iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย 4.0
มิติ 6 การพัฒนาบุคลากรทุนมนุษย์ (Human Capital) ตัวอย่างโครงการ
ภาพ ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย (Thailand i4.0 Index)
การส่งเสริมเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยการพัฒนาบุคลากรทุนมนุษย์ (Human Capital) การบริหารและจัดการทางทรัพยากรบุคคลขององค์กร การพัฒนาความสามารถและศักยภาพของพนักงานด้วยกระบวนการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับทิศทางในปัจจุบันและอนาคต มู่งสู่องค์กรแห่งความเป็นเลิศ
เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ เช่น โปรแกรม HR โปรแกรมบริหารจัดการองค์กร
ตัวอย่าง TOR โครงการ
โครงการส่งเสริมเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรม 4.0 ในด้านทุนมนุษย์ (Human Capital)
หลักการและเหตุผล
อุตสาหกรรม 4.0 เป็นยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ โดยเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกภาคส่วน รวมถึงภาคอุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจำเป็นต้องมีบุคลากรที่มีทักษะและความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสม เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันที่รุนแรงในยุคดิจิทัล
วัตถุประสงค์ของโครงการ
เป้าหมายของโครงการ
กลุ่มเป้าหมายของโครงการ
ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทุกขนาด ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ
ตัวชี้วัดของโครงการ
ขอบเขตงาน
โครงการฯ จะดำเนินการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมมีบุคลากรที่มีทักษะและความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสม ผ่านกิจกรรมต่างๆ ดังนี้
ระยะเวลาดำเนินโครงการ
โครงการฯ จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2573
ขั้นตอนหลักการดำเนินงาน
โครงการฯ แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้
วิธีการดำเนินงาน
โครงการฯ จะดำเนินการผ่านหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานภาครัฐจะเป็นผู้กำหนดนโยบายและกลยุทธ์ในการส่งเสริมการพัฒนาทักษะและความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ส่วนหน่วยงานเอกชนจะเป็นผู้ดำเนินการตามกิจกรรมต่างๆ ที่แผนงานกำหนด
การส่งมอบงาน
โครงการฯ จะส่งมอบผลการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้
แผนการดำเนินโครงการ
แผนการดำเนินงานโครงการฯ มีดังนี้
ระยะเตรียมความพร้อม (ปี 2566)
ระยะดำเนินการ (ปี 2567-2572)
ระยะประเมินผล (ปี 2573)
งบประมาณของโครงการ
งบประมาณของโครงการฯ จะมาจากแหล่งเงินทุนต่างๆ ดังนี้
ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ
โครงการฯ คาดว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมไทย ดังนี้
สรุป
โครงการส่งเสริมเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรม 4.0 ในด้านทุนมนุษย์ เป็นโครงการที่สำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ โดยโครงการฯ มุ่งเน้นที่จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมมีบุคลากรที่มีทักษะและความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการ
---------------------------------------------
สนใจข้อมูลเรื่องราวเพิ่มเติม คลิกที่นี่
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมอุตสาหกรรมไทย 4.0 (Thailand I 4.0 Index)
---------------------------------------------
ที่มาข้อมูล
---------------------------------------------
สนใจข้อมูลเรื่องราวอุตสาหกรรม 4.0 เพิ่มเติม คลิกที่นี่
อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) รวมข้อมูล---------------------------------------------
โครงการส่งเสริมเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมให้ก้าวสู่ อุตสาหกรรม 4.0
ในปัจจุบันประเทศไทยได้มีการจัดทำ ระบบวิเคราะห์และประเมินธุรกิจสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต โดยมีชื่อว่า ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมอุตสาหกรรม 4.0 สำหรับประเทศไทย (Thailand i4.0 Index) การดำเนินการในเรื่องนี้จะมีผลดีอย่างมากต่อการขับเคลื่อนองค์กรในภาคอุตสาหกรรม ให้มีสามารถประเมินตัวเองหาจุดอ่อนและช่องว่างในการพัฒนาตัวเองให้ก้าวสู่การเป็นอุตสาหกรรม 4.0 และเป็นการยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรม ช่วยทำให้โรงงานอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ มีองค์ความรู้ดวามเข้าใจในเรื่องการปรับปรุงองค์กรให้เป็นมาตรฐานเพิ่มขึ้น ทราบจุดอ่อนข้อบกพร่องหรือช่องว่างที่มีในการทำงาน ว่าจะต้องปรับปรุงองค์กรของตนในด้านใด และควรเริ่มปรับปรุงด้านใดก่อนควรใช้กลยุทธ์อย่างไร เพื่อให้ก้าวไปสู่ องค์กรแห่งยุคอุตสาหกรรม 4.0 ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปัจจุบันได้กำหนดดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย เป็น 6 มิติหลัก (Dimensions) และ 17 มิติย่อย ได้แก่
ภาพ ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย (Thailand i4.0 Index)
การส่งเสริมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมให้ก้าวสู่ อุตสาหกรรม 4.0
เพื่อเพิ่มขึดความสามารถผู้ประกอบการอุตสาหกรรมให้ประสบความสำเร็จ ควรจะต้องมีการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ ให้สามารถนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยในการทำงานเพิ่มขึ้น โดยใช้แนวคิดของการจัดการ อุตสาหกรรม 4.0 มาเป็นแนวทาง เนื่องจาก อุตสาหกรรม 4.0 นั้นเป็นที่ยอมรับกันว่า หากผู้ประกอบการสามารถพัฒนาจนถึงระดับนี้แล้ว จะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วและแน่นอน และจากแนวคิด ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมอุตสาหกรรม 4.0 สำหรับประเทศไทย (Thailand i4.0 Index) ที่นำมาใช้ทำการประเมินความพร้อมในแต่ละด้าน ดังนั้นหากทำการส่งเสริมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรม ให้องค์กรก้าวสู่การเป็น อุตสาหกรรม 4.0 ได้ ควรมีแผนดำเนินการจัดทำโครงการเพื่อส่งเสริมพัฒนาองค์กรในแต่ละมิติให้ครอบคลุม เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถยกระดับองค์กรเข้าสู่การเป็นอุตสาหกรรม 4.0 โดยแบ่งเป็น 7 โครงการ ได้แก่
1. โครงการส่งเสริมเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมโดยใช้ ระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติ (Automation Technology) ส่งเสริมการนำระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติมาช่วยในการทำงาน ให้มีการส่งข้อมูลอัตโนมัติในองค์กร เช่น ระบบเซ็นเซอร์ (sensor) ตรวจวัดค่าในงานการผลิต ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดค่าในงานบริหารธุรการองค์กร และระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดค่าระบบช่วยในการทำงานเสริม (Facilities) มุ่งผลสำเร็จให้มีระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดค่าที่สามารถตรวจแสดงผลตอบสนองการทำงานทั้งระบบได้โดยอัตโนมัติและในเวลาทันที
เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ เช่น ระบบ Sensor ระบบ IoT, ระบบ GPS, ระบบเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities), ระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรมและการผลิต (Industrial Automation and Manufacturing) และการดูแลและติดตามระยะไกล (Remote Monitoring) ระบบจัดการพลังงาน (Energy Management) ระบบตรวจสอบสิ่งแวดล้อม (Environmental Monitoring) และระบบจัดการค้าปลีกและสินค้าคงคลัง (Retail and Inventory Management)
ระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติ (Automation Technology) ตัวอย่างโครงการ
.
2. โครงการส่งเสริมเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมโดยใช้ ระบบเทคโนโลยีเครือข่าย (Network Technology) ส่งเสริมการนำระบบเครือข่ายมาใช้ช่วยในการทำงาน ทำการเชื่อมโยงการส่งข้อมูลในองค์กร เช่น เชื่อมโยงระบบการผลิต เชื่อมโยงระบบบริหารธุรการขององค์กร และเชื่อมโยงระบบช่วยในการทำงานเสริม (Facilities) มุ่งผลสำเร็จให้ระบบมีความสามารถเชื่อมโยงการทำงานเกิดเครือข่ายการส่งข้อมูลทั้งระบบแบบไร้รอยต่อ สามารถแสดงผลข้อมูลเพื่อตอบสนองการทำงานได้ทั้งระบบในเวลาทันที ตัวอย่างระบบเครือข่าย
เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ เช่น การให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure as a Service: IaaS), การให้บริการแพลตฟอร์ม (Cloud Platform as a Service: PaaS), การให้บริการซอฟต์แวร์ (Software as a Service; SaaS), การให้บริการระบบจัดเก็บข้อมูล (data Storage as a Service; dSaaS) และการให้บริการร่วมรวมลำดับความเชื่อมโยง (Composite Service; CaaS)
ระบบเทคโนโลยีเครือข่าย (Network Technology) ตัวอย่างโครงการ
..
3. โครงการส่งเสริมเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมโดยใช้ ระบบควบคุมอัจฉริยะในการทำงาน (Smart Operation) ส่งเสริมการใช้ระบบควบคุมการทำงานแบบอัจฉริยะมาช่วยในการทำงาน ทำการสั่งการระบบให้เกิดการทำงานที่รวดเร็ว ยกระดับความสามารถในองค์กร เช่น ระบบการผลิตอัตโนมัติ ระบบอัจฉริยะในการจัดการบริหารงานธุรการขององค์กร (อุปกรณ์และสถานที่) และระบบอัจฉริยะช่วยในการทำงานเสริม (Facilities) มุ่งผลสำเร็จให้ระบบที่มีการทำงานแบบชาญฉลาด บริหารจัดการและปรับเปลี่ยนได้ในตัวระบบเอง มีการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างชาญฉลาด สามารถดำเนินการทำงานไปในทางเดียวกันอย่างคล่องตัวมีความสามารถเชื่อมโยงการทำงานเกิดเครือข่ายการส่งข้อมูลแบบไร้รอยต่อ สามารถสั่งการทำงานระบบได้โดยอัตโนมัตและในเวลาทันที
เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ เช่น ระบบอุตสาหกรรมและการผลิตอัจฉริยะ (Smart Industrial and Manufacturing), ระบบเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities), ระบบควบคุมดูแลระยะไกล (Remote Monitoring) ระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy Management) และระบบจัดการค้าปลีกและสินค้าคงคลังอัจฉริยะ (Smart Retail and Inventory)
ระบบอัจฉริยะในการทำงาน (Smart Operation) ตัวอย่างโครงการ
.
4. โครงการส่งเสริมเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมโดยใช้ ระบบไอทีและธุรกรรมข้อมูล (IT System & Data Transaction) ส่งเสริมการนำข้อมูลมาใช้ในการทำงานบูรณาการระบบ การบูรณาการโครงสร้างภายในองค์กรโดยเชื่อมต่อกระบวนการต่างๆ แบบแนวตั้งหรือแบบปิรามิด การจัดการเชื่อมโยงข้อมูลทั้งแบบภายในองค์กร การเชื่อมโยงข้อมูลแบบระหว่างองค์กรเชื่อมต่อกันระหว่างห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)
เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ เช่น ระบบบริหารทรัพยากรในองค์กร (ERP), ระบบบริการคลังสินค้า (WMS), ระบบบริหารการขนส่ง (TMS), ระบบวางแผนทรัพยากรการผลิต (MRP), ระบบบริหารลูกค้าสัมพันท์ (CRM), ระบบบริหารชัพพลายเออร์ (SRM)
ระบบไอทีและธุรกรรมข้อมูล (IT System & Data Transaction) ตัวอย่างโครงการ
.
5. โครงการส่งเสริมเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมโดยใช้ การบริหารและจัดการข้อมูลตลาดและลูกค้า (Market & Customers) ส่งเสริมการนำระบบข้อมูลสารสนเทศมาใช้ในงานบริหารและจัดการที่เกี่ยวข้องความต้องการของตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการจัดการตลอดช่วงอายุของผลิตภัณฑ์ การรวบรวมและจัดการข้อมูลเชิงพฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายและสภาพตลาด เพื่อการกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจ การออกแบบ และวางแผนวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์
เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ เช่น โครงการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ระบบธุรกิจอัจฉริยะ (Business Intelligent) และระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence: AI)
การบริหารและจัดการข้อมูลตลาดและลูกค้า (Market & Customers) ตัวอย่างโครงการ
.
6. โครงการส่งเสริมเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมโดยใช้ การบริหารและจัดการกลยุทธ์และองค์กร (Strategy & Organization) ส่งเสริมการกำหนดเป้าหมาย การวางแผน การกำหนดแนวทาง กระบวนการทำงาน และการนำพาองค์กรไปสู่ อุตสาหกรรม 4.0 โดยมีทั้งในระดับผู้บริหารไปถึงพนักงานทุกระดับ จะเน้นการวางแผนและพัฒนาขององค์กรไปสู่ Industry 4.0 โดยวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร และการร่วมมือกับพันธมิตรภายนอก การบริหารจัดการทางกลยุทธ์และโครงสร้างการบริหารงานขององค์กร
เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ เช่น โปรแกรมบริหารจัดการองค์กร โปรแกรม HR
การบริหารและจัดการกลยุทธ์และองค์กร (Strategy & Organization) ตัวอย่างโครงการ
.
7. โครงการส่งเสริมเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยการพัฒนาบุคลากร การบริหารและจัดการทางทรัพยากรบุคคลขององค์กร การพัฒนาความสามารถและศักยภาพของพนักงานด้วยกระบวนการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับทิศทางในปัจจุบันและอนาคต มู่งสู่องค์กรแห่งความเป็นเลิศ
เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ เช่น โปรแกรม HR โปรแกรมบริหารจัดการองค์กร
การพัฒนาบุคลากรทุนมนุษย์ (Human Capital) ตัวอย่างโครงการ
---------------------------------------------
สนใจข้อมูลเรื่องราวเพิ่มเติม คลิกที่นี่
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมอุตสาหกรรมไทย 4.0 (Thailand I 4.0 Index)
---------------------------------------------
ที่มาข้อมูล
---------------------------------------------
สนใจข้อมูลเรื่องราวอุตสาหกรรม 4.0 เพิ่มเติม คลิกที่นี่
อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) รวมข้อมูล---------------------------------------------
Industry4_index_thai ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย 4.0 มิติย่อย 17 มิติ
ในปัจจุบันประเทศไทยได้มีการจัดทำระบบวิเคราะห์และประเมินธุรกิจสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต โดยมีชื่ว่า ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมอุตสาหกรรม 4.0 สำหรับประเทศไทย (Thailand i4.0 Index) การดำเนินการในเรื่องนี้จะมีผลดีอย่างมากต่อการขับเคลื่อนองค์กรในภาคอุตสหกรรม ให้มีสามารถประเมินตัวเองหาจุดอ่อนและช่องว่างในการพัฒนาตัวเองให้ก้าวสู่การเป็นอุตสาหกรรม 4.0 และเป็นการยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมช่วยทำให้โรงงานอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการมีองค์ความรู้ดวามเข้าใจในเรื่องการปรับปรุงองค์กรให้เป็นมาตรฐานเพิ่มขึ้น ทราบจุดอ่นข้อบกพร่องหรือช่องว่างที่มีในการทำงานว่าจะต้องปรับปรุงองค์กรของตนในด้านใด และควรเริ่มปรับปรุงด้านใดก่อนควรใช้กลยุทธ์อย่างไร เพื่อให้ก้าวไปสู่องค์กรแห่งยุคอุตสาหกรรม 4.0 ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย (Framework of Thailand i4.0 Index) แบ่งเป็น 6 มิติหลัก (Dimensions) ได้แก่ เทคโนโลยี (Technology), การดำเนินงานที่ชาญฉลาด (Smart Operation), ระบบไอทีและธุรกรรมข้อมูล (IT System & Data Transaction), ตลาดและลูกค้า (Market & Customers), กลยุทธ์และองค์กร (Strategy & Organization) และ ทุนมนุษย์ (Human Capital) จาก 6 มิติหลัก ยังแบ่งย่อยออกเป็น 17 มิติย่อย เพื่อให้การวัดระดับความพร้อมขององค์กรมีความชัดเจน เพียงพอในการนำมาพิจารณาเพื่อปรับปรุงแก้ไข
- มิติ 1 เทคโนโลยีอัตโนมัติ (Automation Technology)
- มิติย่อยที่ 01 ระบบอัตโนมัติ ในงานการผลิต (Production Automation)
- มิติย่อยที่ 02 ระบบอัตโนมัติ ในงานองค์กร (Enterprise Automation)
- มิติย่อยที่ 03 ระบบอัตโนมัติ ในงานอำนวยความสะดวก (Facility Automation)
- มิติ 1 เทคโนโลยีเครือข่าย (network Technology)
- มิติย่อยที่ 04 การเชื่อมโยงเครือข่ายในงานการผลิต (Production Network)
- มิติย่อยที่ 05 การเชื่อมโยงเครือข่ายในองค์กร (Enterprise Network)
- มิติย่อยที่ 06 การเชื่อมโยงเครือข่ายในระบบอำนวยความสะดวก (Facility Network)
- มิติ 2 การดำเนินงานที่ชาญฉลาด (Smart Operation)
- มิติย่อยที่ 07 ระบบอัจฉริยะในงานการผลิต (Smart Production)
- มิติย่อยที่ 08 ระบบอัจฉริยะในองค์กร (Smart Enterprise)
- มิติย่อยที่ 09 ระบบอัจฉริยะในงานอำนวยความสะดวก (Smart Facility)
- มิติ 3 ระบบไอทีและข้อมูลสารสนเทศ (IT System & Data Transaction)
- มิติย่อยที่ 10 การบูรณาการภายในองค์กร (Internal Integration)
- มิติย่อยที่ 11 การบูรณาการภายนอกองค์กร (External Integration)
- มิติ 4 ตลาดและลูกค้า (Market & Customers)
- มิติย่อยที่ 12 การวิเคราะห์การตลาด (Market Analysis)
- มิติย่อยที่ 13 วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle)
- มิติ 5 กลยุทธ์และองค์กร (Strategy & Organization)
- มิติย่อยที่ 14 การบริหารจัดการจากบนลงล่าง (Top-down Managements)
- มิติย่อยที่ 15 กลยุทธ์ในด้านอุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0 Strategy)
- มิติย่อยที่ 16 การทำงานร่วมกันระหว่างบริษัท (inter-company Collaboration)
- มิติ 6 ทุนมนุษย์ (Human Capital)
- มิติย่อยที่ 17 การส่งเสริมการเรียนรู้บุคลากร (Workforce Learning)
ซึ่งในแต่ละมิติย่อยก็ยังมีการกำหนดระดับความพร้อมย่อยลงได้อีกเป็น ระดับความพร้อม 6 ระดับ
---------------------------------------------
สนใจข้อมูลเรื่องราวเพิ่มเติม คลิกที่นี่
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมอุตสาหกรรมไทย 4.0 (Thailand I 4.0 Index)
---------------------------------------------
ที่มาข้อมูล
---------------------------------------------
สนใจข้อมูลเรื่องราวอุตสาหกรรม 4.0 เพิ่มเติม คลิกที่นี่
อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) รวมข้อมูล---------------------------------------------
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย 4.0 มิติ 1 เทคโนโลยี (Technology)
มิติย่อยที่ 01 ระบบอัตโนมัติ ในงานการผลิต (Production Automation)
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย 4.0 มิติ 1 เทคโนโลยี (Technology) คือ ความพร้อมของระบบการผลิต ระบบบริหารและธุรการขององค์กร และระบบการจัดการ Facilities ที่เป็นแบบ Automation และมี Network ที่เชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ ประกอบด้วย 6 มิติย่อย
มิติย่อยที่ 01 ระบบอัตโนมัติในงานการผลิต (Production Automation) พิจารณาเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมการทำงาน หรือเฝ้าติดตามสภาวะของ เครื่องจักร / อุปกรณ์ / เครื่องมือ ที่ใช้ในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับตัวผลิตกัณฑ์ ในการพิจารณาในมิติย่อยนี้จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มการทำงาน คือ
- กระบวนการผลิต (Production Processes) คือ กระบวนการและขั้นตอนที่เกิดการแปรรูปของวัตถุดิบเป็น WIP (Work in Process) จนเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย (Finished Goods)
- กระบวนการสนับสนุนการผลิต (Support Processes) คือ กระบวนการและขั้นตอนที่มการเกี่ยวข้องกับวัตถุดิบ/พIP/ผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย แต่ไม่ส่งผลโดยตรงกับการแปรรูป/แปรสภาพ ของวัตถุดิบ / WIP / ผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย เช่น กระบวนการตรวจสอบคุณภาพ กระบวนการขนถ่าย/ขนย้าย กระบวนการติดฉลาก กระบวนการบรรจุ เป็นต้น
ตัวอย่างระบบอัตโนมัติในงานการผลิต ที่เกี่ยวข้องกับตัวผลิตกัณฑ์ ประกอบด้วย
อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ (Hardware) เช่น
- หุ่นยนต์อุตสาหกรรม (Industrial Robot) หุ่นยนต์ที่ใช้ในการประกอบ เชื่อม ตัด ขัด ทาสี ยก วาง วัสดุต่างๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม
- เครื่อง CNC (Computer Numerical Control) เครื่องกลึง กัด ไส เจาะ ที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการควบคุมการทำงาน
- เครื่องบรรจุหีบห่อ (Packaging Machine) เครื่องที่ใช้บรรจุสินค้าลงในหีบห่ออัตโนมัติ
- เครื่องคัดแยก (Sorting Machine) เครื่องที่ใช้คัดแยกสินค้าตามขนาด น้ำหนัก รูปร่าง หรือคุณสมบัติอื่นๆ
- ระบบควบคุมเครื่องจักร (Machine Control System) ระบบที่ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม
- ระบบขนส่งวัสดุ (Material Handling System) ระบบที่ใช้ขนส่งวัสดุและสินค้าในโรงงานอุตสาหกรรม
- ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse System) ระบบที่ใช้จัดเก็บและหยิบจ่ายสินค้าในคลังสินค้าโดยอัตโนมัติ
- ระบบตรวจสอบคุณภาพ (Quality Inspection System) ระบบที่ใช้ตรวจสอบคุณภาพของสินค้าก่อนส่งมอบ
- ระบบติดตามวัตถุดิบและสินค้า (Traceability System) ระบบที่ใช้ติดตามวัตถุดิบและสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
- โรบอตแมนูและโรบอตอาร์ม (Robotic Arms) ใช้ในการจับ, ย้าย, และประมวลผลวัสดุและผลิตภัณฑ์ในกระบวนการผลิต.
- ระบบควบคุมการเคลื่อนที่ (Motion Control System) จัดการกับการเคลื่อนที่ของโรบอตและเครื่องจักรในกระบวนการ
- เซนเซอร์และอุปกรณ์ตรวจสอบ (Sensors and Inspection Equipment) ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพ, ขนาด, และความถูกต้องของผลิตภัณฑ์.
- ระบบควบคุมโปรเซส (Process Control System) ควบคุมกระบวนการผลิต, เช่น การควบคุมอุณหภูมิ, ความดัน, และเวลาการประมวลผล.
- เครื่องจักรอัตโนมัติ (Automated Machinery) รวมถึงเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการการผลิต, เช่น เครื่องเจียระไน, เครื่องขึ้นรู, และอื่น ๆ.
- ระบบโซล์เดอร์ (Conveyor Systems) ใช้ในการย้ายวัสดุและผลิตภัณฑ์ในขบวนการผลิต.
- ระบบลำเลียง (Material Handling Systems) ใช้ในการจัดการวัสดุเพื่อการผลิต, เก็บเกี่ยว, และจัดส่งผลิตภัณฑ์.
- ระบบสื่อสาร (Communication Systems) ใช้ในการร่วมกันของอุปกรณ์และระบบในระบบอัตโนมัติ.
- ระบบพาวเวอร์ (Power Systems) ใช้ในการจ่ายพลังงานไฟฟ้าและพลังงานอื่น ๆ ให้กับอุปกรณ์.
- ระบบความปลอดภัย (Safety Systems) ระบบที่ป้องกันอุบัติเหตุและรักษาความปลอดภัยในระบบอัตโนมัติ.
โปรแกรมซอฟต์แวร์ (Software) เข่น
- ระบบควบคุมโปรเซส (Process Control Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการควบคุมและประมวลผลกระบวนการผลิต.
- ซอฟต์แวร์ควบคุมโรบอต (Robot Control Software) ใช้ในการโปรแกรมและควบคุมโรบอตและโรบอตอาร์ม.
- ระบบสินค้าเชื่อมต่อ (Manufacturing Execution System: MES) ใช้ในการจัดการกระบวนการผลิตและติดตามความคืบหน้า.
- ซอฟต์แวร์ควบคุมเครื่องจักร (Machine Control Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม ใช้ในการควบคุมและประมวลผลเครื่องจักรในขบวนการผลิต
- ระบบจัดการคุณภาพ (Quality Management Software) ใช้ในการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์.
- ซอฟต์แวร์การจัดการสต็อก (Inventory Management Software) ใช้ในการจัดการวัสดุและสินค้าในระบบอัตโนมัติ.
- ซอฟต์แวร์วางแผนการผลิต (Production Planning Software) ใช้ในการวางแผนและกำหนดตารางการผลิต ซอฟต์แวร์ที่ใช้วางแผนการผลิตและจัดสรรทรัพยากร
- ระบบความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ (Software Security System) ระบบที่รักษาความปลอดภัยของข้อมูลและระบบอัตโนมัติ.
- ซอฟต์แวร์การจัดการการบำรุงรักษา (Maintenance Management Software) ใช้ในการวางแผนและติดตามการบำรุงรักษาอุปกรณ์.
- ระบบสำรองข้อมูลและซอฟต์แวร์การกู้คืน (Data Backup and Recovery Software) ใช้ในการสำรองข้อมูลและกู้คืนระบบในกรณีเอื้อต่อเหตุการณ์.
- ซอฟต์แวร์ออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ออกแบบผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนต่างๆ
- ซอฟต์แวร์จำลองการผลิต (Simulation Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้จำลองกระบวนการผลิตเพื่อทดสอบและวิเคราะห์
- ซอฟต์แวร์ควบคุมคลังสินค้า (Warehouse Management Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมการจัดเก็บและหยิบจ่ายสินค้าในคลังสินค้า
- ซอฟต์แวร์ตรวจสอบคุณภาพ (Quality Inspection Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ตรวจสอบคุณภาพของสินค้า
- ซอฟต์แวร์ติดตามวัตถุดิบและสินค้า (Traceability Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ติดตามวัตถุดิบและสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
- ซอฟต์แวร์บริหารจัดการการผลิต (Production Management Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้บริหารจัดการกระบวนการผลิตทั้งหมด
ตัวอย่างการใช้งานระบบอัตโนมัติ ในงานการผลิตที่เกี่ยวข้องกับตัวผลิตกัณฑ์ เช่น
- การใช้หุ่นยนต์อุตสาหกรรมในการประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
- การใช้เครื่อง CNC ในการกัดชิ้นงานโลหะ
- การใช้เครื่องบรรจุหีบห่ออัตโนมัติในการบรรจุสินค้า
- การใช้เครื่องคัดแยกอัตโนมัติในการคัดแยกสินค้า
- การใช้ระบบควบคุมเครื่องจักรอัตโนมัติในการควบคุมการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ
- การใช้ระบบขนส่งวัสดุอัตโนมัติในการขนส่งวัสดุและสินค้า
- การใช้ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติในการจัดเก็บและหยิบจ่ายสินค้า
- การใช้ระบบตรวจสอบคุณภาพอัตโนมัติในการตรวจสอบคุณภาพของสินค้า
- การใช้ระบบติดตามวัตถุดิบและสินค้าอัตโนมัติในการติดตามวัตถุดิบและสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
ระบบอัตโนมัติในงานการผลิตช่วยลดการใช้แรงงานคน ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อย่างมาก จึงเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตในปัจจุบัน ระบบอัตโนมัติในงานการผลิตอาจมีการปรับเปลี่ยนและประสานงาน ระหว่าง hardware และ software เพื่อให้กระบวนการผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและคุณภาพสูงในอุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ ซึ่งช่วยลดความพยายามและเพิ่มผลผลิตในองค์กรและบรรยากาศการผลิตที่ปลอดภัย.
โดยมีรายละเอียดในการประเมินเพื่อจัดระดับความพร้อม ดังนี้
Band |
นิยาม |
คำอธิบายเพิ่มเติม |
Band 1 มุ่งเน้นแรงงาน (Labour oriented) | กระบวนการผลิตและกระบวนการสนับสนุนการผลิตไม่ได้เป็นระบบอัตโนมัติ หรือมีระบบกึ่งอัตโนมัติ/อัตโนมัติน้อยกว่า 20% ของกระบวนการผลิตทั้งหมด | กระบวนการผลิตและกระบวนการสนับสนุนการผลิตดำเนินการโดยใช้แรงงานคนเป็นหลักมากกว่า 80% |
Band 2 ระบบอัตโนมัติบางส่วน (Partial automation) |
กระบวนการผลิตเป็นระบบกึ่งอัตโนมัติ/อัตโนมัติมากกว่า 20% แต่ไม่เกิน 80% กระบวนการสนับสนุนการผลิตไม่ได้เป็นระบบอัตโนมัติ |
กระบวนการผลิตถูกควบคุมโดยอุปกรณ์เครื่องจักรและระบบคอมพิวเตอร์ เช่น ใช้เครื่องจักรแบบ Semi-automation /automation เป็นส่วนน้อย และยังมีเครื่องจักรที่ต้องใช้แรงงานคนในการควบคุมเป็นหลัก รวมถึงกระบวนการสนับสนุนการผลิตยังต้องใช้แรงงานคนในการควบคุมทั้งหมด |
Band 3 มุ่งเน้นระบบอัตโนมัติ (Automation oriented) |
กระบวนการผลิตมากกว่า 80% เป็นระบบกึ่งอัตโนมัติ/อัตโนมัติ กระบวนการสนับสนุนการผลิตเป็นระบบกึ่งอัตโนมัติ/อัตโนมัติมากกว่า 20% |
กระบวนการผลิตส่วนใหญ่ ดำเนินการด้วยตัวเครื่องจักรเองตามโปรแกรมที่ถูกตั้งไว้ พนักงานทำหน้าที่เลือก โปรแกรมสั่งเริ่มหยุดกระบวนการและเข้าไปจัดการกรณีที่เกิดเหตุขัดข้อง กระบวนการสนับสนุนการผลิตเริ่มมีการใช้ระบบอัตโนมัติ |
Band 4 ระบบอัตโนมัติในสายผลิต (Automation line) |
กระบวนการผลิตมากกว่า 80% เป็นระบบอัตโนมัติ กระบวนการสนับสนุนการผลิตมากกว่า 80% เป็นระบบอัตโนมัติ |
กระบวนการผลิตส่วนใหญ่ ดำเนินการด้วยตัวเครื่องจักรเองตามโปรแกรมที่ถูกตั้งไว้ พนักงานทำหน้าที่เลือก โปรแกรม สั่งเริ่ม-หยุดกระบวนการและเข้าไปจัดการกรณีที่เกิดเหตุขัดข้อง กระบวนการสนับสนุนการผลิตมีการใช้ระบบอัตโนมัติในการควบคุม |
Band 5 ระบบอัตโนมัติที่ยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ (Flexible automation) |
กระบวนการผลิตเป็นระบบอัตโนมัติมากกว่า 80% โดยเป็นระบบที่รองรับ การผลิตแบบ Mass customization กระบวนการสนับสนุนการผลิตมากกว่า 80% เป็นระบบอัตโนมัติ |
กระบวนการผลิตสามารถดำเนินการปรับแต่งหรือกำหนดค่าใหม่ให้อุปกรณ์ เครื่องจักร และระบบคอมพิวเตอร์ได้ อัตโนมัติเพื่อให้สายการผลิตมีความสามารถรองรับการผลิตแบบ mass customization และกระบวนการ สนับสนุนการผลิตส่วนใหญ่เป็นระบบอัตโนมัติ |
Band 6 ระบบอัตโนมัติทั่วทั้งองค์กร (Company-wide automation) |
กระบวนการผลิตและกระบวนการสนับสนุนการผลิตนั้น เชื่อมโยงข้อมูล ร่วมกับ Platforms ของระบบอัตโนมัติระดับองค์กร และระบบอัตโนมัติ ของ Facility ทำให้เกิดเป็นโครงข่ายอัจฉริยะ (Autonomous Networks) |
ระบบอัตโนมัติทั้ง 3 domain ในองค์กร คือ Production, Enterprise และ Facility สามารถแลกเปลี่ยน เชื่อมโยงข้อมูลเพื่อทำงานร่วมกันได้ เช่น ระบบการผลิตได้รับข้อมูลเพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการเลือกเครื่องจักรผลิต ที่ available และสามารถส่งข้อมูลไปยังฝ่ายสนับสนุนการผลิตได้ทันที |
---------------------------------------------
สนใจข้อมูลเรื่องราวเพิ่มเติม คลิกที่นี่
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมอุตสาหกรรมไทย 4.0 (Thailand I 4.0 Index)
---------------------------------------------
---------------------------------------------
สนใจข้อมูลเรื่องราวอุตสาหกรรม 4.0 เพิ่มเติม คลิกที่นี่
อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) รวมข้อมูล---------------------------------------------
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย 4.0 มิติ 1 เทคโนโลยี (Technology)
มิติย่อยที่ 02 ระบบอัตโนมัติ ในงานองค์กร(Enterprise Automation)
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมไทย 4.0 มิติ 1 เทคโนโลยี (Technology) คือ ระบบการผลิตที่เป็น ระบบบริหารจัดการและจัดเก็บข้อมูลระบบ การจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกที่รูปแบบการทำงานอัตโนมัติระบบควบคุมเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันแบบต่อเนื่องแบบไร้รอยต่อ 6 ย่อยย่อย
มิติย่อยที่ 02 ระบบอัตโนมัติองค์กร(Enterprise Automation) จะพิจารณาที่เทคโนโลยีหรือโปรแกรมและอุปกรณ์ที่ใช้ดำเนินงานและช่วยอำนวยความสะดวก ในกระบวนการด้านงานบริหารและธุรการ ซึ่งได้แก่ การตลาด การขาย การวางแผนการผลิตและวัตถุดิบ การจัดซื้อ การจัดการคลัง การเงินและบัญชี การจัดการทรัพยากรบุคคล เป็นต้น
ระบบอัตโนมัติในองค์กร (Enterprise Automation) มักใช้ในการอัตโนมัติกระบวนการทางธุรกิจและการบริหารองค์กรที่เกี่ยวข้องกับตัวผลิตกัณฑ์ ตัวอย่างด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างของ hardware และ software ที่สามารถนำเข้าในระบบอัตโนมัติในองค์กร:
ตัวอย่างระบบอัตโนมัติในองค์กร (Enterprise Automation) ประกอบด้วย
อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ (Hardware) เช่น
- ระบบคอมพิวเตอร์แม่เหล็ก (Mainframe Computers) ใช้ในการประมวลผลข้อมูลและให้บริการในระบบองค์กรที่มีปริมาณข้อมูลมาก.
- พอยน์ตอร์ (Printers) ใช้ในการพิมพ์เอกสารและรายงานต่าง ๆ สำหรับการสื่อสารในองค์กร.
- อุปกรณ์อินเทอร์เน็ตอุปกรณ์ (Network Devices) ใช้ในการเชื่อมต่อและส่งข้อมูลในระบบเครือข่ายองค์กร เช่น เราเตอร์, สวิตช์, และไฟร์วอลล์ เป็นต้น
- เซิร์ฟเวอร์ (Servers) ใช้ในการจัดเก็บข้อมูล, ให้บริการแอปพลิเคชัน, และจัดการความปลอดภัยข้อมูล.
- อุปกรณ์อินเทอร์เน็ตของสิทธิ์ (Security Network Appliances) ใช้ในการควบคุมและปกป้องระบบเครือข่ายขององค์กร.
- ระบบเก็บข้อมูล (Storage Systems) ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลในระบบองค์กรและควบคุมการเข้าถึงข้อมูล.
- โทรศัพท์ภายใน (Internal Telephony Systems) ใช้ในการสื่อสารภายในองค์กรและการจัดการสายโทรศัพท์.
- อุปกรณ์สำรองไฟ (Uninterruptible Power Supplies, UPS) ใช้ในการคุมความปลอดภัยของอุปกรณ์ในกรณีไฟฟ้าดับ.
- กล้องวงจรปิด (Closed-Circuit Television, CCTV) ใช้ในการรักษาความปลอดภัยและติดตามกิจกรรมในองค์กร.
- อุปกรณ์อ่านการตรวจสอบเริ่มต้น (Barcode Scanners) ใช้ในการติดตามและจัดการสินค้าและวัสดุในกระบวนการองค์กร
- เครื่องบรรจุหีบห่อ (Packaging Machine) เครื่องที่ใช้บรรจุสินค้าลงในหีบห่ออัตโนมัติ
- เครื่องคัดแยก (Sorting Machine) เครื่องที่ใช้คัดแยกสินค้าตามขนาด น้ำหนัก รูปร่าง หรือคุณสมบัติอื่นๆ
- ระบบควบคุมเครื่องจักร (Machine Control System) ระบบที่ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม
- ระบบขนส่งวัสดุ (Material Handling System) ระบบที่ใช้ขนส่งวัสดุและสินค้าในโรงงานอุตสาหกรรม
- ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse System) ระบบที่ใช้จัดเก็บและหยิบจ่ายสินค้าในคลังสินค้าโดยอัตโนมัติ
- ระบบตรวจสอบคุณภาพ (Quality Inspection System) ระบบที่ใช้ตรวจสอบคุณภาพของสินค้าก่อนส่งมอบ
- ระบบติดตามวัตถุดิบและสินค้า (Traceability System) ระบบที่ใช้ติดตามวัตถุดิบและสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
โปรแกรมซอฟต์แวร์ (Software) เช่น
- ระบบการบริหารทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning, ERP) ใช้ในการจัดการข้อมูลทางธุรกิจเช่นการจัดการบัญชี, คลังสินค้า, และการผลิต.
- ระบบจัดการรายการลูกค้า (Customer Relationship Management, CRM) ใช้ในการจัดการข้อมูลลูกค้าและการติดตามความสัมพันธ์กับลูกค้า.
- ระบบการบริหารโครงการ (Project Management Software) ใช้ในการวางแผนและควบคุมโครงการในองค์กร.
- ซอฟต์แวร์การจัดการข้อมูลที่สำคัญ (Document Management Software) ใช้ในการจัดเก็บ, ค้นหา, และแบ่งปันเอกสารองค์กร.
- ระบบสารสนเทศการบริหาร (Management Information System, MIS) ใช้ในการสรุปข้อมูลและรายงานทางธุรกิจในองค์กร.
- ระบบวางแผนและจัดการข้อมูลโลจิสติกส์ (Logistics Planning and Management Software) ใช้ในการวางแผนการขนส่งและจัดการสายโลจิสติกส์ในองค์กร.
- ระบบจัดการการบำรุงรักษา (Maintenance Management System) ใช้ในการวางแผนและควบคุมการบำรุงรักษาอุปกรณ์.
- ซอฟต์แวร์ควบคุมความปลอดภัยข้อมูล (Data Security Software) ใช้ในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลขององค์กร.
- ระบบวางแผนและจัดการทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources Planning and Management Software) ใช้ในการจัดการข้อมูลพนักงานและการจัดการทรัพยากรมนุษย์.
- ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics Software) ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสรุปข้อมูลและช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
- ซอฟต์แวร์ออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ออกแบบผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนต่างๆ
- ซอฟต์แวร์จำลองการผลิต (Simulation Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้จำลองกระบวนการผลิตเพื่อทดสอบและวิเคราะห์
- ซอฟต์แวร์วางแผนการผลิต (Production Planning Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้วางแผนการผลิตและจัดสรรทรัพยากร
- ซอฟต์แวร์ควบคุมคลังสินค้า (Warehouse Management Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมการจัดเก็บและหยิบจ่ายสินค้าในคลังสินค้า
- ซอฟต์แวร์ตรวจสอบคุณภาพ (Quality Inspection Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ตรวจสอบคุณภาพของสินค้า
- ซอฟต์แวร์ติดตามวัตถุดิบและสินค้า (Traceability Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ติดตามวัตถุดิบและสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
- ซอฟต์แวร์บริหารจัดการการผลิต (Production Management Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้บริหารจัดการกระบวนการผลิตทั้งหมด
ตัวอย่างการใช้งานระบบอัตโนมัติในองค์กร ที่เกี่ยวข้องกับตัวผลิตกัณฑ์ เช่น
- การใช้หุ่นยนต์อุตสาหกรรมในการประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
- การใช้เครื่อง CNC ในการกัดชิ้นงานโลหะ
- การใช้เครื่องบรรจุหีบห่ออัตโนมัติในการบรรจุสินค้า
- การใช้เครื่องคัดแยกอัตโนมัติในการคัดแยกสินค้า
- การใช้ระบบควบคุมเครื่องจักรอัตโนมัติในการควบคุมการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ
- การใช้ระบบขนส่งวัสดุอัตโนมัติในการขนส่งวัสดุและสินค้า
- การใช้ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติในการจัดเก็บและหยิบจ่ายสินค้า
- การใช้ระบบตรวจสอบคุณภาพอัตโนมัติในการตรวจสอบคุณภาพของสินค้า
- การใช้ระบบติดตามวัตถุดิบและสินค้าอัตโนมัติในการติดตามวัตถุดิบและสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
- ระบบอัตโนมัติในองค์กรช่วยลดการใช้แรงงานคน ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อย่างมาก จึงเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตในปัจจุบัน
นอกจากตัวอย่างข้างต้นแล้ว ยังมีระบบอัตโนมัติในองค์กรอีกมากมายที่สามารถใช้กับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับตัวผลิตกัณฑ์ได้ เช่น
- ระบบอัตโนมัติด้านการจัดการทรัพยากรบุคคล (Human Resource Automation) เช่น ซอฟต์แวร์จัดเก็บข้อมูลพนักงาน ซอฟต์แวร์การจ้างงาน ซอฟต์แวร์การฝึกอบรม
- ระบบอัตโนมัติด้านการจัดการซัพพลายเชน (Supply Chain Automation) เช่น ซอฟต์แวร์การวางแผนการผลิต ซอฟต์แวร์การจัดซื้อจัดจ้าง ซอฟต์แวร์การจัดการคลังสินค้า
- ระบบอัตโนมัติด้านการตลาดและการขาย (Marketing and Sales Automation) เช่น ซอฟต์แวร์ CRM ซอฟต์แวร์อีเมลมาร์เก็ตติ้ง ซอฟต์แวร์การวิเคราะห์ข้อมูล
การเลือกระบบอัตโนมัติที่เหมาะสมกับองค์กรนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทของธุรกิจ กระบวนการผลิต งบประมาณ และเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ ระบบอัตโนมัติในองค์กรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทางธุรกิจและการสรุปข้อมูลในองค์กร และช่วยลดความผิดพลาดและค่าใช้จ่ายในกระบวนการทางธุรกิจและบริหารองค์กร
โดยมีรายละเอียดในการประเมินเพื่อจัดระดับความพร้อม ดังนี้
Band |
นิยาม |
คำอธิบายเพิ่มเติม |
Band 1 Labour oriented |
กระบวนการด้านงานบริหารและธุรการไม่ได้เป็นระบบอัตโนมัติ หรือมี ระบบอัตโนมัติน้อยกว่า 20% ของกระบวนการทั้งหมด |
กระบวนการบริหารและธุรการดำเนินการโดยใช้คนเป็นหลักมากกว่า 80% เช่น ใช้การบันทึกในกระดาษหรือสมุด คำนวณโดยใช้เครืองคิดเลขหรือ excel |
Band 2 Partial automation |
กระบวนการด้านงานบริหารและธุรการมีความเป็นระบบอัตโนมัติมากกว่า 20% แต่ไม่เกิน 80% |
กระบวนการบริหารและธุรการดำเนินการโดยใช้คนเป็นหลัก โดยใช้โปรแกรมหรือโมดูลเพื่อจัดการด้านบัญชี คลัง วางแผนผลิต ขายและจัดส่ง เป็นต้น |
Band 3 Automation oriented |
กระบวนการด้านงานบริหารและธุรการมากกว่า 80% ทำงานด้วยระบบ อัตโนมัติ แบบแยกอิสระต่อกัน |
มีการใช้โปรแกรมระบบสารสนเทศ เพื่อจัดการกระบวนการบริหารและธุรการเป็นหลัก |
Band 4 Integrated automation |
กระบวนการด้านงานบริหารและธุรการมากกว่า 80% เป็นระบบอัตโนมัติ โดยที่การส่งต่อข้อมูลระหว่างโมดูลเป็นไปโดยอัตโนมัติหากเข้าตามเงื่อนไข ของโปรแกรม โดยไม่ต้องอาศัยพนักงานดำเนินการส่งหรือจัดการข้อมูล ระหว่างโปรแกรม |
มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างโมดูลในระบบสารสนเทศ และสามารถดำเนินการตามฟังก์ชั่นงานที่กำหนดไว้ได้แบบ อัตโนมัติ กรณีระบบมีการแจ้งความผิดปกติ ยังต้องให้พนักงานเป็นผู้ตัดสินใจเพื่อดำเนินการกับความผิดปกตินั้น |
Band 5 Flexible automation |
กระบวนการด้านงานบริหารและธุรการเป็นระบบอัตโนมัติมากกว่า 80% และโดยที่ระบบมีความ Flexible ให้สามารถปรับเปลี่ยน Workflow การ ทำงาน หรือการเพิ่มกระบวนการ (Module) |
โครงสร้างระบบสารสนเทศถูกออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขให้เหมาะสมกับความต้องการได้โดยง่ายและ รวดเร็ว เช่น การปรับ flow เดิม หรือการเพิ่มโมดูลใหม่ โดยไม่กระทบโครงสร้างเดิม |
Band 6 Company-wide automation |
กระบวนการด้านงานบริหารและธุรการนั้น เชื่อมโยงข้อมูลร่วมกับ Platforms ของระบบอัตโนมัติระดับ Shop Floor และระบบอัตโนมัตของ Facility ทำให้เกิดเป็นโครงข่ายอัจฉริยะ (Autonomous Networks) |
ระบบอัตโนมัติทั้ง 3 domain ในองค์กร คือ Production, Enterprise และ Facility สามารถแลกเปลี่ยน เชื่อมโยงข้อมูลเพื่อทำงานร่วมกันได้ เช่น ระบบการผลิตได้รับข้อมูลเพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการเลือกเครื่องจักรผลิต ที่ available และสามารถส่งข้อมูลไปยังฝ่ายสนับสนุนการผลิตได้ทันที |
---------------------------------------------
สนใจข้อมูลเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่นี่
ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมอุตสาหกรรมไทย 4.0 (Thailand I 4.0 Index)
-------------------------------------------------
ที่มาข้อมูล
-------------------------------------------------
ข้อมูลที่น่าสนใจประวัติศาสตร์อุตสาหกรรม 4.0 ที่นี่ที่นี่
อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) รวมข้อมูล-------------------------------------------------
เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward