อุตสาหกรรม 4.0 ที่นี่ที่นี่
อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) รวมข้อมูล-------------------------------------------------
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย 4.0 มิติ 1 เทคโนโลยี (Technology)
มิติย่อยที่ 06 การเชื่อมโยงเครือข่ายในระบบอำนวยความสะดวก (Facility Network)
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย 4.0 มิติ 1 เทคโนโลยี (Technology) คือ ความพร้อมของระบบการผลิต ระบบบริหารและธุรการขององค์กร และระบบการจัดการ Facilities ที่เป็นแบบ Automation และมี Network ที่เชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ ประกอบด้วย 6 มิติย่อย
มิติย่อยที่ 06 การเชื่อมโยงเครือข่ายในระบบอำนวยความสะดวก (Facility Network) พิจารณาที่ความสามารถในการสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์/เครื่องจักร/ระบบคอมพิวเตอร์ /โครงข่ายที่ใข้ในกระบวนการดูแลสถานที่/อาคาร/สิ่งปลูกสร้าง ที่เกี่ยวข้อง กับการดำเนินธุรกิจขององค์กร
การเชื่อมโยงเครือข่ายในระบบอำนวยความสะดวก (Facility Network) ใช้ในการควบคุมและจัดการระบบอำนวยความสะดวกในสถานที่หรือองค์กร ตัวอย่างต่อไปนี้เป็น hardware และ software ที่อาจปรากฏในระบบเครือข่ายอำนวยความสะดวกในกระบวนการผลิต
Hardware
- ระบบควบคุมแสง (Lighting Control System) ใช้ในการควบคุมแสงในอาคารหรือสถานที่ผลิต
- ระบบควบคุมอากาศ (HVAC Control System) ใช้ในการควบคุมระบบอากาศในอาคารหรือสถานที่
- ระบบควบคุมการเข้าถึง (Access Control System) ใช้ในการควบคุมการเข้าถึงอาคารหรือบริเวณที่สำคัญ
- ระบบประกาศเสียง (Public Address System) ใช้ในการประกาศข้อมูลและเสียงสดในอาคารหรือสถานที่ผลิต
- ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV System) ใช้ในการติดตามและรักษาความปลอดภัยในสถานที่ผลิต
- ระบบจัดการพลังงาน (Energy Management System) ใช้ในการควบคุมการใช้พลังงานไฟฟ้าและการระบายความร้อนในอาคาร
- ระบบสื่อสารภายใน (Intercom System) ใช้ในการสื่อสารภายในอาคารหรือสถานที่
- ระบบจัดการความปลอดภัย (Security Management System) ใช้ในการควบคุมความปลอดภัยในสถานที่ผลิต
- อุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน (Energy Conservation Devices) เช่น หลอดไฟ LED, อุปกรณ์ประหยัดน้ำ, และอื่น ๆ
- ระบบจัดเก็บน้ำฝน (Rainwater Harvesting System) ใช้ในการเก็บน้ำฝนสำหรับใช้ในการรดน้ำสวนหรือในการผลิต
- อุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่าย (Network Interface Card) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับเครือข่าย
- เราเตอร์ (Router) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อเครือข่ายย่อย (Subnet) เข้าด้วยกัน
- สวิตช์ (Switch) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ในเครือข่ายเดียวกัน
- เราเตอร์ไร้สาย (Wireless Router) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับเครือข่ายไร้สาย
- จุดเชื่อมต่อไร้สาย (Access Point) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่กระจายสัญญาณเครือข่ายไร้สาย
- เกตเวย์ (Gateway) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อเครือข่ายภายในกับเครือข่ายภายนอก
- เซิร์ฟเวอร์ (Server) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ให้บริการต่างๆ แก่ผู้ใช้เครือข่าย
- ไฟร์วอลล์ (Firewall) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ป้องกันเครือข่ายจากภัยคุกคามภายนอก
- ระบบรักษาความปลอดภัย (Security System) ระบบที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเครือข่าย
Software
- ซอฟต์แวร์ควบคุมแสงอัตโนมัติ (Automatic Lighting Control Software) ใช้ในการควบคุมแสงตามเวลาหรือเงื่อนไขที่กำหนด
- ซอฟต์แวร์ควบคุมอากาศอัตโนมัติ (Automatic HVAC Control Software) ใช้ในการควบคุมระบบอากาศเพื่อประหยัดพลังงาน
- ระบบจัดการข้อมูลระบบการเข้าถึง (Access Control Data Management Software) ใช้ในการจัดการข้อมูลผู้ใช้และการเข้าถึง
- ซอฟต์แวร์สิ่งแวดล้อม (Environmental Software) ใช้ในการควบคุมและจัดการสิ่งแวดล้อมเช่นคุณภาพอากาสและอุณหภูมิ
- ระบบจัดการพลังงาน (Energy Management Software) ใช้ในการจัดการการใช้พลังงานในอาคารหรือสถานที่
- ระบบจัดการสื่อสารภายใน (Intercom Management Software) ใช้ในการควบคุมการสื่อสารภายในอาคารหรือสถานที่
- ระบบจัดการความปลอดภัยและการเข้าถึง (Security and Access Control Software) ใช้ในการควบคุมความปลอดภัยและการเข้าถึงของข้อมูลในสถานที่ผลิต
- ระบบควบคุมการสื่อสารเสียง (Voice Communication Control Software) ใช้ในการควบคุมการสื่อสารเสียงในสถานที่ผลิต.
- ระบบจัดการความปลอดภัยและการเข้าถึงข้อมูล (Security and Access Control Data Management Software) ใช้ในการจัดการข้อมูลความปลอดภัยและการเข้าถึง
- ระบบจัดการการบำรุงรักษา (Maintenance Management System) ใช้ในการวางแผนและควบคุมการบำรุงรักษาอุปกรณ์ในสถานที่ผลิต
- ระบบปฏิบัติการ (Operating System) ระบบปฏิบัติการที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของอุปกรณ์
- ซอฟต์แวร์เครือข่าย (Network Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับเครือข่าย\
- ซอฟต์แวร์ความปลอดภัย (Security Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย
- ซอฟต์แวร์จัดการเครือข่าย (Network Management Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการจัดการเครือข่าย
- ซอฟต์แวร์ควบคุมอุปกรณ์ (Device Management Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการควบคุมอุปกรณ์เครือข่าย
- ซอฟต์แวร์วิเคราะห์เครือข่าย (Network Analysis Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์เครือข่าย
- ซอฟต์แวร์จำลองเครือข่าย (Network Simulation Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการจำลองเครือข่าย
- ซอฟต์แวร์ออกแบบเครือข่าย (Network Design Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการออกแบบเครือข่าย
- ซอฟต์แวร์ทดสอบเครือข่าย (Network Testing Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการทดสอบเครือข่าย
ระบบเครือข่ายในระบบอำนวยความสะดวกช่วยในการควบคุมและจัดการระบบอำนวยความสะดวกเพื่อเพิ่มความประสิทธิภายในสถานที่นั้นและประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุณภาพชีวิตของผู้ใช้
ตัวอย่างการใช้งานการเชื่อมโยงเครือข่าย ในระบบอำนวยความสะดวกในกระบวนการผลิต เช่น
- การใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่าย (Network Interface Card) เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับเครือข่าย
- การใช้เราเตอร์ (Router) เพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายย่อย (Subnet) เข้าด้วยกัน
- การใช้สวิตช์ (Switch) เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ในเครือข่ายเดียวกัน
- การใช้เราเตอร์ไร้สาย (Wireless Router) เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับเครือข่ายไร้สาย
- การใช้จุดเชื่อมต่อไร้สาย (Access Point) เพื่อกระจายสัญญาณเครือข่ายไร้สาย
- การใช้เกตเวย์ (Gateway) เพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายภายในกับเครือข่ายภายนอก
- การใช้เซิร์ฟเวอร์ (Server) เพื่อให้บริการต่างๆ แก่ผู้ใช้เครือข่าย
- การใช้ไฟร์วอลล์ (Firewall) เพื่อป้องกันเครือข่ายจากภัยคุกคามภายนอก
- การใช้ระบบรักษาความปลอดภัย (Security System) เพื่อรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย
การเชื่อมโยงเครือข่ายในระบบอำนวยความสะดวกสามารถช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและทรัพยากรร่วมกันได้ นอกจากนี้ การเชื่อมโยงเครือข่ายในระบบอำนวยความสะดวกยังช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถควบคุมและตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
อกจากตัวอย่างข้างต้นแล้ว ยังมีเทคโนโลยีการเชื่อมโยงเครือข่ายในระบบอำนวยความสะดวกอีกมากมายที่สามารถใช้กับอุตสาหกรรมการผลิตได้ เช่น
- การประมวลผลบนระบบคลาวด์ (Cloud Computing) เทคโนโลยีที่ช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถเข้าถึงทรัพยากรและบริการต่างๆ จากอินเทอร์เน็ต
- ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence, AI) เทคโนโลยีที่ช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด
- อินเทอร์เน็ตของทุกสรรพสิ่ง (Internet Of Things: IoT) เทคโนโลยีที่ช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกันได้
การเลือกเทคโนโลยีการเชื่อมโยงเครือข่ายในระบบอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมกับโรงงานนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดของโรงงาน ประเภทของการผลิต งบประมาณ และเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ
ตัวอย่างเฉพาะของการเชื่อมโยงเครือข่ายในระบบอำนวยความสะดวกในกระบวนการผลิต เช่น
- การใช้ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น (HVAC System) เชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สายเพื่อควบคุมอุณหภูมิและความชื้นภายในอาคาร
- การใช้ระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติ (Automated Lighting System) เชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติตามความจำเป็น
- การใช้ระบบรักษาความปลอดภัย (Security System) เชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อตรวจจับและป้องกันการบุกรุก
- การใช้ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV System) เชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อบันทึกภาพและวิดีโอ
- การใช้ระบบควบคุมการเข้าออก (Access Control System) เชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อควบคุมการเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ในโรงงาน
- การใช้ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ (Fire Alarm System) เชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อแจ้งเตือนการเกิดเพลิงไหม้
- การใช้ระบบสุขาภิบาล (Sanitation System) เชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อควบคุมคุณภาพน้ำและอากาศในโรงงาน
- การใช้ระบบขนส่งวัสดุภายในอาคาร (Internal Material Handling System) เชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อควบคุมการขนส่งวัสดุและสินค้า
การเชื่อมโยงเครือข่ายในระบบอำนวยความสะดวกสามารถช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และต้นทุนในการดำเนินงาน
รายละเอียดในการประเมินเพื่อจัดระดับความพร้อม ดังนี้
Band |
นิยาม |
คำอธิบายเพิ่มเติม |
1 Stand-alone equipments |
Facilities ขององค์กรไม่ได้เชื่อมต่อกับโครงข่าย |
อุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์ในการควบคุมระบบ facility ไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ หรือเป็น แบบ stand-alone |
2 Equipment-network communication |
Facilities ขององค์กรเชื่อมต่อกับโครงข่ายกลางได้ |
มีโครงข่ายกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลอุปกรณ์ เครื่องจักรและระบบคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมระบบ facility แต่ อุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถสื่อสารข้อมูลระหว่างกันได้ เช่น ข้อมูลด้านพลังงานไฟฟ้า ของเครื่องปรับอากาศแต่ละเครื่องอยู่ในเครือข่ายกลาง แต่ข้อมูลยังไม่สามารถใช้สื่อสารระหว่างกันหรือระหว่าง ระบบได้ |
3 Equipment-equipment communication |
Facilities ขององค์กร สามารถทำงานร่วมกันได้ผ่านรูปแบบเทคโนโลยี และโปรโตคอลการสื่อสารที่หลากหลาย |
อุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล ระหว่างกันได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้าน ยี่ห้อ โปรโตคอล รุ่น เวอร์ชั่น Data Format หรือข้ามระบบได้ เป็นต้น |
4 Real-time communication |
Facilities ขององค์กร มีความสามารถในการสื่อสารแบบ Real-time ระหว่างกันได้ |
มีโครงข่ายที่อุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์สามารถทำการแลกเปลี่ยนข้อมูล และ interact กัน ภายในโครงข่าย ได้แบบ real-time เช่น ระบบ Motion Detection ตรวจจับความเคลื่อนไหลในพื้นที่ได้จะส่ง สัญญาณให้ระบบที่เกี่ยวข้องทำงาน เช่น ระบบส่องสว่าง ระบบกล้องวงจรปิด ระบบ Ventilation เป็นต้น |
5 Secured Network |
Facilities ขององค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้แบบ Real-time และ ระบบมีความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล (Cyber Security) |
มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดและตอบสนองต่อการถูกโจมตีด้านความปลอดภัยได้อย่างเหมาะสม มีการ จำกัดสิทธิ์ให้บุคคลที่ได้รับอนุญาตในการเข้าถึงโครงข่ายเพื่อจัดการอุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์ เฉพาะส่วนที่ตนเองรับผิดชอบ |
6 Easy change and duplicate |
สามารถ configure เพิ่มจำนวน Facilities ในโครงข่ายได้โดยง่าย (Scalable) |
ระบบโครงข่ายที่ควบคุม Facility สามารถรองรับการขยายตัวตามปริมาณการใช้งาน ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เช่น ระบบจัดการ Facility บน Cloud |
-
---------------------------------------------
สนใจข้อมูลเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่นี่
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมอุตสาหกรรมไทย 4.0 (Thailand I 4.0 Index)
-------------------------------------------------
ที่มาข้อมูล
-------------------------------------------------
ข้อมูลที่น่าสนใจประวัติศาสตร์อุตสาหกรรม 4.0 ที่นี่ที่นี่
อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) รวมข้อมูล-------------------------------------------------
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย 4.0 มิติ 2 ระบบอัจฉริยะในการทำงาน (Smart Operation)
มิติย่อยที่ 07 ระบบอัจฉริยะในงานการผลิต (Smart Production)
มิติที่ 2 การดำเนินงานที่ชาญฉลาด (Smart Operation) ความสามารถของระบบการผลิต ระบบบริหารและธุรการขององค์กร และระบบการจัดการ Facilities ที่เป็นแบบชาญฉลาดและบริหารจัดการและปรับเปลี่ยนในตัวระบบเอง การประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างชาญฉลาดเพื่อใช้ในการบริหารการผลิต การดำเนินงานขององค์กรอุปกรณ์และสถานที่ผลิตที่ดำเนินแบบแผนไปในทางเดียวกันอย่างคล่องตัว ประกอบด้วย 3 มิติย่อย
มิติย่อยที่ 07 ระบบอัจฉริยะในงานการผลิต (Smart Production) คือ พิจารณากระบวนการในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ได้จาก เครื่องจักร / อุปกรณ์ / เครื่องมือในกระบวนการผลิต และกระบวนการสนับสนุนการผลิต เพื่อนำไปเพิ่ม ประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจ
ระบบอัจฉริยะในงานการผลิต (Smart Production) เป็นส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความประสิทธิภาพ, ลดค่าใช้จ่าย, และพัฒนาการผลิต. ตัวอย่างต่อไปนี้เป็น hardware และ software ที่อาจปรากฏในระบบอัจฉริยะในงานการผลิต
Hardware
- ระบบเซ็นเซอร์และอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ใช้ในการรวบรวมข้อมูลและควบคุมอุปกรณ์ในเชิงอัจฉริยะ
- หุ่นยนต์และอุปกรณ์อัจฉริยะในการผลิต เช่น หุ่นยนต์อุตสาหกรรม, บอท, และเครื่องจักรอัจฉริยะ
- ระบบอินทราเน็ตของสรรพสิ่ง (Industrial Internet of Things - IIoT) เชื่อมโยงอุปกรณ์และเครื่องจักรในระบบผลิตเข้ากับเครือข่าย
- เซ็นเซอร์ควบคุมสภาพแวดล้อม เช่น เซ็นเซอร์ควบคุมอุณหภูมิ, ความชื้น, และคุณภาพอากาสในระบบผลิต
- ระบบควบคุมการผลิตที่อัจฉริยะ ระบบการควบคุมการผลิตและการจัดการกระบวนการผลิตอัจฉริยะ
- ระบบกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ (Smart CCTV System) ระบบกล้องวงจรปิดที่สามารถแสดงข้อมูลและวิดีโอเพื่อดูแลและควบคุมระบบผลิต
- อุปกรณ์ควบคุมระบบการผลิต เช่น หน้าจอสัมผัส (Touchscreen), แป้นควบคุม, และอุปกรณ์ระบบควบคุม
- ระบบจัดเก็บข้อมูลและข้อมูลในเวลาเป็นจริง เช่น ฮาร์ดดิสก์, บล็อกเชน (Blockchain), และระบบจัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์
- อุปกรณ์รองรับการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องมือตรวจสอบคุณภาพและวัดค่าสมบูรณ์ของผลิตภัณฑ์
- ระบบการสื่อสารและการเชื่อมโยงเครือข่าย เช่น ระบบควบคุมการสื่อสารและเชื่อมโยงอุปกรณ์ในเครือข่ายผลิต
- หุ่นยนต์อุตสาหกรรม (Industrial Robots) หุ่นยนต์ที่ใช้ในการทำงานต่างๆ ในโรงงาน เช่น การประกอบ การเชื่อม การหยิบจับ และขนย้าย
- เครื่องจักรอัตโนมัติ (Automated Machines) เครื่องจักรที่ทำงานได้เองโดยไม่ต้องใช้แรงงานคน เช่น เครื่องจักรสำหรับผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรสำหรับผลิตอาหาร และเครื่องจักรสำหรับผลิตเสื้อผ้า
- เซ็นเซอร์ (Sensors) อุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดค่าต่างๆ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น ตำแหน่ง และความเร็ว
- อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (IoT Devices) อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในโรงงาน
- ระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation Control Systems) ระบบที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ในโรงงาน
- ระบบเก็บข้อมูล (Data Storage Systems) ระบบที่ใช้ในการเก็บข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลการผลิต ข้อมูลเครื่องจักร และข้อมูลคุณภาพ
- ระบบเครือข่าย (Network Systems) ระบบที่ใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน
- ระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing Systems) ระบบที่ช่วยให้โรงงานสามารถเข้าถึงทรัพยากรและบริการต่างๆ จากอินเทอร์เน็ต
- ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI Systems) ระบบที่ช่วยให้โรงงานสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด
Software
- ซอฟต์แวร์การควบคุมการผลิต (Manufacturing Execution System - MES) ใช้ในการจัดการกระบวนการผลิตและควบคุมการผลิต
- ระบบควบคุมการผลิตแบบอัจฉริยะ (Smart Manufacturing System) ระบบที่ควบคุมและปรับปรุงกระบวนการผลิตอัจฉริยะ
- ซอฟต์แวร์การวางแผนการผลิต (Production Planning Software) ใช้ในการวางแผนและตรวจสอบกระบวนการผลิต
- ระบบการควบคุมคุณภาพแบบอัจฉริยะ (Smart Quality Control System) ใช้ในการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์
- ซอฟต์แวร์ควบคุมการสั่งงานและการผลิต (Job Scheduling and Production Control Software) ใช้ในการวางแผนและควบคุมการทำงานและการผลิต
- ซอฟต์แวร์การวิเคราะห์ข้อมูลและควบคุมการผลิต (Data Analytics and Production Control Software) ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลผลิตเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ
- ซอฟต์แวร์การจัดการความปลอดภัยและการเข้าถึงข้อมูล (Security and Access Control Software) ใช้ในการควบคุมความปลอดภัยและการเข้าถึงข้อมูลในระบบผลิต
- ระบบควบคุมการผลิตแบบอัจฉริยะสำหรับหุ่นยนต์ (Smart Manufacturing System for Robotics) ใช้ในการควบคุมหุ่นยนต์และระบบอัจฉริยะในการผลิต
- ซอฟต์แวร์จัดการการบำรุงรักษาและซ่อมบำรุง (Maintenance Management Software) ใช้ในการวางแผนและควบคุมการบำรุงรักษาอุปกรณ์ในระบบผลิต
- ระบบการบริหารความรู้และการฝึกอบรม (Knowledge Management and Training System) ใช้ในการบริหารความรู้และการฝึกอบรมพนักงานในระบบผลิต
- ซอฟต์แวร์วางแผนการผลิต (Production Planning Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการวางแผนการผลิต
- ซอฟต์แวร์ควบคุมการผลิต (Production Control Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการควบคุมการผลิต
- ซอฟต์แวร์ตรวจสอบคุณภาพ (Quality Control Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพ
- ซอฟต์แวร์บริหารจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการบริหารจัดการคลังสินค้า
- ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
- ซอฟต์แวร์จำลองการผลิต (Production Simulation Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการจำลองการผลิต
- ซอฟต์แวร์ออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์
- ซอฟต์แวร์ออกแบบเครื่องจักร (Machine Design Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการออกแบบเครื่องจักร
- ซอฟต์แวร์ออกแบบระบบอัตโนมัติ (Automation Design Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการออกแบบระบบอัตโนมัติ
ระบบอัจฉริยะในงานการผลิตช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต, ลดค่าใช้จ่าย, และเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังช่วยในการวางแผนและควบคุมกระบวนการผลิตอัจฉริยะและมีการสร้างข้อมูลเพื่อการบริหารและการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างการใช้งานระบบอัจฉริยะในงานการผลิต เช่น
- การใช้หุ่นยนต์อุตสาหกรรม (Industrial Robots) เพื่อประกอบชิ้นส่วนรถยนต์
- การใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ (Automated Machines) เพื่อผลิตอาหาร
- การใช้เซ็นเซอร์ (Sensors) เพื่อตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์
- การใช้อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (IoT Devices) เพื่อติดตามสถานะของเครื่องจักร
- การใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation Control Systems) เพื่อควบคุมการทำงานของเครื่องจักร
- การใช้ระบบเก็บข้อมูล (Data Storage Systems) เพื่อเก็บข้อมูลการผลิต
- การใช้ระบบเครือข่าย (Network Systems) เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน
- การประมวลผลบนระบบคลาวด์ (Cloud Computing) เทคโนโลยีที่ช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถเข้าถึงทรัพยากรและบริการต่างๆ จากอินเทอร์เน็ต
- ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence, AI) เทคโนโลยีที่ช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด
ระบบอัจฉริยะในงานการผลิตสามารถช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และต้นทุนในการดำเนินงานได้
ตัวอย่างประโยชน์ของการใช้ระบบอัจฉริยะในงานการผลิต ได้แก่
- ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ระบบอัจฉริยะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้โดยอัตโนมัติ เช่น การใช้หุ่นยนต์อุตสาหกรรมสามารถช่วยเพิ่มความเร็วและลดข้อผิดพลาดในการทำงาน
- เพิ่มความปลอดภัย ระบบอัจฉริยะสามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยในโรงงานโดยตรวจจับและป้องกันอันตรายต่างๆ เช่น การใช้เซ็นเซอร์สามารถช่วยตรวจจับการรั่วไหลของสารเคมี
- ลดต้นทุน ระบบอัจฉริยะสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตโดยลดการสูญเสียและปรับปรุงการใช้ทรัพยากร เช่น การใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์สามารถช่วยระบุโอกาสในการปรับปรุงประสิทธิภาพ
การเลือกระบบอัจฉริยะในงานการผลิตที่เหมาะสมกับโรงงานนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดของโรงงาน ประเภทของการผลิต งบประมาณ และเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ
รายละเอียดในการประเมินเพื่อจัดระดับความพร้อม ดังนี้
Band |
นิยาม |
คำอธิบายเพิ่มเติม |
1 Analog oriented |
ในกระบวนการผลิต ไม่มีอุปกรณ์ที่ใช้ระบบ OT และ IT เลย |
อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร ไม่ได้เป็นเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์หรือดิจิทัล |
2 Pre-programable system |
ในกระบวนการผลิต มีระบบ OT และ IT ใช้ในการทำงาน แต่เป็น ระบบแบบ pre-program เท่านั้น |
อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร ระบบคอมพิวเตอร์สามารถดำเนินการได้ตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ล่วงหน้า โดยไม่มี ความสามารถในการตรวจจับความผิดปกติของการทำงานได้ |
3 Notifiable system |
ในกระบวนการผลิต มีระบบ OT และ/หรือ IT ใช้ในการทำงาน โดย เป็นระบบที่มีความสามารถในการตรวจจับความผิดปกติและแจ้ง เตือนความผิดปกติผู้รับผิดชอบได้โดยไม่จำเป็นต้องอยู่หน้าเครื่อง |
อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร ระบบคอมพิวเตอร์สามารถตรวจจับการดำเนินงานที่เบี่ยงเบนหรือผิดปกติไปจาก ค่าที่กำหนดไว้และแจ้งเตือนพนักงานให้ทราบได้ทันที |
4 Analytical system |
ในกระบวนการผลิต มีระบบ OT และ /หรือ IT ใช้ในการทำงาน โดย ระบบสามารถตรวจจับความผิดปกติแจ้งเตือนและสามารถวินิจฉัย สาเหตุของความผิดปกติได้ |
อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร ระบบคอมพิวเตอร์สามารถตรวจจับการดำเนินงานที่เบี่ยงเบนหรือผิดปกติไปจาก ค่าที่กำหนดไว้และแจ้งเตือนพนักงานให้ทราบได้ทันที รวมถึงสามารถวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาหรือความ ผิดปกติได้ |
5 Precaution enabled system |
ระบบ OT และ /หรือ IT มีความสามารถในการคาดการณ์สภาวะที่ กำลังจะเกิดขึ้นกับ อุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์ ที่ใช้ ในกระบวการผลิตได้ล่วงหน้า ก่อนที่จะเกิดความเสียหาย |
อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์ สามารถตรวจจับการดำเนินงานที่เบี่ยงเบนไปจากค่าที่ กำหนดไว้ และนำมาประมวลผลร่วมกับข้อมูลเชิงสถิติ เพื่อคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้น แล้วแจ้งเตือนให้พนักงาน ทราบล่วงหน้า พร้อมสาเหตุของปัญหาที่ควรระวัง เช่น ระบบสามารถคาดการณ์อายุการใช้งานมอเตอร์ที่เหลือ จากสภาพการทำงานจริงของเครื่องจักร |
6 Forecastable and adaptable system |
ระบบ OT และ /หรือ IT สามารถวินิจฉัยสาเหตุและคาดการณส์ ภาวะ ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า โดยอาศัย Machine Learning รวมทั้ง สามารถให้คำแนะนำการปรับเปลี่ยน หรือระบบดำเนินการ ปรับเปลี่ยนพารามิเตอร์บางอย่างได้เอง |
อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์ สามารถคาดการณ์และวินิจฉัยสภาวะเบี่ยงเบนที่จะเกิดขึ้น ได้ล่วงหน้า รวมทั้งสามารถปรับเปลี่ยนปัจจัย (parameters) การทำงานให้กลับสู่สภาวะที่เหมาะสมที่สุดได้ด้วย ตัวเอง |
-
---------------------------------------------
สนใจข้อมูลเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่นี่
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมอุตสาหกรรมไทย 4.0 (Thailand I 4.0 Index)
-------------------------------------------------
ที่มาข้อมูล
-------------------------------------------------
ข้อมูลที่น่าสนใจประวัติศาสตร์อุตสาหกรรม 4.0 ที่นี่ที่นี่
อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) รวมข้อมูล-------------------------------------------------
เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward