iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้
Marketing ขั้นตอนสำคัญสู่ความสำเร็จในการขาย (Important steps to sales success)
การขาย เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ ทักษะการขายที่ดี จะช่วยให้ธุรกิจสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงิน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และประสบความสำเร็จในระยะยาว ขั้นตอนสำคัญในการขายมีได้หลายแบบ บทความนี้ จะแสดงขั้นตอนสำคัญในการขายตั้งแต่ต้นจนจบโดยมีขั้นตอนที่สำคัญ ได้แก่
- ค้นหาลูกค้าเป้าหมาย (Prospecting) คือ การค้นหาลูกค้าเป้าหมาย ผู้ที่มีความต้องการ กำลังมองหาสินค้าหรือบริการที่คุณนำเสนอ คุณสามารถค้นหาลูกค้าเป้าหมายได้หลายวิธี เช่น การแนะนำจากลูกค้าปัจจุบัน การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า หรือการใช้สื่อออนไลน์
- ค้นหาและเข้าใจความต้องการ (Discovering Skills) วิเคราะห์ค้นหาความต้องการลูกค้า ที่จะทำให้นักขาย เข้าใจและสามารถค้นหาความต้องการและคุณค่าความสำคัญในการซื้อของลูกค้า เพื่อนำเข้าสู่การปิดการขายเป็นระยะ
- ศึกษาทำความเข้าใจลูกค้า (Customer Insight) คือ นักขายต้องเข้าใจและวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าอยู่เสมอ เพราะเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปมุมมองและความต้องการของลูกค้าก็มักเปลี่ยนไป การขายในแต่ละครั้งก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนแปลงไปด้วย เพื่อนำเสนอขายให้ตรงใจได้ลูกค้าใหม่รักษาลูกค้าเดิม
- สร้างความสัมพันธ์ (Building Relationships) เมื่อค้นหาลูกค้าเป้าหมายได้แล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ การสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขา เรียนรู้เกี่ยวกับความต้องการ ปัญหา และเป้าหมายของพวกเขา การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี จะช่วยให้คุณสร้างความไว้วางใจ และโน้มน้าวให้พวกเขาซื้อสินค้าหรือบริการจากคุณ
- การวิเคราะห์วางแผนการขาย (Sale Persona Planner) เมื่อค้นหาลูกค้าเป้าหมายได้แล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ วางแผนวิเคราะห์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เพื่อนำเสนอขายให้ตรงใจ ด้วยเทคนิคการวางแผนการขาย ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักขายที่ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและพึงพอใจต่อลูกค้าในขณะนำเสนอขาย
- สร้างสัมพันธ์เปิดการขาย (Build relationships and open sales) เมื่อค้นหาลูกค้าเป้าหมายได้แล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ สร้างความไว้วางใจในช่วงเริ่มต้นของการติดต่อ การนัดหมาย และการเข้าพบลูกค้าด้วยการสร้างความน่าเชื่อถือของผู้ขาย (Sale Trust) เพื่อเปิดโอกาสในการขาย
- นำเสนอสินค้าหรือบริการ (Presenting Your Product or Service) เมื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเป้าหมายแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ นำเสนอคุณค่าโน้มน้าวใจ (Advocating Skills) การนำเสนอโน้มน้าวใจ ที่นักขายต้องรู้คุณค่าที่ตรงความต้องการ ลูกค้า (Value Seling)เพื่อนำเสนอโน้มน้าวด้วยคุณค่าสินค้าที่ตรงใจ (Bring Benefit) การนำเสนอสินค้าหรือบริการของคุณ อธิบายคุณสมบัติ ประโยชน์ และวิธีการทำงานของสินค้าหรือบริการ ให้ลูกค้าเข้าใจ ตอบคำถามของพวกเขา และแสดงให้พวกเขาเห็นว่าสินค้าหรือบริการของเราสามารถช่วยแก้ปัญหา หรือตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้อย่างไร
- จัดการกับข้อโต้แย้ง (Handling Objections) ลูกค้าอาจมีข้อสงสัยหรือข้อกังวลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ เราต้องเตรียมพร้อมที่จะจัดการกับข้อโต้แย้งเหล่านี้ ฟังข้อโต้แย้งของลูกค้าอย่างตั้งใจ ตอบคำถามของพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา และนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อโน้มน้าวให้พวกเขาซื้อ นักขายต้องเข้าใจและเรียนรู้ถึงข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้น และมีเทคนิควิธีการรับมือกับข้อโต้แย้ง ข้อต่อรอง เพื่อตอบคำถามสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
- ปิดการขาย (Closing the Deal) เมื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการ และจัดการกับข้อโต้แย้งของลูกค้าแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ การปิดการขายสร้างความเชื่อมั่น (Closing & Service for Supporting) เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการซื้อ สร้างสัมพันธภาพก่อนจากเพื่อเปิดโอกาสสู่การขายครั้งต่อไป การปิดการขาย ถามลูกค้าว่าพวกเขาต้องการซื้อหรือไม่ เสนอตัวเลือกการชำระเงิน และดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อสรุปการขาย
- ดูแลหลังการขาย (Providing After-Sales Care) การขายไม่ได้จบลงเมื่อลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการเท่านั้น แต่ควรต้องมีการดูแลลูกค้าหลังการขาย รอตอบคำถามของลูกค้าที่อาจจะมีหลังใช้สินค้า แนะนำการแก้ไขปัญหาที่พวกเขาอาจพบเจอ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าต่อไป
- ขอคำติชม (Asking for Feedback) หลังจากปิดการขายแล้ว ควรขอคำติชมจากลูกค้า ถามพวกเขาว่าพวกเขาคิดอย่างไรเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ อะไรคือสิ่งที่พวกเขาชอบ อะไรคือสิ่งที่พวกเขาไม่ชอบ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณปรับปรุงสินค้าหรือบริการของคุณให้ดียิ่งขึ้น
- วิเคราะห์ผลลัพธ์ (Analyzing Results) ติดตามผลลัพธ์ของการขายที่มี นำมาทำการวิเคราะห์ว่าอะไร คือสิ่งที่ได้ผล อะไรคือสิ่งที่ไม่ได้ผล ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถนำมาทำการปรับปรุงกลยุทธ์การขายให้ดียิ่งขึ้น
- พัฒนาอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement) ทักษะการขายเป็นทักษะที่ต้องเรียนรู้และพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ติดตามเทรนด์ใหม่ๆ หมั่นอ่านหนังสือเกี่ยวกับการขาย เข้าร่วมการฝึกอบรม และเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย
การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้อาจไม่ต้องทำทั้งหมด เพราะต้องปรัเปลี่ยนไปตามเหตุการณ์และในแต่ละสถานการณ์ จะช่วยให้นักขายประสบความสำเร็จในการขาย สามารถเพิ่มยอดขาย และสร้างธุรกิจที่มีให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
.
-------------------------------------------------
สนใจเรื่องราวเพิ่มเติมคลิกที่นี่
การตลาด (Marketing) รวมข้อมูลเพิ่มเติม
-------------------------------------------------
ช่องทางการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing)
ช่องทางการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) ในยุคโลกออนไลน์เพื่อเข้าถึงลูกค้ายุคใหม่ก็ต้องมีการจัดหาช่องทางในการทำการตลาดที่พัฒนาในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น ได้แก่
1. การตลาดผ่านอีเมล (Email Marketing) เป็นช่องทางการตลาดเก่าแก่ที่สุดในานอินเตอร์เน็ต เป็นการทำการตลาดที่เริ่มจากเราจะเก็บข้อมูลลูกค้าโดยที่ส่วนใหญ่จะมาจากที่เรารวบรวมข้อมูลเอง และส่งข้อความที่เป็นลักษณะจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ สามารถเป็นได้ทั้งการประชาสัมพันธ์ โฆษณาผลิตภัณฑ์ใหม่ หรืออาจจะเป็นโปรโมชั่นต่างๆ ไปตามอีเมลจากฐานข้อมูลในมือเรา ข้อดีเป็นอีกช่องทางที่เราเอาไว้สอดแทรก Media เช่น Official Website, Facebook, Instagram, Youtube, หรือแอปพลิเคชั่น ของเราใช้ส่งไปในอีเมล
2. การตลาดบนเว็บไซต์ (Website Marketing) ถึอว่าเป็นจุดหลักในการใช้แสดงข้อมูลร้านค้าสินค้าที่ดีที่สุด เว็บไชตืที่ดีเปรียบเหมือนเป็นร้านค้าที่ตั้บนโลกดิจิทัล ใช้ในการสื่อสารกับลูกค้า ถึงสิ่งที่เราผลิตขึ้นมาเพื่อเผยแพร่และนำเสนอขายสินค้าและบริการที่มีของเรา โดยที่หน้าที่ของ Website Marketing หลักๆ แล้ว คือ เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลสำหรับลูกค้าที่แวะมาเยี่ยมเยียน หรือทำความรู้จักกับแบรนด์ของเรา รวมถึงยังเป็นหน้าร้านเอาไว้ขายของได้อีกด้วยเราควรมีเว็บไซต์ที่ดีเพื่อเป็นที่อยู่ในการใช้ติดต่อสื่อสารกับลูกค้า ต่อจากนั้จึงวางแผนนำลูกค้ามาสู่เว็บไซต์ที่จัดเตรียมไว้ โดยจะมีขั้นตอนการทำ Search Engine หรือ SEO มาช่วยโดยปัจจุบันมักให้ความสำคัญกับ SEO บน Google เพราะนับว่าเป็นช่องทางที่ลูกค้าสามารถเข้ามาเจอร้านค้าของเราได้เร็วที่สุด
ข้อดีของช่องทางการตลาดแบบ Website Marketing เพราะช่วยทดแทนข้อจำกัดการตลาดบน Social Media ที่มี เช่น การเข้าดูข้อมูลย้อนหลัง การค้นหา หรือการจัดการข้อมูลจะทำได้ยาก การทำ Website จะทำให้เราไม่มีข้อจำกัดที่กล่าวมา เราสามารถดีไซน์รูปแบบว่าจะให้ออกมาแบบไหน ตามใจเราได้เลย สามารถทำอะไรได้หลายอย่างในเว็บไซต์ เช่น เผยแพร่ ข้อมูล ในขณะที่หน้าหลักกำลังขายของอยู่ เรายังสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าที่เข้ามาได้ การที่เรามีหน้าร้านของเราเองเท่ากับว่าข้อมูลของลูกค้าจะไม่ตกไปอยู่ในมือใคร เราจะเป็นเจ้าของข้อมูลทั้งหมดที่เข้ามาในเว็บไซต์ของเราได้เอง เรากำลังทำสิ่งที่ตอบโจทย์คน เพราะว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคสมัยนี้คือการเสิร์ชเพื่อ ค้นหาสิ่งที่กำลังสนใจ เพราะฉะนั้นเว็บไซต์จะช่วยให้ลูกค้าเจอเราบนโลกออนไลน์
3. โฆษณาบนช่องทางเสิร์ช (Search Engine Marketing) ซึ่งวิธีที่จะดึงดูดคนเข้าร้านนั้นก็ต้องพึ่งพาเจ้า SEO หรือ Search Engine Optimization ที่เป็นกระบวนการทำงานของระบบค้นหาบนโลกอินเตอร์เน็ต Search Engine จะดึงข้อมูลเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาที่เราสนใจมาแสดง โดยหากสามารถทำให้หน้าเว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ ของการค้นหาผ่านการใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง จะถึอว่าเป็นความสำเร็จในงานด้านเว็บไชต์ ซึ่งปัจจัยของการทำ SEO ก็ไม่ได้มีแค่คีย์เวิร์ดเพียงอย่างเดียว ยังรวมไปถึงการทำและออกแบบเว็บไต์ให้เป็น User Friendly ก็มีผลต่อการทำ Digtal Marketing ในช่องทางนี้
4. แฟลตฟอร์มสื่อสารสมัยใหม่ (Social Media Marketing: SMM) ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ Social Media Marketing เป็นช่องทางแห่งยุคที่แท้จริง นั่นก็คือการที่เป็น 2 ways communications ที่ลุดค้าสามารถตอบโต้กับแบรนด์ได้อย่างทันที โดยที่ไม่ว่าใคร สามารถเทียบความรวดเร็วนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์หรืออีเมลล์ ในปัจุบัน Social Media มีหลายเจ้าที่ดำเนินในหลายรูปแบบ เช่น
- FACEBOOK ช่องทางโปรโมตร้านและสื่อสารกับลูกค้าและผู้บริโภค พร้อมพีเจอร์เพื่อทำการตลาดมากมาย
- INSTAGRAM เข้าถึงลูกค้าไลฟ์สไตส์ใหม่ ๆ สร้างคอนเทนต์ และภาพลักษณ์ของร้านให้ดูเก๋ขึ้น เน้นการสื่อสารผ่านรูปภาพที่สวยงามหรือในรูปแบบวิดีโอ
- TIKTOK เข้าถึงลูกค้าวัยุร่นยุคใหม่ สร้างคอนเทนต์วีดรโอสั้น อาจช่วยทำให้ร้านดังได้ในชั่วเวลาข้ามคืน หากสามารถทำคอนเทนต์ใน Tik Tok ได้โดนใจ ซึ่งมีลูกเล่นในแนวที่ทันกระแสใหม่ ๆ ให้เกาะติดตาม และนำมาใช้ปรับแต่งวีดีโอใช้โปรโมทร้านให้ทันสมัยอยู่เสมอ
- LINE Official Account เข้าถึงลูกค้าได้แบบตัวต่อตัว ใช้ช่วยกระจายข้อมูลข่าวสารได้ทั่วถึงมากที่สุด ในระบบยังมีลูกเล่นเก๋ ๆ ชวนลูกค้าสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่ทำได้ง่าย
- Twitter Ads
- Pinterest Ads
- Linkedin Ads
ข้อดีของช่องทางการทำ Social Media Ads สะดวก เพราะว่าทางแอปพลิเคชั่นมี ฟีเจอร์ขึ้นมาให้เรากดเรียบร้อย เพียงแค่กำหนดกลุ่มลูกค้า กำหนดค่าใช้จ่าย แล้วก็รัน โฆษณาเลย เราสามารถ Connect กับลูกค้าของเราได้แทบทุกชั่วโมง เพราะว่าโฆษณาจะเด้งไปที่ กลุ่มเป้าหมายของเราแทบทุกเวลาที่พวกเขาเริ่มกดเข้าแอปพลิเคชั่น สามารถติดตามการทำงานของโฆษณาได้ทันที เพราะว่าเครื่องมือทุกอย่างนั้นพร้อม หมด โดยเฉพาะ Facebook Ads ที่ค่อนข้างจะมืออาชีพในการทำโฆษณา เราสามารถใช้ประโยชน์จากทุกแพลตฟอร์มในการทำโฆษณา ซึ่งเราอาจจะเอาคอนเทนต์จากแหล่งนึงไปทำโฆษณาจากอีกแหล่งเพื่อสร้างลูกค้ามากขึ้น (Transmedia)
เราไม่สามารถบอกได้ว่าควรทำโฆษณาที่ตัวไหนดี เพราะว่ารูปแบบการทำงานต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่หลากหลายแตกต่างกัน อาจเลือกใช้ตามกลุ่มลูกค้า เป้าหมายการใช้งาน หรือรูปแบบคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับสื่อตัวนั้น เพราะผู้ใช้งานของแอปพลิเคชั่นแต่ละชนิดก็แตกต่างกันไป ต้องดูจุดประสงค์และเป้าหมายของ แบรนด์ และที่สำคัญคือ Audience ของแบรนด์อยู่ที่แพลตฟอร์มไหน
5. ช่องทางวิดีโอออนไลน์ (Online Video) ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย มีหลายเจ้าที่ให้บริการในด้านนี้ เช่น ยูทูป Youtube, Facebook life, Tiktok เป็นต้น วิดีโอออนไลน์ เป็นอีกวิธีที่คนนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะว่ามันสามารถสร้าง Awareness ให้คนดูได้ ซึ่งประเภทของวิดีโอนั้นมีหลากหลายมาก ไม่ใช่แค่วิดีโอที่ให้ความรู้ เพียงอย่างเดียว เช่น วิดีโอเพื่อความบันเทิง, ซีรีส์หรืออาจจะเป็นวิดีโอสั้นๆ เพื่อไม่ให้คนดูเกิด อาการเบื่อหน่ายก่อน สอดคล้องกับฝั่งผู้บริโภคที่นิยม Video Content กัน ข้อดีของการทำวิดีโอออนไลน์ คือ วิดิโอสามารถเล่าเรื่องบางเรื่องได้ดีกว่าคอนเทนต์แบบอื่น เช่น การสอนทำ How to หรือการรีวิว เพราะว่ามันคือการสื่อสาร ด้วยภาพเคลื่อนไหวซึ่งน่าสนใจกว่ารูปภาพแน่นอน (อย่างเช่น วิดีโอสอนใช้ Martech ของ Content Shifu เป็นต้น) ไม่ต้องเสียเงินเยอะ เพราะต้นทุนการผลิตไม่เยอะและแพงเท่าแต่ก่อน มีการใช้ เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทุ่นแรงในด้าน Production ดูที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะว่าเกือบทุกคนใช้ Smartphone และมันสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ หรือบางคนอาจจะใช้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์เช่น Notebook หรือ Tablet สามารถเก็บผลลัพธ์หลังเผยแพร่ได้ทันที เพราะทุกแพลตฟอร์มมีฟีเจอร์สำหรับวัด Traffic พื้นที่ที่เรามักจะเจอ วิดีโอออนไลน์ มีหลายช่องทาง เช่น
- Google GDN (Google Display Network) สิ่งนี้คือการทำโฆษณาบนพื้นที่เว็บไซต์ที่ไม่ใช่แค่ Google Search Engine เพราะว่า มันคือการลงโฆษณาบนเว็บไซต์ทั้งหมดที่ร่วมจับมือทำงานกับ Google นั่นเอง คิดดูว่ามี เยอะขนาดไหน ซึ่งตัววิดีโอที่อยู่บน GDN เนี่ยจะทำการเล่นอัตโนมัติทันที
- Youtube ชัดเจนว่านี่คือ Platfrom ยักษ์ใหญ่ของเหล่า Video Creator และเป็นพื้นที่ยอดนิยมที่สุดที่ไม่ว่าใครก็ต้องกดเข้ามาดู แถมยังสามารถยิงแอดวิดีโอบนวิดีโออื่นๆ ที่ลูกค้ากำลังดูอยู่ได้ด้วยเหมือนกัน เป็นพื้นที่ที่สร้าง Awareness ได้ดีมาก
- Tiktok เป็นอีก Platform ของเหล่านักสร้างสรรค์ที่สามารถใช้ทำโฆษณาได้เหมือน YouTube แต่ย่อยง่ายมากกว่าเพราะว่าช่วงเวลาของคลิปใน Tiktok จะน้อยกว่ามาก ทำให้เรายังสามารถ ดึง Attention ของคนดูได้ ถ้าเราสามารถเล่าเรื่องราวของแบรนด์ภายในเวลาที่กำหนด บอกเลยว่าเราอาจจะได้ Leads หรือลูกค้าเพิ่มขึ้นก็ได้
- LINE Ads ฟีเจอร์น้องใหม่ที่อาจจะไม่ดังเท่ารุ่นพี่ด้านบน แต่ก็เป็นอีกพื้นที่ที่น่าทำโฆษณาเพราะว่า ไลน์คือแอปพลิเคชั่นที่คนไทยเกือบทุกคนใช้เพื่อสื่อสารกัน เข้าออกแอปทุกวัน ก็อาจจะมีโอกาสที่ Lead จะเข้ามาเห็นโฆษณาของเรา
6. การสร้างเนื้อหาหรือคอนเทนต์ในการตลาด (Content Marketing) จากการตลาดที่มักกล่าวว่าเนื้อหาที่สื่อสารการตลาดสำคัญที่สุด “Content is King” ดังนั้นหลายครั้งเราอาจเลือกการทำสื่อที่มีคอนเทนต์ที่ดีแล้วกระจายไปตามช่องทางที่เหมาะสมได้หลายทาง คอนเทนต์นั้นไม่ใช่แค่โปสเตอร์ เนื้อหาข่าวประชาสัมพันธ์ การเขียน Blog การเขียน post แต่มัน คือ เนื้อหาทั้งหมดบนสื่อที่เราต้องการนำเสนอ ในหลากหลายรูปแบบ เช่น เว็บไซต์ของเราที่เอาไว้ดีงดูดสิ่งที่ลูกค้าต้องการ บทความบน blog ตารางข้อมูลคาตาล๊อคสินค้าหรือบริการ หรือข้อมูลที่ช่วยที่ช่วยให้รู้จักกับแบรนด์ดียิ่งขึ้น การทำคอนเทนต์ให้เหมาะกับแพลตฟอร์มต่างๆ
- Digital Platfroms ทั้งหลายนั้นมีความแตกต่างและจุดประสงค์การใช้ออกไป สิ่งที่นักการตลาดควรคำนึงถึงคือพฤติกรรมของผู้บริโภค (Consumer’s behaviour) และรูปแบบของแพลตฟอร์มนั้นๆ เรามาดูต่างอย่างกันคร่าวๆ กันดีกว่า
- Written post – สำหรับคอนเทนต์ที่อัดแน่นไปด้วยตัวอักษรที่ถ่ายทอดเรื่องราวน่าสนใจ และพร้อมที่จะสร้าง Engagement กับลูกค้าผ่านการแชร์หรือคอมเมนต์ ซึ่งคอนเทนต์ ประเภทนี้เหมาะกับแพลตฟอร์มที่ให้พื้นที่ไม่จำกัดในการโพสต์ เช่น Facebook, Website, หรือ LinkedIn หรืออาจจะเป็น Twitter ที่เราสามารถทวิตได้เรื่อยๆ
- Photos – รูปภาพในที่นี้คืออาจจะเป็นรูปถ่ายแบบเดี่ยวหรืออัลบั้มก็ได้ และไม่จำเป็นที่ จะต้องเป็นภาพถ่าย อาจจะเป็น Infographic หรือ graphic ที่อ่านง่ายก็ได้ และแน่นอน ว่าคอนเทนต์แบบนี้ย่อมเหมาะสมกับ Plarform ที่เน้นโพสต์รูปเช่น Instagram และ Pinterest
- Video – คอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหวที่สามารถดึงความสนใจของทุกคนได้ ไม่ว่าจะเป็น คลิปไม่กี่วินาทีไปจนถึงหลายนาทีก็ถือว่าเป็นคอนเทนต์ยอดฮิต แน่นอนว่าแพลตฟอร์มที่จะรองรับภาพเคลื่อนไหวพวกนี้ก็คงไม่พ้น Youtube หรือจะเป็นคลิปสั้นๆ บน Instagram หรือ TikTok ก็ดี
- Video Stories – คลิปเคลื่อนไหวแบบกระชับคือคอนเทนต์ที่สามารถดึงดูดผู้คนได้ใน ระยะเวลาสั้นๆ เพราะแค่ปัดผ่านหน้าจอก็สามารถรับรู้สารที่แบรนด์ต้องการสื่อได้แล้ว ซึ่งนี่คือคอนเทนต์แนวใหม่ที่มีเฉพาะบาง Platforms เช่น Facebook, หรือ Instagram
- Live Video – คอนเทนต์เคลื่อนไหวแบบ Real Time ที่ส่วนใหญ่ผู้ใช้จะเน้นไปที่การ สัมภาษณ์ผู้คนหรือถ่ายทอดสด Event สำคัญๆ ที่ใครใครก็อยากเข้ามาร่วมจอย การจะ ทำคอนเทนต์นี้ได้ต้องดูที่ว่า Platforms มีฟีเจอร์รองรับและจำนวนผู้ใช้นิยมขนาดไหน ซึ่งก็คงไม่พ้นการใช้งาน Facebook และ Instagram
ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือช่องทางการทำ Digital Marketing ที่แนะนำและยังสามารถใช้ได้จริง ในปัจจุบัน เราอาจจะประยุกต์ใช้ทุกช่องทางในการทำโฆษณาก็ได้หรืออาจจะเจาะจงแค่กลุ่ม เป้าหมายของเรา และศึกษาช่องทางนั้นๆ เพื่อต่อยอดการทำโฆษณาและส่งต่อคอนเทนต์ดีๆ ให้ลูกค้าของเราต่อไป
7. โฆษณาบนโซเชียลมีเดีย (Social Media Ads) ช่องทางการตลาดแบบ Website Marketing จำเป็นต้องพึ่งพากลไกของ Search Engine Optimization เพื่อเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมหรือ Leads ในหน้าเว็บไซต์ของเรา ซึ่งการที่เว็บไซต์จะดึงดูด Leads ได้นั้นจำเป็นต้องสร้างสิ่งที่มีคุณค่าให้เหมาะแก่การเยี่ยมชม
.
-------------------------------------------------
สนใจเรื่องราวเพิ่มเติมคลิกที่นี่
การตลาด (Marketing) รวมข้อมูลเพิ่มเติม
-------------------------------------------------
Marketing ช่องทางการประสานที่หลากหลาย (Omni Channel)
ช่องทางการประสานที่หลากหลาย (Omni Channel) คือ แนวคิดในเรื่องการขายยุคใหม
- Single-Channel ยุคเริ่มแรกธุรกิจค้า ยังเป็นการขายผ่านทางหน้าร้
- Multi-Channel ต่อมาเริ่มมีการนำเอาเทคโนโ
ยุคนี้ทุกร้านค้าจึงปรับตัว
- Cross-Channel เริ่มมีการพัฒนาต่อมา ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าผ่า
- Omni Channel เป็นการปรับปรุงโดยการรวมช่
.
-------------------------------------------------
สนใจเรื่องราวเพิ่มเติมคลิกที่นี่
การตลาด (Marketing) รวมข้อมูลเพิ่มเติม
-------------------------------------------------
เทคนิคในการสอบถามลูกค้า
เทคนิคในการสอบถามลูกค้า SSRC มีความสำคัญ เป็นภาพลักษณ์ของ ศส.กสอ. หากผู้ถูกถามได้รับการซักถามที่ไม่เหมาะสมไม่ดีหรือไม่มีมารยาทในการสนทนา ผู้ถูกถามอาจไม่พอใจและเกิดเรื่องร้องเรียนการทำงานของเจ้าหน้าที่หรือหัวหน้างานได้ ควรมีการกำหนดขั้นตอนในการโทรติดตามลูกค้า SSRC ที่เหมาะสมมีมาตรฐานที่ดี เพื่อใช้งานร่วมกันโดยกำหนดขั้นตอนดังนี้
1. เริ่มโทรหาลูกค้าเป้าหมาย
2. กรณีโทรแล้วแจ้งหมายเลขเลิกใช้หรือไม่มี ให้ลงบันทึกว่าติดต่อไม่ได้ (กรณีไม่ว่างหรือไม่รับให้ลองสลับวันเวลาในการโทรซ้ำไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง ก่อนจะระบุว่าเบอร์โทรติดต่อไม่ได้)
3. กรณีโทรติด ให้ดำเนินตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
3.1 แนะนำตัวเอง
ข้าพเจ้า ... จากหน่วยงาน ... ขออนุญาติใช้เวลาท่านประมาณ 5-10 นาที ในการติดตามข้อมูลเพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน
3.2 การรวบรวมข้อมูลผู้ใช้บริการ
- ข้อมูลทั่วไป ชื่อผู้ตอบ / ประเภทธุรกิจ / สถานะภาพธุรกิจในปัจจุบัน /
- ข้อมูลปัญหาอุปสรรคที่มี
3.3 การให้คำแนะนำ หลังจากรับทราบปัญหาผู้ตอบควรต้องมีวิธีในการแนะนำ โดยหากไม่มีความชำนาญต้องรู้ว่าจะส่งมอบคำถามให้แก่ใครต่อไป
3.4 เมื่อสิ้นสุดการสนทนาและการให้คำแนะนำ ให้แจ้งขอบคุณคู่สนทนา
3.5 ขอประเมินผลความพึงพอใจในการสนทนาครั้งนี้
3.6 บันทึกข้อมูลในรายงานที่จัดเตรียม และปิดงาน
- การสอบถามควรต้องมีการออกแบบแนวคำถามให้ชัดเจน ไม่วกวน เมื่อผู้ตอบได้รับฟังคำถามจะได้ตอบคำถามได้ตรงประเด็น
- หากต้องมีการสุ่มตัวอย่างเพื่อสอบถาม ไม่ควรทำแบบสอบถามกับลูกค้ารายเดิมจะme.shได้ข้อมูลที่ไม่กว้าง และทำให้ลูกค้ารู้สึกรำคาญได้
- กรณีสอบถามความพึงพอใจของลูกค้าทางโทรศัพท์ ให้ขออนุญาตลูกค้าทุกครั้งก่อนเริ่มคำถาม
- เจ้าหน้าที่โทรออก (Outbound Agent) ไม่ควรใส่ความคิดเห็นส่วนตัว หรือ พูดชี้นำคำตอบแก่ลูกค้า
- ก่อนจบการสนทนา อย่าลืมขอบคุณลูกค้าทุกครั้งที่ให้ข้อมูล
- หลังจากได้รับข้อมูลแล้วให้นำข้อมูลมาสรุป และวิเคราะห์ผล เพื่อใช้ในปรับปรุงการทำงาน นอกจากนั้น มีความเป็นไปได้ ที่ท่านจะได้รับคำแนะนำติ-ชม เกี่ยวกับหน่วยงานอื่นๆในองค์กรของท่าน ซึ่งท่านสามารถส่งต่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบต่อไป
.
-------------------------------------------------
สนใจเรื่องราวเพิ่มเติมคลิกที่นี่
การตลาด (Marketing) รวมข้อมูลเพิ่มเติม
-------------------------------------------------
เทรนด์การตลาด ปี 2566 (Marketing trend 2023)
การตลาดในอนาคต Big Data จะต้องถูกนำมาใช้มาขึ้น การออกแบบกระบวนการวิเคราะห์ที่เหมาะสมควรทำอย่างไร
เทรนด์การตลาด ปี 2566 (Marketing trend 2023) จากการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีการเติบโตไปอย่างรวดเร็ว ทำให้นักการตลาด
หรือนักธุรกิจก็ต้องตั้งรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในทุกปีด้วยเช่นกัน เพราะผู้บริโภค หรือ ลูกค้า มีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว และมีช่องทางในการติดต่อสื่อสารที่มีการเปลี่ยนแปลงไปต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
เทรนด์การตลาด ปี 2566 (Marketing trend 2023) จะเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างแน่นอน เพราะในทุกปีจะมีเทรนด์การตลาดเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา จึงเป็นสิ่งที่นักการตลาดหรือผู้ประกอบการธุรกิจไม่ควรมองข้าม โดยมีเทรนด์การตลาดที่น่าสนใจ เช่น
- ความเป็นส่วนตัวต้องมาก่อน ในยุคที่ทุกคนต่างก็สามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีจำนวนมาก หลากหลายรูปแบบได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ดังนั้น ความปลอดภัยของข้อมูล และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งต้องมีการขออนุญาตการเข้าถึง และการเก็บข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้งนสามารถเลือกได้ว่า จะให้ข้อมูลแบบไหนกับแพลตฟอร์ม ดังนั้น ธุรกิจก็ต้องเตรียมความพร้อมในรื่องของการขออนุญาตผู้ใช้งาน ในการเก็บ และใช้ข้อมูล
- Third-Party Cookie น้อยลง เนื่องด้วยกฎหมาย PDPA ทำให้ผู้ใช้งาน สามารถเลือกตั้งค่ำได้เองว่า จะให้มีการเก็บข้อมูลการใช้งานของตนเองได้หรือไม่ ส่งผลโดยตรงต่อการเก็บข้อมูลนั่นเอง ดังนั้น ธุรกิจต้องมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลที่สามารถเก็บได้เอง หรือ First-Party Data เพื่อสามารถทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจงได้ และสามารถตอบโจทย์ได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
- เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artifcial Intelligence: Al) จะเริ่มมีการใช้งานมากขึ้น มีบทบาทและเป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจ และการทำการตลาด ไม่ว่าจะเป็นในด้านการวิเคราะห์การตลาดรูปแบบต่าง ๆ และการปรับปรุงระบบอัลกอรึทีม ดังนั้น นักการตลาดควรนำ Al มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน
- การโต้ตอบแบบ Real-Time จากการที่กำหนดไว้ว่า ความพึงพอใจของลูกค้า คือ สิ่งสำคัญ ดังนั้นการใช้งานระบบโปรแกรมหรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ ต้องสามารถใช้โต้ตอบกับลูกค้าได้ง่ายและทันที (Real-Time) จะเป็นวิธีการสร้างความพึ่งพอใจได้อย่างดีและไม่เสียโอกาสในการขาย
- Video และ Live Stream มาแรงอย่างต่อเนื่อง
สื่อประเภทวิดีโอนั้น มีบทบาทกับการทำการตลาดในโลกออนไลน์มาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว และยังคงพัฒนารูปแบบให้มีความ
กหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งจาก TikTok แล: Instagram หรือ การ Live Stream ผ่าน Facebook หรือ YouTube ซึ่งแน่น
วิดีโอยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2023 อย่างแน่นอน
- สร้างคอนเทนต์ผ่านผู้บริโภคตัวจริง การสร้างคอนเทนต์ผ่านผู้บริโภค หรือ User-Generate Content นั้น เป็นอีกวิธีที่สามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจน เช่น การรีวิวสินค้าหรือบริการ การโพสต์ภาพ แล:วิดีโอลงโซซียล เพื่อสร้างความน่เชื่อถือ แล:เมยอดขายให้กับแบรนด์ และธุรกิจ นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดการมีส่วนร่วมกับลูกค้าอีกด้วย
.
-------------------------------------------------
สนใจเรื่องราวเพิ่มเติมคลิกที่นี่
การตลาด (Marketing) รวมข้อมูลเพิ่มเติม
-------------------------------------------------
เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward